EP.6 | ฉุดกระชาก?
EP.6
ร้านอาหารRodde
21:30น.
สุดท้ายฉันก็ถูกคุณภัทรลากมากินข้าวด้วยจนได้ ร้านที่เขาพามาเป็นร้านอาหารไทยเดิม การตกแต่งถูกออกแบบให้มีกลิ่นไอของสมัยก่อนและสมัยปัจจุบันผสมผสานกันอย่างลงตัว
เช่นโต๊ะที่เรานั่งจะเป็นโต๊ะไม้ไม่มีเก้าอี้หรือก็คือนั่งพื้นนั่นเอง ทางร้านมีเบาะรองนั่งให้ก็ไม่เชิงนั่งพื้นเสียทีเดียว ส่วนจาน แก้วและของตกแต่งบนโต๊ะเป็นแบบที่เราเห็นได้ตามทั่วไปในปัจจุบัน
ต้องยอมรับว่าบรรยากาศของร้านนี้ช่วยทำให้ฉันผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว เกือบจะลืมความหงุดหงิดในตอนแรกไปเสียสนิท
ส่วนคุณภัทรก็เอาแต่นั่งดูเมนู ไม่ได้ชวนฉันคุยหรือพูดอะไร ตอนนั่งรถมาก็เหมือนกัน ระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบจนฉันรู้สึกวังเวง ไม่รู้ว่าถูกใครเย็บปากมาหรือเปล่า
“จะกินอะไรก็สั่ง” คุณภัทรโพล่งขึ้นโดยที่สายตายังไม่ละไปจากเมนูอาหารในมือ ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่หยิบเมนูขึ้นมาดูบ้าง
เพิ่งรู้ตัวตอนเขาทักเหมือนกันว่าตั้งแต่มาถึงฉันก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าเขาแบบไม่ละสายตาไปไหนเลยเหมือนกัน
หรือบางทีที่เขาพูดขึ้นอาจจะเพราะอยากบอกฉันกลายๆ ว่า ‘เลิกมองฉันแล้วหาอะไรยัดปากสักที’ ก็ได้ล่ะมั้ง
“เอาข้าวผัดปลากระป๋องค่ะ แล้วก็ต้มยำแซ่บๆ หนึ่งถ้วยค่ะ” หลังจากคิดได้แล้วว่าจะกินอะไรฉันก็เอ่ยปากสั่งกับพนักงานที่เดินมารอรับออเดอร์พร้อมส่งยิ้มกระชากใจให้เขา
“ได้ครับคุณผู้หญิง” พนักงานหนุ่มกล่าวคำสุภาพแล้วโค้งตัวลงเล็กน้อย ฉันแอบเห็นว่าเขายิ้มเขินๆ ฉันนิดนึงด้วยแหละ นี่ไม่ได้หลงตัวเองเลยนะแต่เห็นจริงๆ
“กินอะไรของเธอ ข้าวผัดปลากระป๋อง” คุณภัทรถามด้วยสายตาที่แฝงคำว่า ‘มาร้านอาหารทั้งทีกินเมนูง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ’
“ใช่ค่ะ ก็ฉันชอบของฉัน” ฉันตอบไปตามตรง คนชอบกินข้าวผัดปลากระป๋องจะให้ไปสั่งข้าวคลุกกะปิมันก็ไม่ใช่ บางทีเขาก็ถามอะไรที่มันดูเอ่อ..ดูโง่เป็นเหมือนกันเนอะ..
“เรื่องของเธอ ผมขอปลาหมึกทอดกระเทียม กุ้งทอดพริกเกลือ แล้วก็แกงเขียวหวานไก่ติดหนัง” พูดกับฉันเสร็จคุณภัทรก็หันไปสั่งอาหารบ้าง ซึ่งพนักงานหนุ่มก็โค้งศีรษะให้คุณภัทรเหมือนกับตอนที่โค้งให้ฉัน จากนั้นเขาก็เก็บเมนูอาหารแล้วเดินจากไป
ฉันรู้สึกไม่ชินเล็กน้อยที่ได้ยินเขาพูดเกินห้าประโยค แต่มันก็สื่อให้เห็นว่าคุณภัทรจริงจังกับเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเองมาก ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารการกินนะ เรื่องรูปร่างและสัดส่วนเขาก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
กล้ามหน้าท้องนูนเป็นลอน แผงอกแข็งแกร่งทว่ากลับแน่นหนาในคืนนั้นฉันยังจำมันได้ดี..
เฮ้ย! แล้วฉันมานั่งนึกถึงสัดส่วนเขากันทำไมเนี่ย! เลิกคิดเดี๋ยวนี้เลยนะพิมพ์ลภัศ! เธอกลายเป็นยัยหื่นกามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
ฉันรีบเตือนตัวเองแล้วตั้งสติใหม่ ไล่ความคิดลามกนั่นออกจากหัวให้เร็วที่สุด
แล้วว่าแต่อีตาคุณภัทรนี่ไปหิวโซมาจากไหนถึงได้สั่งเยอะขนาดนี้ หรือปกติเขาเป็นคนกินเยอะแบบนี้อยู่แล้ว?
ถามดีไหมนะ..
อย่าเลยเดี๋ยวเขาหาว่าเราสะเหล่อ
“ทำไมคุณสั่งเยอะจังล่ะคะ” เอ้า! ก็เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าอย่าถาม ปากหนอปากไวอย่างกับจรวด อย่างว่าแหละความอยากเผือกมันไม่เข้าใครออกใครนิเนอะ
คุณภัทรเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสายตาเย็นเยียบ นี่ถ้าไม่รู้จักกันฉันคงคิดว่าเขาไร้วิญญาณไปแล้ว คนอะไรทำหน้าเหมือนไม่มีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ให้ตายสิ อึดอัดชะมัด
แล้วนี่เขาจะด่าฉันเรื่องที่จุ้นจ้านมากไปไหมเนี่ย ดูสิจ้องเขม็งไม่ยอมละสายตาเลย ชักเสียวสันหลังขึ้นมาแล้วสิ
“ยุ่ง” และนี่ก็คือคำตอบที่ฉันได้รับ อืม..ขอบคุณค่ะ จ้องหน้าห้านาที ปริปากพูดไม่ถึงห้าคำ เลิศ!
แล้วพอด่าฉันเสร็จคุณภัทรก็หยิบไอแพดขึ้นมาดูอะไรของก็ไม่รู้เป็นกราฟๆ ที่มองแล้วชวนเวียนหัวจนอยากอ้วกชะมัด ทิ้งให้ฉันนั่งหน้าง้ำหน้างออยู่คนเดียว
หลังจากนั้นประมานสามสิบนาทีอาหารที่สั่งไปก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟ ซึ่งของฉันมาก่อนส่วนของคุณภัทรกำลังถูกทยอยตามมาทีหลัง
ฉันลงมือกินข้าวผัดปลากระป๋องตรงหน้าทันทีโดยไม่ได้รอกินพร้อมเขา คุณภัทรแอบเหลือบมองหน้าฉันนิดๆ ด้วยสายตาที่สื่อว่า ‘ไม่มีมารยาท’
ก็แน่ล่ะ ฉันไม่ได้เกิดมาในตระกูลสูงส่งเหมือนอย่างเขานิ แล้วอีกอย่างเขาก็เป็นคนลากฉันออกมาเอง ฉะนั้นก็ควรจะ ‘ยอมรับ’ การกระทำของฉันให้ได้
ฉันเบ้ปากเบาๆ แล้วกินต่ออย่างไม่สนใจ คนหิวจะแย่เรื่องอะไรต้องมารอเขา ว่าแต่ข้าวผัดที่นี่ทำอร่อยจัง แม้มันจะเป็นแค่ข้าวผัดปลากระป๋องธรรมดาๆ ที่ทำกินเองได้ง่ายๆ แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันอร่อยกว่าปกติที่ทำกินเอง
อาจเพราะทางร้านใช้วัตถุดิบที่ดีและสะอาด รวมถึงการปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะจึงทำให้ข้าวผัดปลากระป๋องจานนี้อร่อยเหาะจนฉันเริ่มจะติดใจ
“ฉันกลับก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยบอกคุณภัทรขณะรวบช้อนส้อมหลังจากกินอิ่มแล้ว ทำเอาร่างสูงที่กำลังเคี้ยวอาหารอย่างมีระเบียบเงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างไม่เข้าใจ
“สงสัยอะไรคะ” ฉันถามเพราะเห็นเขามองแต่ก็ยังไม่พูดอะไร เป็นเหตุให้เขารีบเคี้ยวรีบกลืนแล้วถามกลับว่า
“หมายความว่าไง”
“ฉันจะกลับก่อนน่ะค่ะ”
“ทำไมไม่กลับพร้อมกัน”
“คือว่า..” ฉันพยายามคิดหาข้ออ้างที่ฟังดูสมเหตุสมผล แต่มันก็คิดไม่ออก จริงๆ ที่ฉันไม่อยากกลับพร้อมเขาก็เพราะว่ากลัวคุณภีเห็นแล้วจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก
“กลัวไอ้ภีเห็น?” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง บางทีฉันก็เริ่มสงสัยละว่าเขาอ่านใจฉันได้หรือเปล่า เพราะดูเหมือนจะรู้ทันความคิดฉันอยู่ตลอดเวลา
“ก็..ปะ..ประมานนั้นค่ะ..ฉะนั้นถ้าคุณทราบแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาพาดบ่า แล้วเตรียมจะเดินออกจากร้าน สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วไม่รู้ป่านนี้จะยังมีแท็กซี่อยู่ไหม ส่วนพวกค่าอาหารก็ให้เขาจ่ายไปละกัน อยากพามาเองนี่นา
ทว่า..
คุณภัทรเดินมาคว้าข้อมือฉันเอาไว้พร้อมยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบว่า “นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการให้มันเกิด” จากนั้นเหตุการณ์เดิมก็วนกลับมาอีกครั้ง ฉันถูกร่างกำยำ ‘ลาก’ ให้ไปขึ้นรถตามระเบียบ โดยที่เขาไม่ลืมจะวางเงินจำนวนสองพันบาทเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร
แหม..รวยจริงๆ นะพ่อคุณ!
ไม่สิ!! นี่ไม่ใช่เวลามาแซะเขานะ
ตอนนี้ฉันควรจะภาวนาขอให้คุณภีนอนหลับไปแล้วด้วยเถิด ไม่อย่างนั้นมีหวังระเบิดลงหัวฉันอีกรอบแน่
ใช่ ตอนนั้นฉันเดาเอาไว้แล้วว่ามันต้องเกิดเรื่องขึ้น แต่ฉันก็คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะร้ายแรงมากจนถึงขั้นที่ฉันต้องกระเด็นออกจากบ้านหลังนั้นไป...
