บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เจ้าสัวเฟยหลง

เจ้าสัวนั่งอยู่บนหัวโต๊ะรับประทานขนาดยาว เก้าอี้ที่ยังไม่ถูกดึงออกมาใช้จำนวนมากนั้น บ่งบอกว่าสามารถรับแขกได้ร่วมยี่สิบคน ด้านซ้ายมือมีผู้ชายหน้าตาดีเลิศ แต่งกายสุภาพสามคนนั่งเรียงราย ด้านขวาถูกปล่อยว่างไว้ ผนังห้องนี้มีหน้าต่างกระจกโค้งบานสูงแทบจรดเพดาน แม้แสงสว่างจะเข้าเต็มที่ แต่เพราะด้านนอกมีหลังคาไม้เลื้อยยื่นยาวออกไปครอบไว้ จึงทำให้แสงแดดส่องไม่ถึง

‘นี่ฉันหลุดมาในปราสาทแถวยุโรปหรือเปล่านี่?’ เนยมองสิ่งรอบข้างอย่างตื่นตาตื่นใจ ทำให้การขัดขืนน้อยลง

อาการกึ่งลากกึ่งจูงของคนร่างสูงข้างหน้าหยุดกะทันหัน “สวัสดีครับคุณพ่อ” เขาค้อมศีรษะลงให้ ชราผมสีดอกเลา ใบหน้าคมสันคล้ายกันกับลูกชาย แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีเทาเรียบๆ ดูเนี้ยบและสุภาพ ราศีของผู้บริหารข่มให้คนมองรู้สึกเกรงใจได้ไม่ยาก

“นั่งสิ” สายตาของประธานในโต๊ะบอกให้เขาพาผู้หญิงของเขามานั่งที่ด้านขวา นั่นคือที่เว้นไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ “เอ้า! เนย เข้ามาสิลูก”

ความทรงจำเดิมบอกให้เธอรู้ว่า ร่างนี้เคยมานั่งรับประทานอาหารที่นี่หลายครั้งแต่ตำแหน่งคือ ข้างๆ กับผู้ชายรูปหล่อด้านซ้ายมือต่างหาก!

คุณใหญ่จูงมือเธอเข้าประจำการ หญิงสาวในชุดแบบฟอร์มแม่บ้านสีฟ้าสองคนที่ยืนรอรีบเข้ามาเสิร์ฟน้ำและตักข้าว

“วันนี้ พ่ออยากกินอาหารไทย” ชายสูงวัยมองดูสายตาสนเท่ห์ของลูกชายคนโต

“พี่ใหญ่ ลองชิมนี่ดู”

การสนทนาของชายทั้งห้าคนบนโต๊ะอาหารเริ่มต้นขึ้น แต่ก็เป็นแค่การตักอาหารและสอบถามเรื่องรสชาติเท่านั้น เนยค่อยๆ ทบทวนความทรงจำว่า เธอรู้จักคนเหล่านี้หรือไม่? อย่างไร? ความทรงจำในร่างนี้ก็เริ่มปล่อยเรื่องราวให้เธอได้รับรู้ทีละเรื่อง ที่นี่คือ ปราสาทมังกรของเจ้าสัวเฟยหลง ประธานมังกรกรุป บริษัทที่เป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เธอมาที่นี่เพื่อวางแผนจับผู้ชายที่นั่งติดกับด้านซ้ายมือของเจ้าสัว ‘พี่สอง’

ผ่านไปยี่สิบนาที เจ้าสัวผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมภูมิฐานก็รวบช้อนแล้วดื่มน้ำ คุณสองก็เริ่มอิ่มตาม

“เจ้าสี่ แกเตรียมเรื่องงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว”

“ผมส่งการ์ดครบแล้วครับ” ผู้ชายผมสีทองอ่อนๆ ที่ปลายสุดหันมาตอบพี่ชายคนรอง

“เออดี เจ้าสาม งานนี้อย่าหนีไปไหนอีกล่ะ ช่วยกันต้อนรับสาวๆ ให้ดี” คนสั่งการหันมากำชับผู้ชายมาดเฟี้ยวที่นั่งตรงกลาง

“ตกลง ใหญ่จะประกาศแต่งในงานนี้เลยใช่ไหม?”

“ครับ คุณพ่อ” เขามีท่าทีเรียบเฉย

เนยสะดุ้ง เธอมองใบหน้าผู้ชายสองวัยสลับไปมา ในใจนึกสงสัยตะหงิดๆ “พี่ใหญ่จะแต่งกับใครเหรอคะ?”

เจ้าสัวหันมายิ้มน้อย “อ้าว! ก็หนูยังไงล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ใหญ่ก็ต้องรับผิดชอบหนูอย่างเต็มที่ ลุงยอมไม่ได้หรอกนะ”

เธอสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ยกน้ำขึ้นจิบเรียกขวัญกำลังใจ “แต่ว่า หนูไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ใหญ่นี่คะ”

“ไม่แต่งไม่ได้แล้ว ทางเราแจ้งพ่อกับแม่หนูเรียบร้อย ถึงยังไงการร่วมมือกันระหว่างมังกรกรุปกับตะวันกรุปก็ต้องเกิดขึ้น” เจ้าสัวใช้น้ำเสียงเรียบๆ แต่ทรงอำนาจตัดสินใจให้เธอ

เนยหันไปกระตุกชายเสื้อชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบ “พี่ใหญ่ จะยอมถูกคลุมถุงชนแบบนี้เหรอคะ?”

เขาปรายตามามองเธอเล็กน้อย “ยอม” ทำเอาเนยหุบปากแทบไม่ทัน

“ทางตะวันกรุปตอบตกลงแล้วเหรอครับ?” พี่สองทำหน้าตึง สายตาที่เขามองดูเธอดูแปลกพิกล เนยมองตอบแล้วรู้สึกอึดอัด สมองเธอส่งความทรงจำเพิ่มเติมมาให้ว่า ที่เธอมาคอยป้วนเปี้ยนครอบครัวนี้ก็เพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้ลงเอยกับพี่สอง บุตรชายคนเดียวของเจ้าสัวกับคุณวิราซึ่งถือทะเบียนสมรส ทำให้อำนาจการดูแลมังกรกรุปทั้งหมดตกเป็นของเขา

“รอให้หนูเนยกลับไป ทางนั้นจะให้คำตอบ” เจ้าสัวตอบยิ้มๆ อาหารบนโต๊ะถูกเก็บไปหมดแล้ว แม่บ้านเลื่อนถ้วยของหวานเล็กๆ เข้ามาแทน

เนยเหลือบมองหน้าเจ้าสัวเฟยหลง แม้ปากของเขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้ม แวบหนึ่ง เนยรู้สึกเหมือนมันสะท้อนรังสีความเคืองออกมาด้วย ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของตะวันกรุป ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มจตุรมิตร ที่ทั้งด้านหนึ่งคอยให้ความร่วมมือ แต่อีกด้านก็คอยขัดแข้งขัดขาในทางธุรกิจ

“เจ้าสอง คงไม่ได้เสียดายเจ้าสาวหรอกนะ”

“ว่าไม่ได้นะพี่ใหญ่ ผมเองก็เสียดาย” คุณสามหันมาตอบแทน

“คงไม่ได้ล่ะ เนยต้องรับผิดชอบฉันแล้ว”

เนยหันขวับ ‘จะบ้าตาย เอะอะก็ให้รับผิดชอบ’ เธอโวยวายอยู่ในใจคนเดียว ‘ดะ เดี๋ยวนะ ฉากนี้มันคุ้นๆ’ เธอทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปมา ลองหยิกตัวเองสักทีสิ เผื่อจะตื่น

“โอ๊ย!”

“เป็นอะไร?” ใบหน้าคมสันหันมาถาม

“ตะคริวค่ะ” เธอรีบหาข้ออ้าง ‘เฮ้ย! ไม่ได้ฝัน’ จำได้ว่า ครั้งสุดท้ายเธอกำลังแก้ไขปริญญานิพนธ์ตามคำแนะนำของอาจารย์แล้ว ตื่นขึ้นมาก็ มาอยู่ที่นี่!

คุณสี่มองพี่ชายทั้งสามถกประเด็นสาวน้อยที่นั่งข้างพี่ใหญ่ด้วยแววตาวาววับ ‘หึ! ตกลงไม่รู้ใครจะผิดหวังกันแน่’ ครั้นหันไปมองดูหญิงสาวเจ้าของประเด็น เธอกำลังมีดวงตาเหม่อลอยคล้ายไม่ได้รับรู้สิ่งที่ทุกคนถกเถียงกัน

“เนย เป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอยังคงนิ่งเฉย แต่ดวงตาเลื่อนมามองที่เขา ‘ฉากนี้มัน ห้องนี้มันคุ้นๆ เฮ้ย! เหมือนในนิยายของแยม ใช่แล้ว! พี่ใหญ่ พี่สอง พี่สาม พี่สี่ ตายแล้ว! นี่ฉันจะบ้าจริงๆ ใช่ไหม?’

“น้องเนย” เสียงเรียกที่ดังขึ้น ทำเอาในโต๊ะตกใจ หันมามองเธอเป็นตาเดียว “พี่ใหญ่ดู เจ้าสาวของพี่ สงสัยจะดีใจจนบ้าไปซะแล้ว”

คุณใหญ่หันมาจับคางเธอให้มาประจันหน้ากับตนเอง “บ้าตรงไหน?”

“เจ็บนะ” เนยได้สติ เธอรีบดึงมือเขาออกอย่างแรง

“ใหญ่ อย่าทำหนูเนยแบบนั้น ทางโน้นเขาจะว่าเราได้ว่า ไม่ทนุถนอมลูกสาวเขา เดี๋ยวเขาไม่ยกลูกสาวให้” เสียงดุนั้น ทำให้หนุ่มร่างสูงใหญ่เบือนหน้าออกจากเธอ

“หึ! ยังไงก็ต้องยกให้อยู่แล้วครับ”

“ดูมั่นใจจังนะครับพี่ใหญ่”

เขาลุกขึ้นยืน ก่อนชะโงกหน้าตอบชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยที่นั่งตรงข้าม “แน่นอน ของของฉัน ใครก็อย่าหวังว่าจะได้ไป” เขาหันไปก้มศีรษะให้ผู้เป็นพ่ออีกครั้ง “ผมขอตัวไปส่งว่าที่เจ้าสาวก่อนครับ”

“ดีแล้ว ไปให้เขาเห็นว่า มังกรกรุป ยินดีต้อนรับหนูเนยในฐานะสะใภ้ใหญ่” แววตาที่เจ้าสัวมองดูลูกชายคนโตสลับกับว่าที่เจ้าสาว ทำเอาเนยรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่า นั่นไม่ใช่ถ้อยคำแสดงความยินดี

ได้ยินดังนั้น เนยรีบลุกขึ้น เธอนึกถึงฉากในนิยายที่บรรยายคฤหาสน์ของสี่ครอบครัวจตุรมิตร ‘เอาน่า! อย่างน้อยก็มีบ้านหลังใหญ่อยู่ มีข้าวให้กินก็แล้วกัน แม้จะนึกถึงเรื่องที่จะกลับไปโลกจริงไม่ได้ก็ตามเถอะ’

********************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel