ตอนที่ 19 นางทำข้า
“เศร้าอย่างนั้นรึ” เขาพูดออกมาเบาๆ ในขณะที่ดวงตาคมจับจ้องไปยังหญิงสาวชุในชุดสีฟ้าคราม เสียงเลื่อนเก้าอี้จากชายสองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างทำให้องค์รัชทายาทได้สติ หันมองทั้งคู่กำลังเดินตรงไปยังสาวงามที่ว่า ชายทั้งสองมีกิริยาแปลกประหลาด เขาชูเงินจำนวนมากขึ้นสูงสุดแล้วโบกไปมา หวังให้สาวปริศนาเงยหน้ามอง ทว่านางยังคงก้มหน้าเล่นพิณโดยไม่สนใจ
องค์รัชทายาทเบี่ยงตัวในท่าถนัดแล้วหรี่ตามองกิริยาของสองหนุ่มอย่างตั้งมั่น หลังจากเสียงพิณบรรเลงจบ หญิงสาวเงยหน้าขึ้น พร้อมกับท่าทีตกใจกับสิ่งที่เห็นเล็กน้อย เพราะผู้คนจำนวนมากปรบมือสนั่น และถูกล้อมไว้ ราวกับตนเป็นผู้วิเศษ หญิงสาวทำตัวไม่ถูกได้แต่หันซ้ายแลขวาก่อนจะ หาจังหวะก้าวออกจากบริเวณนั้น
“ช้าก่อนแม่นาง เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงได้งามเยี่ยงนี้” หนึ่งในสองหนุ่มเดินชูเงินเข้าไปหา หวังว่าเงินจำนวนนั้นจะพอซื้อตัวสาวงามมาครอบครองได้ ท่าทางกักขฬะทำให้ซูเจินรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามไม่สบตา
“ข้าขอตัวก่อน” นางเดินเลี่ยงออกมาทางด้านซ้าย หากแต่รู้สึกว่าทั้งสองยังเดินตามหลังมาไม่ลดละ ก่อนพวกเขาจะเข้ามาดักด้านหน้าอย่างไร้ความเกรงใจ ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์ไล่มองความงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วยกมือเช็ดขอบปากพลางกัดกรามแน่น
“เดี๋ยวสิ แม่นางคนสวยจะรีบไปไหน หากข้าอยากทำความรู้จักกับเจ้าพอจะได้ฤาไม่” นางก้มหน้าไม่ตอบคำถาม ภายในใจสั่นไหวเพราะความกลัว
“บ้านข้ามีเงินทองมากมาย พ่อข้ารับราชการในวังหลวง อยากให้ข้าแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว แต่ข้าไม่เคยคิดจะผูกพันกับผู้ใด จนเมื่อได้พบเจ้า” ชายหนุ่มส่งสายตาหวานฉ่ำมอบให้ ก่อนสองเท้าเล็กของซูเจินจะขยับออกช้าๆ แล้วหยุดลงเมื่อเห็นว่าระยะห่างพอแล้ว
“แม่นาง ไปกับลูกพี่ข้าเถิด ลูกพี่ของข้าเป็นบุตรของขุนนางในวัง มีเบี้ยอัดมากมายนับไม่ถ้วน หากเจ้าปฏิเสธชีวิตนี้เจ้าจะหาผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบลูกพี่ข้าไม่ได้อีก”
“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าขอตัว” หลังจากซูเจินปฏิเสธ แล้วพยายามเบี่ยงตัวเดินออกเป็นครั้งที่สอง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชาวูบ เกิดมาเขาไม่เคยโดนใครปฏิเสธเช่นนี้ เป็นการหักหน้าท่ามกลางฝูงชนที่กำลังจับจ้อง ก่อนตัดสินใจคว้ามือแล้วรั้งตัวนางเข้าหา ดวงตาคมเข้มขมึงใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เล่นตัวนักเหรอ พูดดีๆ มิได้ ต้องให้ข้าออกกำลัง”
“ปล่อยข้านะ” สิ้นเสียงของซูเจิน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ชายคนดังกล่าวพลันกระเด็นไปนอนร้องครวญครางอยู่ด้านหน้า หญิงสาวตกใจยืนตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ติด ดวงตากลมไหวระริกยืนมองร่างของชายที่กำลังร้องครวญด้วยความเจ็บปวด
“ลูกพี่ เป็นอะไรมากไหม” ผู้ติดตามเดินเข้าไปประคอง พลางกล่าวถามด้วยความงุนงงเช่นเดียวกัน
“นางทำข้า” ชายหนุ่มจอมเกเรชี้มือมายังซูเจิน ก่อนจะมองรอบๆ ด้วยความละอายใจ เพราะผู้คนในตลาดต่างพากันหัวเราะเยาะ บ้างก็พากันกระซิบกระซาบ เขาคือหนุ่มเกเรประจำตลาดแห่งนี้ กิริยาที่ชาวบ้านแสดงออกมานั้นเป็นการสมน้ำหน้าเขาทางอ้อม สองชายหนุ่มลุกขึ้นปัดตัวไปมาอย่างหงุดหงิด แล้วเดินหลบไปด้วยเพราะกำลังขายหน้า
ซูเจินมองไปรอบๆ นางแปลกใจว่าเขาผู้นั้นกระเด็นออกจากตัวนางได้อย่างไร เสมือนกับโดนพลังเวทเล่นงาน หากแต่ชาวบ้านธรรมดาจะไม่มีสิทธิ์ได้ฝึกพลังเวท ซูเจินกวาดสายตามองไปรอบๆ สังเกตผู้คนพลางนึกตรึกตรอง
“ผู้ใดกัน ใช้พลังเวทได้รวดเร็ว แม้แต่พี่ลี่เซียนที่ว่าเก่งหนักหนา ยังไม่อาจใช้เวทได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ แลคนที่จะได้รับการฝึกเวท จักต้องได้รับอนุญาตจากท่านพ่อก่อน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น หรือว่า...” ซูเจินตาลุกวาว อย่างมีความหวัง นางมองไปรอบๆ เพื่อหายอดฝีมือผู้นั้น หญิงสาวออกแรงเดินวนจนทั่ว หันซ้ายและขวาเพื่อมองหาผู้มีพระคุณที่ไม่แสดงตน
“ท่านเป็นใครกัน” หญิงสาวพึมพำตัดพ้อ พลางทิ้งกายลงนั่งหมดความหวัง หลังจากหายอดฝีมือปริศนาไม่พบ ดวงตากลมฉายแววความเศร้าออกมาอีกระลอก
