ตอนที่ 6.1 ข้าจะเป็นพระชายาที่สมกับตำแหน่งให้มากที่สุด
ตอนที่ 6
ข้าจะเป็นพระชายาที่สมกับตำแหน่งให้มากที่สุด
หญิงสาวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย แขนเล็กยังคงกอดร่างกายของเขาเอาไว้แน่น ชายหนุ่มรู้สึกเลยว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเหลือบสายตาไปมองเธอเล็กน้อยก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น
ผ่านไปหลายชั่วยามที่เขายังคงนอนอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เธอกอดก่ายเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน แต่อีกมุมหนึ่งของเขากลับรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายและไร้ประโยชน์อย่างที่เขาคิด
ผ่านไปเกือบสามชั่วยามที่เขายังไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้ ช่างแตกต่างกับสตรีที่นอนอยู่ข้างกายเขาเสียจริง ไป๋ลี่เซียนยังคงซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่ง ลมหายใจของนางเข้าออกสม่ำเสมอ
หลงเยี่ยนมองใบหน้าของนางที่อยู่ใกล้เพียงคืบ หัวใจของเขาเต้นแรง ยอมรับตามตรงว่ามันคือความรู้สึกที่แปลกใหม่และหวาดกลัว ที่ผ่านมาเขามักจับดาบออกศึก แต่ยังไม่เคยรู้สึกว่ามันจะตื่นเต้นใจสั่นเท่ากับการที่ด้านข้างนั้นมีสตรีนอนอยู่เลยแม้แต่นิด
“ช่างน่าขันเสียจริง.. นี่เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะรังแกเจ้าเลยงั้นหรือ”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ รอบกายนั้นเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนที่ได้ชื่อว่าชายา ในขณะที่นางหลับใหลอย่างสบายใจ เขาเหลือบสายตามองหญิงสาวอีกเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ข่มตาตัวเองให้หลับลง
ในโลกก่อนเธอใช้ชีวิตฐานะสแตนด์อินมืออาชีพตั้งแต่อายุสิบสามปี เธอไม่เคยมีเวลาหยุดพักจริง ๆ เลยสักวัน ในหนึ่งวันมีเพียงไม่กี่ชั่วโมงสำหรับการนอน และทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอน เพียงแค่พริบตาก็จะมีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นให้เธอต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง
แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน.. ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก ไม่มีตารางงานที่เร่งรัด ไม่มีบาดแผลตามร่างกายที่มาจากการฝึกหนัก เวลานี้มีเพียงเตียงอุ่น ๆ กับหมอนข้างแน่น ๆ
“ที่นอนจ๋าข้ามาแล้ว~”
ลี่เซียนพึมพำออกมาในขณะที่กำลังฝันหวาน ก่อนจะขยับตัวเข้าหาหลงเยี่ยนแล้วก่ายให้มากขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเธอนั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องนอนตัวแข็งค้างราวกับถูกแช่ เขาเม้มริมฝีปากแน่นกำมือของตนเองเอาไว้เพื่อควบคุมอารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองเพดานในห้องนิ่ง ๆ ฟังเสียงหัวใจเต้นที่ดังรัวราวกับเสียงของกลองศึก ก่อนจะข่มตาให้หลับลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ว้าวุ่นในใจ
“คุณหนูตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”
เสียงสาวใช้ดังออกมาจากด้านนอก ทำให้ลี่เซียนเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งก่อนจะเบิกตากว้าง เธอมองเสื้อคลุมในมือของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นี่มันเสื้อคลุมของแม่ทัพหลงเยี่ยนไม่ผิดแน่ เสื้อที่นางเป็นคนใช้มีดสั้นตัดจนขาดเมื่อวานนี้ แล้วเหตุใดเสื้อคลุมตัวนี้ถึงอยู่กับนางได้
“ข้า.. ข้ากอดเจ้าเสื้อคลุมนี่นอนทั้งคืนเลยเหรอ”
นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางขมวดคิ้วแน่น แต่ยังไม่ทันที่จะได้หาคำตอบ เสียงประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก สาวใช้คนสนิทก็เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยาในมือ
“คุณหนู! ดื่มยาหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ไป๋ลี่เซียนสะดุ้งรีบซ่อนเสื้อคลุมนั้นไว้ใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็ว นางกระแอมเบา ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะถามสาวใช้ด้วยเสียงแหบแห้ง
“เอ่อ.. เมื่อคืนข้ากลับมาที่นี่ได้อย่างไรงั้นหรือ”
สาวใช้ยิ้มขำก่อนจะตอบเสียงใส
“ท่านแม่ทัพเป็นคนพาคุณหนูกลับมาเจ้าค่ะ แถมยังเป็นคนอยู่ดูแลคุณหนูตลอดทั้งคืนด้วยนะเจ้าคะ”
“อะไรนะ เขา.. เขาน่ะเหรอที่ดูแลข้า”
ใบหน้าหวานหันไปมองเสื้อที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มอีกครั้ง ก่อนจะหน้าแดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าค่ะ”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เกิดมีคำถามอยู่ในหัวมากมายที่ยังไม่ได้คำตอบ หญิงสาวจึงตั้งใจที่จะเดินสำรวจจวนแม่ทัพอีกครั้ง นางไม่เคยสืบประวัติของแม่ทัพผู้นี้มาก่อน ไม่เข้าใจด้วยว่าเหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้ชื่อว่าพระชายา ในเมื่อนางได้ยินบ่าวในจวนเรียกเขาแต่แม่ทัพไม่ได้มีเชื้อพระวงศ์หรืออะไรพวกนี้หรอกใช่ไหม นอกจากนี้จวนแม่ทัพนี้ก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตวังหลวงหรืออะไรอีกด้วย
“ที่นี่มีห้องหนังสือหรือไม่”
“คุณหนูอยากไปห้องหนังสือทำไมหรือเจ้าคะ”
“ข้าไปห้องหนังสือก็ต้องไปอ่านอ่านหนังสือสิ นี่เจ้าเข้าใจยากตรงไหน”
อาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่กระแทกเกินไปละมั้งนะ ถึงทำให้สาวใช้นั้นมีอาการหวาดกลัวเล็กน้อยก่อนจะรีบนั่งลงขอโทษ
“ขออภัยคุณหนู บ่าวเพียงแต่สงสัยคุณหนูไม่รู้หนังสือ เหตุใดถึงอยากเข้าไปก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
