ตอนที่ 2 บริษัทไมดาส
ณ ห้างกาแล็คซี่
“อิ่มจุกๆ..มากเลยอะพี่” เปียโนกล่าวหลังเดินออกมาจากร้านชาบู
“ดีแล้ว กินเยอะๆ”
“กินไอติมไหม?” ผมกล่าวเมื่อหันไปเห็นร้านข้างๆเป็นร้านไอศครีมพอดี
“พอแล้วล่ะ เปียโนต้องควบคุมน้ำหนัก” เปียโนกล่าวด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“กินไปเถอะน่า เดี๋ยวพี่พาไปออกกำลังกาย” ผมกล่าวพร้อมกับจับมือเปียโนเดินเข้าไปในร้านไอศครีม
15 นาทีผ่านไป
“ทำไมวันนี้พี่ใจดีจัง พี่ถูกหวยเหรอ?” เปียโนกล่าวถามผมหลังจากที่เรากินไอติมจนหมด ซึ่งระหว่างกินผมก็นั่งเทรดเหรียญคริปโตไปด้วย ซึ่งช่วงเวลานี้ราคามันก็เหวี่ยงพอตัวเลย ทำให้ผมกอบโกยกำไรมาได้กว่า 200 ดอลลาร์ จากทุนเริ่มต้น 30 ดอลลาร์
“พี่เพิ่งจะตัดสินใจอะไรได้น่ะ”
“พี่จะเลิกเป็นโปรเพลเยอร์…” ผมกล่าวทำให้ช้อนในมือของเปียโนตกลงบนโต๊ะทันที เพราะเกมเมอร์คืออาชีพในฝันของผม รวมถึงเส้นทางโปรเพลเยอร์ที่ผมกับทีมสร้างขึ้นมาแล้วด้วย
“จริงเหรอ!?” เปียโนส่งเสียงด้วยความตกใจแต่ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความลืมตัว
“จริงสิ พี่จะเดินตามรอยพ่อ”
“หลังจากนี้ก็ช่วยสนับสนุนพี่ด้วยนะ” ผมกล่าวก่อนจะลูบหัวเปียโนอย่างเอ็นดู
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เปียโนดีใจมากกว่าเดิมจนจับมือผมไว้แน่น
และหลังจากนั้นพวกเราก็เดินช็อปปิ้งอะไรกันเรื่อยเปื่อยจนถึงใกล้เวลาห้างจะปิดเลยทีเดียว และพวกเราก็กลับคอนโดมาแยกย้ายกันนอน แต่คงมีแค่ผมแหละที่หลับไม่ลง เพราะผมเจอเส้นทางการทำเงินใหม่ขอแค่ตาผมยังเปิดนิ้วผมยังขยับอยู่เท่านั้น ผมก็จะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
วันถัดไป
“อ่า…” ผมส่งเสียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจำนวนเงินในแอพ
$22,236
นี่คือจำนวนเงินที่ผมหาได้จากการเทรดเมื่อคืน ผมล่อจนตลาดหุ้นอเมริกาปิดเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบเป็นเงินไทยแล้วก็ล่ะก็เจ็ดแสนกว่าๆเลยแหละ และที่จริงวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียน แต่อาจารย์ยกคลาสเพราะเครื่องบินดีเลย์ ผมก็เลยนั่งเทรดยันเช้า
ปิ้วๆๆๆ
“โหล?” เมื่อเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นผมก็ปัดขวากดรับสายทันที
“ไอเจ็ค มึงทำอะไร..หายไปเลยนะ” เสียงที่คุ้นเคยตะโกนใส่ผม
“กูยังไม่ว่าง แค่นี้นะ” ผมกล่าวก่อนจะกดตัดสายไป ซึ่งไอนี่มันก็คือเพื่อนในเกมของผมนี่แหละ อยู่ปาร์ตี้ขึ้นแรงค์เดียวกัน
ปิ้วๆๆๆ
“โหล บอกว่ายังไม่ว่าง” และเมื่อมีสายโทรเข้าอีกครั้งผมก็กดรับและพูดบ่นออกไปทันที
“หืม…” แต่ก่อนที่ผมจะกดตัดสาย ผมกลับได้ยินเสียงหืมกลับมา ซึ่งมันไม่ใช่เสียงเดิม และเมื่อผมแหงนโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของพ่อที่โทรมา
‘เวรกรรม’ ผมจึงรีบลุกขึ้นและกระแอมเสียงก่อนจะทักทายพ่อกลับ
“พ่ออยากให้ลูกมาดูงานที่บริษัท”
“แต่ถ้าลูกไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” พ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ว่างครับพ่อ" ผมตอบกลับไปทันที
“ลูก ไม่ใช่ว่ากำลังซ้อมทีมอยู่เหรอ?” พ่อกล่าวถามกลับ และมันทำให้น้ำตาผมซึมทันที ทั้งที่พ่อคนอื่นน่าจะบ่นให้ลูกมาสนใจงานการบ้าง แต่นี่กลับสนับสนุนและไม่ก่อกวนผม
“โปรเจ็ค…ตัดสินใจเลิกเป็นโปรเพลเยอร์แล้วครับ” ผมตอบกลับด้วยความความมั่นใจ
“เดี๋ยวสิ มันเป็นความฝันของลูกไม่ใช่รึไง?”
“มีอะไรปรึกษาพ่อได้นะ”
“หรือเป็นเพราะพ่อกวนลูก?” พ่อกล่าวถามผมอย่างใจเย็น
“ไม่เลยครับ โปรเจ็คอยากจะเป็นแบบพ่อครับ” ผมกล่าว ทำให้พ่อถึงกับเงียบไปสักพัก
“คะ คุณ…ร้องไห้ทำไมคะ?" เสียงแม่ดังมาจากในโทรศัพท์
“ผมดีใจ ผมดีใจมาก” พ่อกล่าวก่อนที่แม่จะเป็นคนพูดสายแทน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะโปรเจ็ค?” แม่กล่าวถามผมด้วยความสับสน
“โปรเจ็คบอกว่าจะไปบริษัทกับพ่อครับ” ผมกล่าวจบแม่ก็เงียบไปอีกคน
“ถ้ายังไงเดี๋ยวโปรเจ็คไปรอที่บริษัทนะครับ” ผมกล่าวก่อนจะกดวางสายและรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ซึ่งในวันนี้ผมก็ได้สวมชุดสูทที่พ่อสั่งตัดพิเศษมาให้ด้วย โดยพ่อหวังจะให้ผมใส่เข้าบริษัทเป็นครั้งแรก แต่มันก็ผ่านมาปีหนึ่งแล้วผมก็ไม่เคยเข้าไปสักครั้ง
ณ บริษัทไมดาสกรุ๊ป
“ขอพบท่านประธานครับ” ผมเดินไปพูดกับพนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งบนหัวของเธอก็มีสัญลักษณ์ + อยู่ด้วย
“มีนัดล่วงหน้าไว้ไหมคะ?” พนักงานกล่าวถามกลับ ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่เธอจะไม่รู้ว่าผมคือใคร เพราะผมไม่เคยโผล่หน้ามาที่บริษัทสักครั้งเลย
“ไม่ได้นัดไว้ครับ แต่ถ้าเรียนท่านว่ามีคนชื่อโปรเจ็คมาขอพบท่าน....ท่านน่าจะอนุญาตทันทีครับ” ผมกล่าว ซึ่งดูเหมือนพนักงานจะมีสีหน้าที่ไม่เชื่อ แต่เธอก็ยอมโทรหาเลขาของพ่อให้
ฟุบ
“ขออภัยค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ” และเมื่อเธอได้รับรู้เรื่องบางอย่างเข้า เธอก็รีบลุกขึ้นและเดินนำผมไปที่ลิฟต์พร้อมกับเดินพาผมมาส่งที่ห้องทำงานของประธานบริษัททันที
“คนหล่อๆคนนั้นมาทำอะไรกัน?”
“ดารา? หรือว่าจะมาเป็นพรีเซนเตอร์?” พนักงานบริษัทต่างพากันกล่าวถึงผมเมื่อผมเดินผ่านหลายแผนกไป
“อ้าวลูก?” แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ แม่ก็เดินมาพอดี ซึ่งตำแหน่งของแม่ในบริษัทก็คือผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีของบริษัท แม่จะเป็นคนควบคุมและดูแลการเงินของบริษัทแทบทุกอย่าง ซึ่งแม่เป็นคนที่ละเอียดรอบครอบมากๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของแม่ไปได้ และแม่ก็สามารถจับผิดพวกยักยอกเงินไปสองสามคนแล้วอีกด้วย
“ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าเป็นลูกของคุณท่าน” พนักงานต้อนรับกล่าว
“ไม่เป็นไร เธอกลับไปทำหน้าที่เถอะ” แม่กล่าวก่อนจะเดินมากอดแขนผมและพาผมเข้าไปในห้องประธานบริษัท
หลังจากที่ ทำให้พนักงานบริษัทแตกตื่นกันหมดว่าชายหนุ่มคนนี้คือลูกชายของท่านประธาน
“สรุปเกิดอะไรขึ้นโปรเจ็ค?” พ่อรีบวางเอกสารในมือและเงยหน้ามาสนใจกับผมทันที ซึ่งดูเหมือนทั้งแม่และพ่อจะเป็นห่วงผมมากเลยทีเดียว
“โปรเจ็คอยากรวยครับ โปรเจ็คอยากทำงาน” ผมกล่าวไปตรงๆ พลางมองสัญลักษณ์บนหัวของพ่อและแม่ ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นบวก
“รวยเหรอ? ลูกอยากได้เงินเท่าไหร่ล่ะ?” พ่อกล่าวถามผมกลับ ซึ่งดูเหมือนพ่อจะเข้าใจผมผิดไป
“พ่อ โปรเจ็คไม่ได้อยากได้เงินพ่อ”
“แต่โปรเจ็คอยากได้บริษัทของพ่อมาสร้างเงิน” ผมกล่าวออกไปครั้งนี้ทั้งพ่อทั้งแม่ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“เพราะอะไร?” พ่อกล่าวถามผมกลับเมื่อดึงสติกลับมาได้
“โปรเจ็ครู้สึกว่าถ้ามีเงินจะทำอะไรก็ได้ ซื้อของกินที่อยากกินได้”
“ซื้อของที่อยากได้ได้ หรือแม้แต่ซื้อเวลาต่อชีวิตก็ยังได้”
“ดีกว่ามานั่งเครียดกับเกมเพื่อเอาแชมป์แล้วมันก็จบครับ” ผมกล่าวออกไปทำให้พ่อก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อคิดตามสิ่งที่ผมพูด
“แค่นี้เหรอ?” พ่อกล่าวถามผมต่อ
“ไม่ใช่แค่นี้ครับพ่อ เมื่อคืนโปรเจ็คพาน้องออกไปหาของกิน และซื้อชุดสวยๆให้น้อง”
“น้องมีความสุขมากจากการที่โปรเจ็คเป็นผู้ให้ ซึ่งโปรเจ็คเองก็มีความสุขมากเหมือนกัน”
“ที่ได้เห็นรอยยิ้มน้องสาว ได้เห็นความสดใสของน้อง”
“เพราะฉะนั้นโปรเจ็คต้องการที่จะหาเงินครับ”
“หาเงินมาได้ใช้ชีวิตให้สบาย และได้เห็นรอยยิ้มของทุกๆคนที่ดีกับโปรเจ็คครับ” ผมกล่าวจนทำให้พ่อถึงกับยกยิ้มมุมปากเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆๆๆๆ อะไรทำให้ลูกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้กัน?” พ่อกล่าวพลางเดินมากอดผมไว้แน่น
‘เพราะความผิดพลาดในชีวิตที่แล้วไงพ่อ…’ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมาก่อนจะสวมกอดพ่อไว้แน่นเช่นกัน
“ลูกแม่!”
“ฟอดๆๆๆ” แม่ที่ดีใจมากถึงกับกระโดดกอดผมและหอมแก้มผมไปหลายฟอดเลยทีเดียว
ทรัพย์สินรวมปัจจุบัน : 801,156 บาท
