ตอนที่ 6.2 ข้าจะเป็นพระชายาที่สมกับตำแหน่งให้มากที่สุด
ตอนที่ 6.2
ข้าจะเป็นพระชายาที่สมกับตำแหน่งให้มากที่สุด
“ข้า.. แม้แต่หนังสือก็ไม่รู้งั้นเหรอ”
“เพราะคุณหนูไม่ชอบการเรียนมาตั้งแต่เด็ก ในยามที่มีอาจารย์เข้าไปสอนในจวน ก็จะไม่ยอมเข้าเรียนจึงทำให้นายท่านมักทำโทษคุณหนูอยู่เสมอเจ้าค่ะ”
“งั้นเหรอ”
แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายนางก็หาทางเข้าไปในห้องหนังสือจนได้ จนเมื่อนางเห็นพระราชโองการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ของแคว้นนี้ให้แม่ทัพหลงเยี่ยนนั้นเป็นกงอ๋องเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเข้าใจแล้วว่าเหตุใด สตรีผู้นี้แต่งเข้ามาถึงได้เป็นพระชายาไม่ใช้ฮูหยิน
“นี่ข้ามีสามีเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ”
นางใช้เวลาอยู่ในห้องหนังสือเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เพราะเดิมทีแล้วตัวเองก็ไม่ได้ชอบตัวอักษรสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่านอกจากบทที่ต้องอ่านเผื่อกรณีฉุกเฉิน ก็แทบไม่ได้อ่านหนังสืออะไรอีกเลย ยกเว้นข่าวซุบซิบนินทาตามโซเชียลน่ะนะ
เมื่อไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก เธอจึงเก็บข้าวของไว้ที่เดิมแล้วเดินออกมาทันที ระหว่างที่เดินผ่านลานกว้างก็ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นว่ามีขบวนรถม้าหรูหราจอดอยู่หน้าเรือนหลัก เธอมองดูอยู่เพียงแค่ครู่เดียว สาวใช้คนเดิมก็เดินตามมาด้วยความเร่งรีบและกระซิบบอกเสียงเบา
“คุณหนู.. ฮูหยินใหญ่มาเจ้าค่ะ”
ไป๋ลี่เซียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ฮูหยินใหญ่นี่คงเป็นมารดาของหลงเยี่ยนสินะ แล้วมารดาของเขาชื่นชอบลูกสะใภ้ผู้นี้หรือเปล่า แล้วเวลานี้นางต้องทำตัวอย่างไรกัน
“อืม”
ขณะที่นางกำลังยืนนิ่งเพื่อประเมินสถานการณ์ หญิงสูงศักดิ์ในอาภรณ์งดงามได้ก้าวลงมาจากรถม้า นางมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าของสตรีผู้นี้แม้จะมีรอยตามวัย แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจและบารมีที่ดูแล้วก็น่าเกรงขามอยู่บ้าง สมแล้วที่เป็นมารดาของแม่ทัพปีศาจ
ไม่รอช้า ลี่เซียนรีบปรับสีหน้าให้กลับมาปกติที่สุด ก่อนจะเดินเข้าไปคารวะคนผู้นี้ตามมารยาท
“ลูกสะใภ้คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ปรายตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตานั้นอ่านยากยิ่งแต่สำหรับลี่เซียนแล้ว สายตาเช่นนี้มันชัดเจนว่าแม่สามีนั้นไม่ได้ถูกชะตากับพระชายาผู้นี้สักเท่าไหร่ ก่อนที่ฮูหยินใหญ่จะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้า.. ก็ยังดูแข็งแรงดีนี่ ข้าเสียมารยาทแล้วที่ไม่ได้มาดูแลเจ้าในยามที่เจ็บป่วย”
ไป๋ลี่เซียนยกยิ้มบาง ๆ แม้จะรู้ว่าคำพูดนั้นอาจแฝงความนัยบางอย่าง แต่นางกลับตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย
“ขอบพระคุณฮูหยินที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ”
บรรยากาศในจวนดูอึดอัดขึ้นมาทันใด ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่จับจ้องมาทางพวกนาง นี่อาจไม่ใช่การพบกันครั้งแรกระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ แต่สำหรับหลี่ซิ่วเหมยแล้วนี่เป็นการพบกันครั้งแรก และนางไม่ใช่ไป๋ลี่เซียนที่จะยอมก้มหัวให้ผู้อื่นกดขี่ข่มเหงเสียด้วยสิ
ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาด้านใน นางมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะหันกลับมาจ้องลี่เซียนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ได้ข่าวว่าเจ้าฟื้นตัวเร็ว ราวกับว่าเป็นแค่หมอกควันที่สลายไป ดูเหมือนร่างกายของเจ้าจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่ข้าคิด”
นางกล่าวเสียงเรียบ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจความหมายที่นางกำลังจะสื่อ แต่ก็เลือกที่จะยกยิ้มส่งไปให้อย่างนอบน้อมแทน
“เจ้าค่ะ ข้าเองก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเองนั้นกระดูกแข็งกว่าที่คิด”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่านางต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่ที่แน่ ๆ ฮูหยินใหญ่ผู้นี้ดูท่าจะไม่ปลื้มพระชายาอย่างเธอเอามาก ๆ หญิงมีอายุจ้องหน้าไป๋ลี่เซียนเหมือนกำลังประเมิน เรียวคิ้วนั้นยกขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าควรซาบซึ้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้คิดจะทำเรื่องน่าอับอายเช่นนั้นอีก เป็นถึงพระชายาของแม่ทัพใหญ่ อย่าได้ทำเรื่องสิ้นคิดอีกเป็นครั้งที่สอง”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดูดุหรือแข็งกร้าว แต่กลับมีแรงกดดันที่ทำให้บ่าวไพร่รอบข้างก้มหน้านิ่ง ไม่ได้มีแค่ชีวิตในโลกปัจจุบันสินะไอ้คำว่าแม่ผัวกับลูกสะใภ้เนี่ย
“แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าเองก็คิดว่านั่นช่างเป็นเรื่องน่าอับอายจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ”
สีหน้าของฮูหยินใหญ่ดูฉงนกับคำตอบนั้นเล็กน้อย นางจ้องเข้ามาในดวงตาของลี่เซียนโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก
“คนที่มีชีวิตดี ๆ ไยต้องมาสิ้นหวังเพราะบุรุษเพียงผู้เดียวข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน”
แต่กลับเป็นเธอที่เอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด สายตาของฮูหยินใหญ่ดูไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำนั้น แต่ก็แค่พริบตาเดียวที่นางปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“หากเจ้าเข้าใจแล้วก็ดี ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำให้ตระกูลแม่ทัพเสื่อมเสีย”
คำพูดที่นางเอ่ยออกมานั้นทำให้ลี่เซียนเผลอหัวเราะในลำคอ เพียงเพราะกลัวว่าชื่อเสียงของลูกชายจะเสื่อมเสีย จึงไม่ได้คิดจะไยดีชีวิตน้อย ๆ ของคนอื่นเลยงั้นหรือ มือเล็กยกขึ้นพลางจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย สุดท้ายสิ่งที่นางจะสื่อก็มีเพียงชื่อเสียงของตระกูลแม่ทัพสินะ
“ตระกูลแม่ทัพนั้นเกรียงไกรเพียงนี้ ข้าเองก็เป็นเพียงหญิงอ่อนแอคนหนึ่ง คงไม่มีปัญญาทำให้เสื่อมเสียได้หรอกเจ้าค่ะ”
คำพูดของนางฟังดูเหมือนเป็นการถ่อมตัว แต่ความจริงกลับเหมือนเป็นการเหน็บแนมว่าฮูหยินใหญ่ว่ากำลังพูดเกินไปมากกว่า
“ดี ข้าก็หวังว่าเจ้าจะรู้หน้าที่ของตนเอง”
ลี่เซียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้
“แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าจะเป็นพระชายาที่สมกับตำแหน่งของแม่ทัพหลงเยี่ยนผู้เกรียงไกรให้มากที่สุด ท่านแม่สามีไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
เชิงอรรถ
^
กงอ๋อง หมายถึง ยศอ๋องที่ฮ่องเต้ประทานให้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องมีเชื้อสายราชวงศ์
