บทย่อ
เจณีนนักข่าวสาวจากเมืองไทย เธอต้องการสัมภาษณ์กษัตริย์ของฟารีเซียร์ แต่ถูกปฏิเสธ หากได้รับข้อเสนออื่นแทน โดยเธอต้องยอมนอนกับชีคคามิม เพื่อแลกกับการได้สัมภาษณ์ และยังถูกข่มขู่อีก เขาจะลงโทษเธอที่ลักลอบเข้ามาในห้องบรรทม ร้ายแรงสุดก็อาจถึงขั้นประหารชีวิต และผู้ที่ช่วยเหลือ ก็ต้องได้รับโทษไปด้วย
เดินทางสู่ดินแดนทะเลทราย
เครื่องบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำลังทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าประเทศไทย บินตรงสู่ฟารีเซียร์ ประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มีพรมแดนติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และ ซาอุดีอาระเบีย
ฟารีเซียร์อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรน้ำมันดิบ ทำให้กลายเป็นประเทศผลิตน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ ที่สุดในภูมิภาค
เมืองหลวงคือ กรุงฟาเดล ประชากรร้อยล่ะเกือบ 90 นับถือศาสนาอิสลาม ภาษาที่ใช้คือ อาหรับ ส่วนระบบการปกครองเป็นแบบราชาธิปไตย
โดยกษัตริย์มีอำนาจสูงสุดในทุกด้าน และอำนาจบริหารอยู่ที่คณะรัฐมนตรี ซึ่งองค์กษัตริย์จะทรงแต่งตั้งหรือถอดถอน ได้ตามพระราชอัธยาศัย
และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางคณะรัฐบาลของฟารีเซียร์ได้ออกมาประกาศ ถึงเรื่องการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่ ชีคคามิม บิน โมฮัมเหม็ด อัล อิสสมาแอล พร้อมกันนั้น ทางคณะรัฐบาลได้เตรียมจัดงานเฉลิมฉลอง พระราชพิธีขึ้นครองราชย์อย่างยิ่งใหญ่
โดยแหล่งข่าวสำนักหนึ่งของฟารีเซียร์เอง ได้ออกมาเปิดเผยถึงพระราชประวัติและกรณียกิจของกษัตริย์องค์ใหม่
ทรงมีพระปรีชาสามารถหลายด้าน เช่น นโยบายส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และทรงต้องการพัฒนาประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังทรงเป็นกษัตริย์นักลงทุนระดับแนวหน้า เพราะสองสามปีที่ผ่านมาพระองค์ลงทุน 50000 ล้านเหรียญสหรัฐ กับบริษัทและแบงก์ใหญ่หลายแบงก์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำกำไรในจำนวนมหาศาล
คาดการณ์กันว่าราชทรัพย์ส่วนพระองค์ น่าจะมีมากถึงประมาณ 90000 ล้านเหรียญสหรัฐหรืออาจจะมากกว่านั้น
ทำให้กษัตริย์ฟารีเซียร์ เริ่มเป็นที่สนใจ มีนักข่าวหลายสำนักของอเมริกา พยายามสืบและขุดคุ้ยข้อมูลพระราชประวัติส่วนพระองค์
หรือแม้แต่การติดต่อขอพระราชทานสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่เคยมีสำนักข่าวใด ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้าแม้แต่คนเดียว
ทว่ากลับมีข่าวลือซุบซิบนินทาจากในวัง ถึงเรื่องการสวรรคตของกษัตริย์องค์ก่อน ที่กะทันหันและไม่ได้มีการประกาศแจ้งสาเหตุการสวรรคตอย่างชัดเจน
ทำให้เกิดเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ และความคลางแคลงใจในประชาชนชาวฟารีเซียร์ แต่ไม่นานข่าวนี้ก็ซาและเงียบไป
เนื่องจากทางรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้สื่อ หรือแม้แต่ประชาชนกล่าวถึงเรื่องการสวรรคตของกษัตริย์องค์ก่อนอีก เพราะอาจมีผลกระทบต่อราชบัลลังก์ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน
ข้อมูลทั้งหมดคร่าวๆ ของกษัตริย์ฟารีเซียร์ ที่น้ำมนต์เป็นคนรวบรวมหามาได้
แม้จะเป็นข้อมูลเพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้เราได้รู้จักกษัตริย์ฟารีเซียร์มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ พวกเราพยายามหาข้อมูลกันอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับชีคคามิมเลย
“หารูปถ่ายได้บ้างมั้ย” ฉันหันไปถามเพื่อนซี้ที่นั่งโต๊ะข้างๆ แต่กลับไม่ได้คำตอบอะไร เพราะแม่คนเก่งกำลังใช้นิ้วคลึงขมับตัวเอง พร้อมกับเอนหลังไปกับพนักพิงเก้าอี้ ท่าทางเหนื่อยและล้าเต็มที
“พี่ว่ายากมากค่ะ เพราะปาปารัสซี่ยังตามถ่ายไม่ได้เลย ทหารองครักษ์ประกบเป็นสิบ” พี่เพนนีกล่าวขึ้นขณะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
ฉันรับกระดาษแผ่นนั้นข้ามโต๊ะมาดู รูปแอบถ่ายจากปาปารัสซี่ เห็นแต่องครักษ์ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด
“แล้วคนไหนคือชีคคามิมคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามพี่เพนนีที่นั่งโต๊ะตรงข้าม
“ตรงกลางคนที่สูงๆ ไงจ๊ะ” พี่เพนนีโน้มตัวข้ามโต๊ะมาชี้บนกระดาษ แต่ฉันถึงกับต้องยกกระดาษขึ้นมาเพ่งดู
ห๊ะ! นี่เห็นแค่เสี้ยวหน้าแค่นี้ ในระยะที่ไกลแล้วซูมจนภาพแตก จะใช่ชีคคามิมจริงๆ เหรอ
“พี่เพนนีแน่ใจเหรอคะ”
“ไหนเอามาดูสิ” น้ำมนต์ดึงกระดาษไปจากมือฉัน แล้วมองไม่ถึงห้าวินาทีก็ส่งคืนให้
“โอ๊ยละเอียดมาก ภาพเนียแตกละเอียดมากค่ะพี่เพนนี แบบนี้นังเจมันจะไปดูออกได้ยังไง” น้ำมนต์ถอนหายใจแล้วกลับไปอยู่ในท่าเดิม
“เดี๋ยวฉันหารูปให้ แต่ขอเวลาหน่อย ตอนนี้คือล้ามาก ของีบก่อนสักสองชั่วโมง”
“ไม่ได้ แกจะนอนตอนนี้ไม่ได้ ฉันต้องเดินทางคืนนี้แล้วนะ” ฉันดึงแขนเพื่อนรักที่กำลังจะเอนหลังกับเก้าอี้ให้ลุกขึ้น
“ฉันไม่ไหวแล้ว แกเข้าใจมั้ยฉันไม่ได้นอนมาสองคืน เพราะต้องหาข้อมูลแล้วต้องมานั่งแปลและเรียบเรียงเอกสารให้แกอีก ตอนนี้คือสมองเบลอสุดค่ะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”
ฉันต้องยอมปล่อยให้น้ำมนต์ได้พักผ่อน พวกเราสามคนพยายามกันอย่างหนักตลอดสามวันที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมข้อมูลของชีคคามิมให้ได้มากที่สุด
เนื่องจากสำนักข่าวกู๊ดนิวได้รับจดหมายการ์ดเชิญให้ไปร่วมทำข่าว ในงานพระราชพิธีเฉลิมฉลอง การขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์คามิม กษัตริย์ผู้รักสันโดษและร่ำรวยที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ
เรื่องราวของกษัตริย์องค์นี้น่าสนใจมาก จนเราคิดว่าควรจะเขียนสกู๊ปข่าว บทสัมภาษณ์ของพระองค์
แต่ติดตรงที่ถูกปฏิเสธจาก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักงานใหญ่บริษัทอิสสมาแอล นับสิบครั้งตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
พวกเราใช้วิธีโทรตื๊อเผื่อฝั่งโน้นจะยอมใจอ่อนบ้าง แต่ไม่เลย เราได้รับคำปฏิเสธเช่นเดิมทุกครั้ง จนทางเราเองที่เริ่มอ่อนใจ แต่ยังคงไม่หมดหวัง
"แกต้องหาโอกาสเข้าถึงตัวซีคคามิม และขอพระราชทานสัมภาษณ์เอง โดยไม่ผ่านเลขาคนกลางใดๆ" น้ำมนต์เสนอวิธีใหม่
"น้ำมนต์ แกคิดว่าทหารองครักษ์ของชีคคามิมจะยอมให้ฉันเข้าใกล้ กษัตริย์พวกเขาได้ง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ ขืนเข้าใกล้ชีคคามิมสุ่มสี่สุ่มห้ามีสิทธิ์ โดนลากไปฆ่าหมกทะเลทรายแน่ แกอยากให้ฉันไปทำข่าวหรือไปตาย ฮึ ยัยเพื่อนบ้า"
"โอ๊ย งั้นก็ไม่ต้องทำสะกงสกู๊ปสัมภาษณ์อะไรละ แค่ไปร่วมงานและทำข่าวงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ก็พอ ฉันก็จนปัญญาแล้วล่ะ"
"แต่ฉันยังอยากสัมภาษณ์ชีคคามิมอยู่นี่น๊า”
"เจณีน เพื่อนรักถ้ามันยากเกินไปก็ช่างมันเถอะ ปล่อยให้โชคชะตาพาไปแล้วกัน ได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"
ทั้งที่ใจหนึ่งก็อยากเลิกล้มความตั้งใจ แต่อีกใจก็ยังอยากทำต่อ เพราะการได้เป็นสำนักข่าวเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้สัมภาษณ์ชีคคามิม มันคงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับฉัน และสำนักข่าวกู๊ดนิวของเราต้องโด่งดังไปทั่วโลกแน่
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ เพราะฉันต้องเดินทางเพียงลำพัง เพราะในการ์ดเชิญระบุไว้ว่า แต่ล่ะสำนักข่าวส่งมาได้แค่เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
ข้อจำกัดเพิ่มความยากเข้าไปอีก ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องทำให้เหมือนมีความลับ ทั้งที่ยอมให้สื่อเข้าไปทำข่าวแล้ว แต่ก็ยอมเปิดเผยครึ่งๆ กลางๆ
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกษัตริย์ฟารีเซียร์ชวนน่าสงสัยไปหมด ฉันอยากได้ข้อมูลจริงๆ เกี่ยวกับเขา แต่ทุกอย่างถูกปกปิด แม้แต่อายุวันเกิดหรือหน้าตาก็ไม่เคยเปิดเผย
เบื้องหลังเรื่องราวการขึ้นครองราชย์และความสำเร็จของบริษัทอิสสมาแอล ยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกน้ำมันดิบของตลาดโลก กำลังดึงดูดฉันให้เข้าไปค้นหาความจริง
“เพราะอะไร ทำไมถึงไม่เปิดเผยพระองค์ ต่อสื่อสาธารณะบ้างเลย” ฉันตั้งข้อสังเกตขึ้นมาลอยๆ เมื่อไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกษัตริย์คามิมได้อีก
“พี่ว่าพระองค์อาจมีเหตุผลบางอย่าง เช่นพระองค์อาจจะไม่ชอบเป็นเป้าสายตา ไม่ชอบเข้าสังคมก็ได้นะคะ” พี่เพนณีออกความคิดเห็น ขณะขับรถไปส่งฉันที่สนามบิน
“ถ้าชีคคามิมเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป มันก็คงไม่แปลกหรอกค่ะ แต่นี่เป็นถึงกษัตริย์ จะไม่ให้ใครสนใจเลย มันฟังดูแปลกๆ ไปหน่อยมั้ยคะ” ถึงจะติสท์แตกมีโลกส่วนตัวสูงมากแค่ไหน แต่พระองค์ก็คือจุดศูนย์รวมของประชาชน
“หน้าตาของชีคคามิมอาจจะอัปลักษณ์ หรือร่างกายมีความผิดปกติอะไรรึเปล่า”
ไม่มีภาพของกษัตริย์คามิมสักภาพ แม่น้ำมนต์จะพยายามหาจากเว็บไซด์ทุกเว็บแล้วก็ตาม ฉันจึงเดาไม่ออกว่าจะทรงมีลักษณะรูปร่างหน้าตาอย่างไร
“จะพูดอะไรระวังปากด้วยนะยะ ระวังจะโดนข้อหาหมิ่นเบื้องสูง” น้ำมนต์กล่าวเตือน ขณะนั่งเงียบอยู่
"ระดับขีคคามิมแล้ว หน้าตาคงไม่ธรรมดา เหมือนผู้ชายดาษดื่นทั่วๆ ไปหรอก ฉันมั่นใจ ว่าพระองค์ต้องเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำ และดึงดูดสายตาของฉันให้หยุดที่พระองค์ตลอดเวลา" คำพูดของน้ำมนต์ดูมั่นอกมั่นใจมาก ประหนึ่งเคยพบเจอกันมาก่อน
“หรือบางทีอาจเป็นชายหนุ่ม ผู้มีหนวดเคล้ารกรุงรังเหมือนไม่ได้โกนมาสักสิบปี ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ จนแกไม่อยากหันไปมองซ้ำอีกก็ได้” ฉันพูดจบ แล้วพี่เพนณีหันมาหัวเราะพร้อมกัน
"โอ๊ยปากเหรอนั่น ฮึคอยดูว่าจะผิดไปจากคำพูดฉันมั้ย แกนั่นแหละระวังไว้เถอะ"
"ระวังอะไร"
"ก็..."น้ำมนต์ชะงักก่อนจะพูดต่อ
"ปากอย่างนี้ระวังจะโดนทหารองครักษ์ของชีคคามิม ลากไปฆ่าหมกทะเลทรายน่ะสิ"
"ฉันเอาตัวรอดได้ก็แล้วกัน แกคอยดูว่าฉันจะเอาบทสัมภาษณ์ของชีคคามิม พร้อมรูปถ่ายกลับมาอวดแก แล้วสิ้นปีนี้ฉันจะได้เลื่อนทั้งตำแหน่งและเงินแซงหน้าแกแน่ปีนี้ คอยดู"ฉันหันมายักคิ้วให้น้ำมนต์ที่นั่งเบาะหลัง
"ตกลงว่าเราสองคนเป็นเพื่อนรัก หรือเพื่อนชังกันแน่" พี่เพนณีพูดเย้าหยอก ในความชิงดีชิงเด่นของเราสองคน แต่ความจริงคือฉันก็พูดเกทับไปงั้นแหละ เพราะถ้าไม่มีน้ำมนต์คอยช่วยเหลือหาข้อมูลให้ ฉันคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีคคามิมเลย
"อย่าทำอะไรห้าวเป้งเด็ดขาด มีปัญหาอะไรรีบโทรหาฉันทันที ฉันเป็นห่วงแกมากนะเจณีน" น้ำมนต์เข้ามาสวมกอดฉันแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าเพื่อนซี้ที่ตีกันเรื่องงานตลอดเวลา จะเป็นห่วงและกังวลมากขนาดนี้
"เออรู้แล้ว ไปล่ะ" ฉันลูบหลังน้ำมนต์เบาๆ แล้วหันมาไหว้ลาพี่เพนณีที่ยกมือขึ้นโบกไปมา แล้วกำหมัดแน่นเป็นสัญญาณให้สู้
ไม่ลองไม่รู้ มันอาจจะเป็นงานที่ยาก แต่มันก็คุ้มที่จะได้เป็นสำนักพิมพ์ เพียงฉบับเดียวที่ได้ลงบทสัมภาษณ์ของกษัตริย์ฟารีเซียร์

