บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๒ หลงกลคำคนลวง 1

เสียงฮือฮาจากผู้คนดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำเดินตรงไปยังประตูทางออกของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีเหล่าบอดี้การ์ดคอยล้อมหน้าล้อมหลังราวกับคนสำคัญมาเยือนเมืองไทย พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียดกันเสียเหลือเกิน แต่เมื่อเห็นรถลีมูซีนคันหรูจอดคอยอยู่ก่อนแล้ว ถึงได้ดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังยกเว้นหนุ่มหล่อที่มีผิวขาวจัดคนนั้น…

ธีโอโดโร วาอิมเบิร์ก...หรือที่รู้จักกันในนามธีโอ คือผู้มีอิทธิพลที่อายุน้อยที่สุดในประเทศสเปน เขาสามารถแสดงให้คนอื่นเห็นถึงอำนาจและบารมีอันน่าเกรงขามด้วยวัยเพียงสามสิบสามปี แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่ชาวสเปนเท่านั้นที่คุ้นเคยกับชื่อเสียงของเขา เพราะเกือบทุกประเทศในแถบเอเชียและยุโรปต่างก็เคยได้ยินเรื่องของชายหนุ่มมานักต่อนักแล้ว

การมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ก็กำลังเป็นที่น่าสงสัยสำหรับคนบางกลุ่ม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายเหมือนอย่างพวกมาเฟีย แต่เขาก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ตัวเองอยู่เหนือกฎหมายได้

ฟราน ออกุสโต เพื่อนสนิทที่คอยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ธีโอมาตั้งแต่เยาว์วัย พยักหน้าสั่งให้หนึ่งในบอดี้การ์ดไปจัดการตรวจสอบคนขับรถ เมื่อพบว่าผู้ทำหน้าที่สารถีเป็นหนึ่งในคนของธีโอที่เดินทางล่วงหน้ามาก่อน ชายหนุ่มจึงวางใจ

“เรียบร้อยดีธีโอ” ฟรานหันมาบอกเพื่อนสนิทหนุ่ม ซึ่งเขาไม่ได้ตอบรับอะไร นอกจากรีบขึ้นไปบนรถโดยเร็ว เพื่อให้ตัวเองพ้นจากการถูกสายตานับพันคู่จ้องมอง

ฟรานเป็นอีกคนที่ต้องขึ้นรถยนต์คันหรูไปกับธีโอ ส่วนคนอื่นๆ นั้นแบ่งกันออกเป็นสองส่วน เพื่อขับรถคุ้มกันทั้งหน้าและหลัง ดูเหมือนท้องถนนของกรุงเทพมหานครในยามนี้จะค่อนข้างติดขัดพอสมควร ทำให้ธีโอชักเริ่มหงุดหงิด

“บ้าจริง! ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า” ว่าแล้วก็ตวัดสายตามองมาที่ฟราน ก่อนจะหันกลับไปจดจ่ออยู่กับแก้วเครื่องดื่มในมือ

“นายบอกว่าไม่อยากให้มันดูเอิกเกริก ฉันคิดว่าแค่นี้มันก็เป็นที่น่าจับตามองพออยู่แล้วนะเพื่อน นายน่าจะใจเย็นๆ หน่อย”

ฟรานแนะนำทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเรียนรู้คำว่า ‘ใจเย็น’ ได้ในเวลาแบบนี้

ธีโอพ่นคำผรุสวาทด้วยภาษาเกิดต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นก็เอนกายไปกับเบาะรถที่ทั้งหรูหราและสะดวกสบาย สมองของเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้รับรายงานมาเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้เลย

“เจ้าของบริษัทที่นายเข้าไปรวบซื้อหุ้นไว้เกือบทั้งหมดตายแล้ว” ฟรานบอกหลังจากปล่อยให้เพื่อนรักได้สงบสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง

“นายว่ายังไงนะ!” ธีโอคิดว่าตัวเองหูเพี้ยน

“ลูกหนี้รายใหญ่ของนายตายไปแล้ว รู้สึกว่าเรามาไม่ทันเคารพศพเขาซะด้วย”

“มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเดือนก่อนฉันยังเห็นเขาสุขภาพแข็งแรงดีอยู่เลยนี่”

“เท่าที่รู้ก็ดูเหมือนจะหัวใจวายนะ นอกนั้นฉันก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ว่าแต่นายจะจัดการยังไงกับหนี้สินส่วนที่เหลือล่ะ” ฟรานขอความเห็นขณะรินไวน์ให้ตัวเอง

“เขายังติดหนี้ฉันอยู่อีกเกือบร้อยล้าน คงปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้หรอก ถึงเขาจะช่วยเปิดช่องทางให้ฉันได้เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยก็เถอะนะ” ธีโอถอนหายใจ “ความจริงฉันกับเขาทำสัญญากันเอาไว้แล้ว ถ้าเขาหาเงินมาใช้หนี้ฉันไม่ได้...ก็จะยกบ้านพร้อมทรัพย์สินที่มีให้ฉันทั้งหมด”

“รวมถึงลูกสาวคนสวยของเขาด้วยหรือเปล่า” ฟรานเย้าเล่น “ฉันเคยเห็นรูปถ่ายเธอในรถยนต์ของเขา เธอสวยมากเลยทีเดียว”

“ถ้าฉันยังไม่แต่งงานก็คงสนใจอยู่หรอก” ธีโอยิ้มเหยียดที่มุมปากเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมา

ริต้า บาโรนี่ ซึ่งตอนนี้ยังมีสถานะเป็นริต้า วาอิมเบิร์ก ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยเพราะความรัก แต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับการเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้มีอิทธิพลอย่างเขา แต่หลังจากได้ใช้ช่วงเวลาหลังแต่งงานร่วมกันแค่เพียงปีเศษ เธอกลับหนีตามชายชู้มาที่ประเทศไทย

ผลจากเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของธีโอเสียหายอย่างมาก เขาถูกศัตรูประโคมข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพื่อหวังใช้เรื่องนี้บ่อนทำลายเขา และที่เขาตัดสินใจออกตามหาเธอ ก็เพราะต้องการกู้ศักดิ์ศรีให้ตัวเอง ริต้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เธอต้องบอกความจริงให้สังคมรับรู้ว่า เขาไม่ใช่สามีวิปริตบ้ากามที่ทำร้ายภรรยาตัวเองจนต้องหนีตามชายอื่นไป

“นายคิดว่าฉันจะตามหาริต้าเจอไหมฟราน” ธีโอถามหลังจากนิ่งคิดไปพักหนึ่ง

“ถามอะไรแบบนั้น” ฟรานยิ้ม “ที่เมืองไทยมีเส้นสายของเราอยู่ค่อนข้างมาก ฉันว่าไม่นานเกินรอก็คงมีข้อมูลอะไรบ้าง”

“หวังว่ามันคงเป็นอย่างที่นายพูดนะ เพราะฉันอยากรู้นักว่าใครมันกล้าข้ามหัวฉัน ริต้าก็ด้วย...ฉันต้องสั่งสอนเธอให้หลาบจำ โทษฐานที่สร้างปัญหาให้ฉันมากมาย”

“กับริต้านายน่าจะใจเย็นหน่อยนะ ถึงยังไงเธอก็เป็นเมียนาย”

“หึหึ เมียเหรอ?” ชายหนุ่มหัวเราะขมขื่น “ถ้างั้นผู้หญิงทุกคนที่นอนกับฉันก็ต้องเป็นเมียฉันทั้งหมดเลยน่ะสิ”

“แต่นายกับริต้าแต่งงานกันอย่างเปิดเผยนะธีโอ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยรู้สึกอะไรกับเธอบ้างเลย”

“รู้สึกสิ ฉันเกือบหลงรักริต้าเลยด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ “แต่นั่นมันก่อนที่เธอจะหักหลังฉัน เพราะตอนนี้หัวใจฉันมันมีแค่การเอาคืนอย่างเจ็บแสบเท่านั้น” แววตาของธีโอวาวโรจน์ขึ้น เขาไม่เคยถูกคนใกล้ตัวทรยศหักหลังมาก่อน ฉะนั้นฟรานจึงค่อนข้างมั่นใจว่าบทเรียนนี้ต้องทำให้เขาโกรธมาก หากริต้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ เธอคงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตที่ตัดสินใจทำเรื่องร้ายกาจกับคนอย่างธีโอโดโร

เสียงโทรศัพท์มือถือของฟรานดังขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มนำแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าวางลงบนแผงเครื่องดื่ม ก่อนล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงสแลค เมื่อเห็นว่าปลายสายคือคนที่ธีโอกำลังรอฟังความคืบหน้าเกี่ยวกับริต้าอยู่ ฟรานก็รีบกดรับทันที

“ได้เรื่องอะไรบ้าง”

“สวัสดีครับคุณฟราน ตอนนี้ผมพอรู้แล้วนะครับว่าคุณผู้หญิงเดินทางมาที่เมืองไทยกับใคร”

“รีบว่ามาเลย ฉันรอฟังอยู่” ชายหนุ่มเร่งเร้าและจัดการเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้ธีโอได้ฟังไปพร้อมๆ กัน

“เอ่อ ผู้ชายที่พาคุณผู้หญิงหนีมา เป็นลูกชายของนายศักดิ์ดา ผู้มีอิทธิพลแนวหน้าของเมืองไทยครับ ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าถึงตัวเขา”

“แล้วมีข้อมูลอะไรอีกหรือเปล่า ฉันหมายถึงที่เกี่ยวกับตัวไอ้หมอนั่นน่ะ” คราวนี้ธีโอเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง

“ผู้ชายคนนั้นชื่อศศินครับ ที่ผมรู้มาอีกอย่างคือเขาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวคุณบุรินทร์ นักธุรกิจที่คุณธีโอโดโรให้กู้เงินจำนวนมากไปคนนั้นแหละครับ สายสืบของผมรายงานมาว่า นายศศินเป็นคนเจ้าชู้มาก ระหว่างที่คู่หมั้นของเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาก็ควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย ผมคิดว่าคุณผู้หญิงคงอยู่กับเขา”

“แสดงว่าหมอนั่นเห็นริต้าเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง” ฟรานคาดเดา “แต่ก็ไม่เสมอไปหรอก เพราะริต้าสามารถทำให้ธุรกิจของเขาสวยงามขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาคงไม่เห็นว่าเธอเป็นแค่ของเล่นธรรมดาแน่”

“อันนี้ผมไม่มั่นใจครับ นายศศินอาจจะดูไม่จริงใจกับผู้หญิงอื่น แต่ยกเว้นคู่หมั้นของเขานะครับ นายศศินจริงจังกับเธอมากที่สุด และวางแผนจะแต่งงานกันหลังจากเธอเรียนจบ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีการเลื่อนงานแต่งงานให้เร็วขึ้นหรือเปล่า เพราะฝ่ายหญิงไม่มีใครเหลืออีกแล้ว นอกจากนายศศินครับ” ปลายสายรายงานอย่างละเอียด

“น่าแปลกนะที่คุณบุรินทร์ไม่ขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากนายศักดิ์ดาตั้งแต่แรก” จู่ๆ ฟรานก็เอ่ยขึ้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว

“คุณบุรินทร์กับนายศักดิ์ดาไม่ค่อยลงรอยกันครับ แต่ที่ยอมให้ลูกๆ หมั้นหมายกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็รักและตามใจลูกมาก แล้วยังหวังที่จะต่อยอดธุรกิจกันด้วย พอเห็นว่าคุณบุรินทร์มีวี่แววว่าจะล้มละลาย นายศักดิ์ดาก็เขี่ยทิ้งทันที ที่สำคัญนายศักดิ์ดาไม่ได้อยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้วนะครับ เท่าที่ทราบมาคือเขาอยู่กับภรรยาคนใหม่ที่ฝรั่งเศส มีแผนจะกระจายธุรกิจและอำนาจเข้าสู่ยุโรป แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสำเร็จ เพราะนายศักดิ์ดายังมีเส้นสายแค่เฉพาะในเมืองไทยและบางประเทศในเอเชียเท่านั้น”

“เอาล่ะ ขอบใจมากนะ ระหว่างนี้นายก็ช่วยหารายละเอียดเพิ่มเติมด้วยล่ะกัน” ฟรานกล่าวขอบคุณและเป็นฝ่ายกดวางสาย เมื่อเห็นว่าสายสืบของเขาหมดเรื่องที่จะรายงานแล้ว

“ที่แท้ก็เป็นลูกชายของนายศักดิ์ดานี่เอง มิน่าล่ะถึงกล้ากระตุกหนวดเสือ” ธีโอขบกรามอย่างแค้นเคือง เขารู้จักชื่อเสียงและความร้ายกาจของศักดิ์ดาเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในวันนี้จะต้องเป็นฝ่ายถูกลูบคมเข้าเสียก่อน “ป่านนี้พวกมันคงหัวเราะเยาะฉันจนเจ็บคอไปหมดแล้วสินะ”

“เราคงเข้าถึงตัวหมอนั่นยากขึ้นจริงๆ ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเรา เราไม่มีทางได้เปรียบเจ้าถิ่นอย่างนายศักดิ์ดาแน่ ถึงนายศักดิ์ดาจะไม่รู้เรื่องอะไร และยังอยู่ที่ฝรั่งเศส แต่อิทธิพลของคนเป็นพ่อย่อมครอบคลุมไปถึงลูกอยู่แล้ว” ความกังวลเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟราน

“อย่าเพิ่งกังวลไปฟราน” ธีโอยิ้มอย่างมีเลศนัย “ฉันคิดว่าการเข้าถึงไอ้สวะนั่นคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักหรอก...นายเคยได้ยินเรื่องการใช้ความรักเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหรือเปล่าล่ะ”

“นายหมายความว่ายังไง” ฟรานย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“คอยดูต่อไปก็แล้วกัน อีกไม่นานเกินรอนายจะได้รู้แผนการของฉันแน่” ธีโอดูอารมณ์เบิกบานขึ้นอย่างผิดหูผิดตา “นายโทรศัพท์กลับไปหาสายของเราอีกครั้งนะ บอกไปว่าฉันต้องการรู้ความเคลื่อนไหวคู่หมั้นของไอ้หมอนั่นอย่างละเอียด” ฟรานหันกลับมามองหน้าเพื่อนหนุ่ม ตอนนี้เขาเริ่มเดาออกแล้วว่าธีโอต้องการจะทำอะไรกันแน่

พลอยญาวียังคงสวมชุดกระโปรงสีดำเพื่อแสดงถึงการไว้อาลัยให้กับบิดา ขณะที่ศศินเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพง สวมทับด้วยสูทเรียบหรูคู่กับกางเกงแสลคสีดำ ใบหน้าหล่อคมเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ศศินเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นมากคือจมูกโด่งสวย ริมฝีปากได้รูปสีจัด และดวงตาคมกริบสีนิลคู่นั้น

ผู้คนที่ได้เห็นศศินเดินเคียงคู่กับพลอยญาวี ต่างก็มีความคิดว่าสองหนุ่มสาวเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันเหลือเกิน ฝ่ายชายนั้นก็ดูหล่อเหลาบาดใจ ส่วนฝ่ายหญิงก็สวยหยาดเยิ้มและดูดีมีชาติตระกูล พลอยญาวีมีความสูงราวร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร รูปร่างเพรียวระหง ไม่ว่าเธอจะเลือกแต่งตัวอย่างไรก็พาให้ชวนมองไปเสียหมด

ใบหน้ารูปไข่นั้นก็ประกอบไปด้วยเครื่องหน้างามลงตัว จมูกโด่งเรียวเล็ก ดวงตาหวานซึ้ง และริมฝีปากสวยได้รูปกระจับ เมื่อทั้งสองคนเดินควงแขนกันเข้าไปในภัตตาคารอาหารอิตาเลียน ผู้จัดการร่างท้วมก็รีบปราดเข้ามาทักทายทันที

“สวัสดีครับคุณศิน คุณพลอย...แหม ไม่ได้เจอนานเลยนะครับเนี่ย”

“พอดีพลอยไปเรียนต่อที่ต่างประเทศน่ะครับ ผมก็เลยไม่มีใครมาทานอาหารที่นี่ด้วย” ศศินวางมือลงบนมือบางที่เกี่ยวเกาะอยู่บนท่อนแขน ยิ้มให้เธอด้วยความรัก ตอนนี้จิตใจของพลอยญาวีดีขึ้นกว่าเดิมมาก ความเศร้าเสียใจไม่ได้ส่งผลสาหัสนัก เมื่อมีคนที่เธอรักอยู่ข้างกาย

“ถ้ายังไงเชิญที่โต๊ะประจำเลยล่ะกันนะครับ” ผู้จัดการเอ่ยบอก ก่อนจะหันไปเรียกบริกรชายให้เข้ามาทำหน้าที่ “ช่วยดูแลแขกทั้งสองท่านนี้เป็นอย่างดีเลยนะ ขาดเหลืออะไรให้รีบแจ้งผมทันที”

“ได้ครับผู้จัดการ” บริกรหนุ่มรับคำ ก่อนเดินนำศศินและพลอยญาวีไปยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนได้ชัดเจน จากนั้นก็ยืนรอรับออเดอร์อาหารอย่างสงบนิ่ง

ศศินจัดการสั่งอาหารเอง เพราะสีหน้าของพลอยญาวียังดูไม่สู้ดีนัก ดวงตาคู่สวยแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าการสูญเสียบิดานั้นทำให้เธอทรมานใจเพียงใด แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะปล่อยปัญหานี้ให้เลยผ่าน บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องเอ่ยสิ่งสำคัญเสียที

“พลอยครับ” ชายหนุ่มเรียกเบาๆ ”พลอย...” และเรียกซ้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยังคงเหม่อลอยอยู่

“เอ่อ...คะ ทำไมเหรอ” หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะดึงความสนใจกลับมาที่คู่หมั้นหนุ่มหล่อ

“ผมเข้าใจว่าคุณยังเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เห็นคุณเป็นแบบนี้ผมก็รู้สึกแย่มากเหมือนกันนะรู้ไหม” มือหนาเลื่อนเข้ามากอบกุมมือเล็กเอาไว้ “พลอย...ตอนนี้คุณเองก็ไม่มีใครแล้ว ถ้าผมอยากพูดเรื่องงานแต่งงานของเรา คุณคิดว่ายังไงบ้าง” ศศินรู้ดีว่าในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่ควรพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเขาไม่อยากเห็นพลอยญาวีต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียวอีก

“ศิน...” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว

“ถ้าผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะแต่งงานกัน คุณจะตกลงไหม” ศศินจ้องมอบใบหน้างามอย่างรอคอย หากเธอตอบตกลง เขาจะรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ซึ่งแน่นอนว่างานแต่งงานระหว่างเขาและเธอจะต้องยิ่งใหญ่และเพียบพร้อมที่สุดด้วย

พลอยญาวีไม่ได้ให้คำตอบใดๆ นอกจากสบตากับศศินนิ่ง ที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เธอขาดความมั่นใจในตัวเขา แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบ่อยครั้งเหมือนกันที่เธอมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะมีความรักของศศินคอยเติมเต็ม จริงอยู่ที่เธอเกลียดความเจ้าชู้ของเขา แต่ถ้าหากได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็เป็นได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel