บท
ตั้งค่า

แส่หาเรื่อง

หลังจากอาบน้ำและจัดแจงเตรียมชุดที่จะใส่ไปงานพรุ่งนี้แล้ว ฟ้าก็มืดพอดี ฉันตัดสินใจออกมาเดินแถวหน้าโรงแรม หาร้านอาหารดีๆ ทานสักร้าน แต่ก็ไม่มีร้านไหนน่าสนใจ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนหาข้อมูลของกรุงฟาเดล มีตลาดที่ไม่ไกลจากโรงแรม

ฉันโบกแท็กซี่ไปที่ตลาดฟาเดล ใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาทีเท่านั้น ตลาดฟาเดลเป็นตลาดขนาดใหญ่ อยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศฟารีเซียร์

หน้าตลาดสองข้างถนนเป็นตึกแถวสูงไม่เกินห้าชั้น มีร้านรวงหลายประเภท ร้านแรกๆ ด้านหน้า ส่วนมากจะเป็นร้านขายของฝากอยู่ติดกันนับสิบร้าน

ทว่าแต่ละร้านราคาของแพงไม่ใช่เล่น เลยได้แต่เดินดูเพลินๆ ถัดเข้าไปด้านในตลาด มีร้านอาหารหลากหลายอย่าง มีทั้งเป็นภัตตาคาร จนถึงร้านในซอกตึกที่เป็นแค่รถเข็น และมีแค่เก้าอี้ให้นั่งทานเท่านั้น

พอเดินลึกเข้าไปในตลาดจนเกือบท้ายๆ มีร้านพวกข้าวของเครื่องใช้ และร้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายพื้นเมืองแบบอาหรับ

ร้านขายเครื่องประดับที่น่าสนใจหลายร้าน แต่ราคาค่อนข้างแพงไม่แน่ใจว่าเป็นราคานักท่องเที่ยวรึเปล่า รวมๆ แล้วตลาดฟาเดลมีหลายอย่างที่น่าสนใจ

หลังจากเลือกร้านอาหารจีนและเข้าไปทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ฉันยังเดินเตร่ไปเรื่อยเปื่อย ผู้คนเริ่มบางตาลง มีหลายร้านที่ยังเปิดอยู่ บางร้านเริ่มเก็บของปิดร้านแล้ว

ฉันก้มมองนาฬิการข้อมือบอกเวลา เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องกลับโรงแรม เพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยล้า จากการเดินทางที่ยาวนานของวันนี้

พอเดินออกมาจากร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง เท้าฉันก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเอ๊ะอะดังขึ้นมาจากสุดมุมตึก

ตรงนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงกันอยู่ ดูสับสนวุ่นวายไปหมด คล้ายกับว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก ฉันยืนนิ่งฟัง ใจหนึ่งก็อยากเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่สมองก็พยายามสั่งห้าม และให้ถอยเท้ารีบเดินออกไปซะ

แต่ใจกลับไม่ยอมฟังในที่สุดความสงสัย อยากรู้อยากเห็นก็ชนะทุกสิ่ง ฉันสาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่

เสียงร้องไห้โหยหวนของผู้หญิงก็ชัดเจนขึ้น พร้อมเสียงตะคอกเอ๊ะอะโวยวายดังลั่นของผู้ชาย กระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉันมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเดินมาหยุดที่จุดเกิดเหตุ ก็เผยให้เห็นว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายชายกำลังผลักผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่ามากล้มลงไป แต่ท่ามกลางคนมากมายตรงนั้นไม่มีใครเข้าไปช่วยห้ามปล่ามอะไรเลย

กลุ่มคนที่ยืนมุงดูหญิงสาวที่กำลังถูกชายหนุ่มร่างใหญ่ ตบแล้วล้มลงไปซ้ำถึงสองครั้งติด แล้วด่าทอสลับกับการถุยถ่มน้ำลายใส่ เป็นการกระทำที่ถ่อยและสถุนที่สุด ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้นก็ตาม แต่เขาก็ไม่ควรทำอย่างนั้นกับเธอ

ชายหนุ่มร่างยักษ์ใช้เท้าเตะเข้าที่กลางลำตัวของผู้หญิงคนนั้น จนเธอฟลุบลงกับพื้นและนิ่งไป ฉันตกใจรีบยกเอามือปิดปากก่อนจะเผลอหวีดร้องออกไป

มันกำลังจิกหัวผู้หญิงขึ้นมา และกำลังจะเงือมมือตบลงที่ใบหน้าของเธอ

ไอสารเลวหน้าตัวเมีย! ฉันรู้สึกสลดใจและหดหู่มาก

ผู้หญิงคนนั้นพยายามขยับหนีและใช้ท่อนแขนยกขึ้น เพื่อเป็นกำบังปกป้องตัวเองเท่านั้น เมื่อเธอลดแขนลงเลือดสีแดงสดกำลังไหลอาบใบหน้าของเธอ ลงมาเปอะเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด

ฉันก็ไม่อาจทนดูการทำร้ายที่แสนป่าเถื่อนนี้ได้อีกต่อไป ยังไงก็ต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ ไม่อย่างนั้นเธอตายแน่

เท้าของฉันก้าวเข้าไปหาไอสารเลวหน้าตัวเมียด้วยความโกรธแค้น ประหนึ่งว่าผู้หญิงคนที่กำลังถูกทำร้ายอยู่นั้น คือเพื่อนญาติพี่น้องของตัวเอง

ฉันเล็งที่เป้าและเตะเท้าเข้าไปที่ตรงกลางหว่างขาของมันสุดแรง ไอ้คนสารเลวนั่นหยุดชะงักทันที มันยกมือข้างหนึ่งมากุมเป้าเอาไว้ ใบหน้าของมันเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

รู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้วล่ะสิ แค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ มันต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมากกว่านี้

ฉันจึงซัดเท้าเข้าไปที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้ขามันเริ่มสั่น เหมือนจะอ่อนยวบลงกับพื้น แค่นี้มันยังน้อยไปมันต้องโดนหนักกว่านี้อีก ทว่าในนาทีต่อมามันหันขวับกลับมาจ้องเขม็งที่ฉัน แววตาของมันดูโกรธและเจ็บแค้นอาฆาตสุดๆ

แล้วไอสารเลวนั่นก็หันไปหยิบไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ไม้ขนาดเท่าไม้เบสบอล เดินตรงเข้ามาหาฉัน ฉันรีบถอยเท้าไปด้านหลัง มองซ้ายขวามองผู้คนที่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาร่วมวงด้วยเลย

หลังจากก้าวถอยหลังยังไม่ถึงห้าก้าว ไอหมอนั่นก็พุ่งปรี่เข้าหาฉันพร้อมไม้ในมือ ที่หวดมาด้วยความแรงและเร็วไม่มียั้ง ฉันต้องวิ่งหลบไปมาในวงล้อม หวิดไปมาอยู่หลายที จนสะดุดล้มไถลไปกับพื้น

ซวยแล้ว! นี่ฉันกำลังพลาดท่าเสียทีโดนไอ้สารเลวนี่เอาคืนบ้างแล้ว แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ คนตั้งเยอะแยะ แต่กลับไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยเลยสักคน ให้ตายเหอะคนที่นี่ใจดำชะมัด

เมื่อไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วย ฉันก็คงต้องรีบลุกล้นลานหนีตาย แล้วก็ไม่รอด ไม้ฟาดมาโดนขาข้างขวาเต็มๆ ทำให้ฉันเซล้มลงไปอีก

โอ๊ยเจ็บสุดๆ ฉันยกมือกุมหน้าขาตรงส่วนที่เพิ่งโดนไม้ฟาดไปหมาดๆ แล้วถูฝ่ามือไปกับต้นขาหวังจะให้ความเจ็บปวดทุเลาลงบ้าง แต่ไม่เลย ฉันรู้สึกเจ็บจนลุกไม่ไหว

เสียงผู้ชมเริ่มเงียบบรรยากาศตึงเครียด จนฉันเองก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว นี่คงใกล้จะถึงจุดจบของการเอาตัวเองเข้ามาแส่หาเรื่องของฉัน

ไอสารเลวหน้าตัวเมียมันยืนหัวเราะเยาะใส่อย่างสะใจ แล้วสบถเป็นภาษาอาหรับพร้อมกับถุยน้ำลายลงบนพื้น

โอ๊ยนี่มันคือผู้ชายที่เลว ถ่อย และสถุนที่สุด เท่าที่ฉันเคยพบเคยเห็นมา

แล้วมันก็ก้าวเท้าเข้ามาทีล่ะก้าวอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะลุก...แต่ก็ลุกไม่ขึ้น ซวยล่ะ! แต่...

“ปัง!” ... เสียงปืนยิงขู่ขึ้นบนฟ้า ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยซะที ฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงปืนนั่น แล้วม่านตาฉันก็ขยายสักสิบเท่า เมื่อเห็นฝรั่งนัยน์ตาสีฟ้าผมทอง เรย์! เขาอีกแล้ว มาได้ไง

“เจณีน คุณโอเคมั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า” เขาตะโกนถามด้วยความตื่นตระหนก แล้วรีบวิ่งแหวกวงล้อมเข้ามาหาฉันทันที ส่วนไอ้หน้าตัวเมียจอมหวดนั่น ก็รีบวิ่งหนีหายไปในทันทีเช่นกัน

“ไม่ต้องห่วงฉันค่ะ ฉันไม่เป็นไร แต่คนร้ายหนีไปแล้ว รีบตามมันไปสิมันทำร้ายผู้หญิง” เรย์ส่ายหน้า ไม่ยอมวิ่งตามไอ้หมอนั่นไป เขาไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับประคองให้ฉันลุกขึ้นยืนแทน

“ช่างมัน แต่ตอนนี่ผมต้องพาคุณไปโรงพยาบาลก่อน” เรย์ดูห่วงใยและเป็นกังวลมาก เขาพยายามสำรวจที่แขนขาของฉันอยู่สองสามรอบ

“เรย์ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ไม่ต้องห่วง แต่…” ฉันพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่นั่งร้องไห้เลือดไหลอาบเต็มหน้า อย่างน่าเวทนา

ก่อนจะเดินกะเผลกๆ ไป ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอยังมีอาการหวาดผวา กลัวจนตัวสั่นเทิ้ม

เรย์ช่วยพูดภาษาอาหรับกับเธอให้ และได้ความว่า หญิงสาวผู้น่าสงสารคนนี้เธอชื่อรอกียะฮ์ และไอ้หน้าตัวเมียนั่นคือสามีของเธอเอง มันต้องการเงิน แต่เธอไม่มีให้ มันเลยโกรธพาลทำร้ายทุบตีเธออย่างโหดร้ายทารุณ ฟังแล้วหดหู่ชะมัด

ฉันกับเรย์ต้องการพารอกียะฮ์ไปโรงพยาบาลและแจ้งตำรวจ แต่เธอปฏิเสธทั้งสองอย่าง แม้เราสองคนจะช่วยกันพูดโน้มน้าวยังไงเธอก็ปฏิเสธทุกอย่าง จนสุดท้ายเราต้องยอมปล่อยให้เธอจากไป

ส่วนฉันกับเรย์เราก็เถียงกันว่า ฉันจะกลับโรงแรม ส่วนเขาเองก็ยืนยันว่าจะพาฉันไปโรงพยาบาลให้ได้ เรย์กังวลมากว่าขาของฉันอาจจะบาดเจ็บจนถึงขั้นหักได้

สุดท้ายฉันก็ต้องยอมใจอ่อนเพราะเขา ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดมากที่ฉันได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย แต่เป็นเพราะความบ้าและแส่หาเรื่องของฉันเองต่างหาก

เมื่อหมอตรวจและเอกซเรย์เรียบร้อยแล้ว ผลคือขาฉันไม่หักหรือร้าวอะไร นอกจากเป็นรอยแดงเขียวซ้ำๆ และเริ่มบวมจนพยาบาลรีบเอาแผ่นเจลเย็นมาประคบให้

นอกจากนี้หมอก็สั่งยาแก้ปวดและแก้อักเสบมาให้ทาน และยังบอกอีกว่าสักวันสองวันฉันก็กลับไปวิ่งได้เหมือนเดิมแล้ว ทำให้เรย์คลายความกังวลลงและยิ้มอย่างโล่งใจ หลังจากนั้นเรย์ก็ขับรถมาส่งฉันที่โรงแรมฮัมดาน

“ขอบคุณมากนะคะเรย์” ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้ฉันคงนอนเป็นศพไร้ญาติอยู่กลางถนนไปแล้ว เพราะไอ้สารเลวหน้าตัวเมียนั่นแท้ๆ คิดแล้วก็เจ็บใจจริงๆ ที่ปล่อยมันหนีไปได้

“เจ ขอร้องนะ ถ้าคุณอยากไปที่ไหน โทรเรียกผม อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวอีก” เรย์พูดเสียงเครียด คิ้วขมวด หน้าเขาดูไม่สบายใจจริงๆ ฉันไม่คิดว่าเขาจะสนใจหรือเป็นห่วงคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวขนาดนี้

“ฉันขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกอย่าง แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณไปมากกว่านี้แล้วค่ะ”

“เจ คุณห้ามเกรงใจผม เพราะมันไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลย สำหรับคุณทุกเรื่องผมยินดีช่วยเสมอ”

ฉันควรบอกเขาตรงๆ ดีมั้ย ว่าเป็นการเปล่าประโยชน์ที่เขาพยายามจะทำดีกับฉัน มากแค่ไหนฉันก็ชอบเขาได้แค่เพื่อนเท่านั้น เรย์เดินมาส่งฉันถึงหน้าประตูลิฟต์เหมือนครั้งแรกที่พามาส่งที่โรงแรม

“เจ พรุ่งนี้เจ็ดโมงผมจะมารับคุณ ไปที่งานพระราชพิธีพร้อมกัน” เขาบอกเสียงเข้มเมื่อกดปุ่มเรียกลิฟต์

“ขอบคุณมากค่ะเรย์ แต่ฉันคิดว่า ฉันไปเองน่าจะสะดวกกว่า” ฉันไม่กล้ารบกวนอะไรเรย์อีกแล้ว แค่นี้ก็รู้สึกเป็นภาระเขามากพอแล้ว และอีกอย่างก็ไม่อยากไปให้ความหวังอะไรกับเขาอีก

“ได้โปรดให้ผมมารับเถอะนะ ขอร้องล่ะ ไม่งั้นผมคงรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ถ้าปล่อยให้คุณต้องมีอันตรายอีก” เรย์ดูจะซีเรียสมากกับเรื่องความปลอดภัยของฉัน จนฉันชักสงสัยแล้วว่ามันจะมีเรื่องอันตราย อะไรเกิดขึ้นกับฉันอีกหรือ

“เจ ที่นี่ฟารีเซียร์ ไม่ใช่ประเทศไทย คุณก็เห็นแล้วว่ามันป่าเถื่อนขนาดไหน”

ใช่ป่าเถื่อนมาก ผู้ชายทุบตีซ้อมผู้หญิงเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา และที่สำคัญไม่มีใครคิดจะช่วยสักคน แถมคนที่ถูกทำร้ายยังไม่กล้าเอาเรื่องหรือแจ้งตำรวจอีก

“เรย์ค่ะ ขอบคุณจริงๆ ที่คุณคอยช่วยเหลือ และห่วงใยความปลอดภัยของฉัน แต่เสียใจจริงๆ ค่ะ ฉันคงชอบคุณไปมากกว่าเพื่อนไม่ได้” ฉันต้องพูดตรงๆ เพื่อให้เขาไม่เข้าใจผิด ว่าการที่ยอมรับความช่วยเหลือทุกอย่างจากเขาเป็นการให้โอกาส

เรย์ยิ้มแห้งๆ กลับมา สีหน้าเขาไม่ได้บอกว่ารู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด กลับตรงข้าม สายตาเขา เหมือนบอกว่าไม่ได้คิดหรือรู้สึกแบบนั้นกับฉันตั้งแต่แรกแล้ว

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผม แต่ผมแค่อยากดูแล ปกป้องคุณ แค่คุณปลอดภัยเท่านั้นก็พอแล้ว” เรย์ยิ้มกว้าง พอดีกับประตูลิฟต์เปิดออกฉันจึงก้าวเท้าเข้าไปและหันกลับมาสบตากับเขาอีกครั้ง เรย์โบกมือลาก่อนประตูลิฟต์จะปิดลง

ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจ ทั้งช่วยเหลือและพยายามทำดีทุกอย่างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน เป็นไปได้เหรอ

ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน แล้วความรู้สึกผิดก็จู่โจมจนทำให้ฉันนอนแทบไม่หลับทั้งคืน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel