บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

มู่จิ่วซีหรี่ตาลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ท่านแม่ ท่านก็เห็นแล้ว เมื่อครู่ป้าหวังแอบฟังอยู่ นั่นแสดงว่าต้องเกี่ยวข้องกับนางแน่นอน แต่ข้าคิดว่านางไม่ใช่ผู้บงการเบื้องหลัง เรื่องนี้ต้องบอกท่านพ่อเจ้าค่ะ”

ฮูหยินใหญ่แสดงสีหน้าตกใจ แต่ก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว

“จะว่าไปแล้ว ตอนสาวๆ แม่ก็เคยฝึกวรยุทธ์ ไม่รู้ทำไมหลังจากคลอดเจ้าออกมา ร่างกายก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยคิดถึงเรื่องถูกวางยาพิษ แต่หมอหลายคนก็ตรวจไม่พบ”

“นี่แสดงว่าผู้บงการเบื้องหลังนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ วางแผนได้แยบยล ท่านแม่ จากนี้ไป ท่านอย่ากินยาใดๆ ทั้งสิ้น อาหารก็ต้องตรวจสอบก่อนถึงจะกินได้ ข้าจะจัดการให้” มู่จิ่วซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ซีเอ๋อร์ เช่นนั้นพิษของแม่จะแก้ได้หรือไม่? พูดตามตรง แม่รู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยเต็มที” ดวงตาของฮูหยินใหญ่ฉายแววหวาดกลัวและอาลัยอาวรณ์

“ได้ ข้าใช้เข็มเงินควบคุมพิษไม่ให้ลุกลามไปยังหัวใจของท่านแล้ว ท่านรักษาสภาพจิตใจให้สงบก็พอ ข้าจะไปหายาแก้พิษมา” มู่จิ่วซีคิดในใจ หวังว่าจะมีสมุนไพรแก้พิษ

“ซีเอ๋อร์ เจ้าเรียนรู้วิธีแก้พิษมาตั้งแต่เมื่อไร?” ฮูหยินใหญ่ทั้งตกใจและดีใจ

“ท่านแม่ ลูกรู้จักหมอเทวดาจื่อหยุนเฟยในยุทธภพ เขาเคยสอนวิชาแพทย์ให้ข้าเล็กน้อยเจ้าค่ะ”

มู่จิ่วซีพูดไปเรื่อยเปื่อย นางเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงของหมอเทวดา แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง

พูดจบ หมออู๋ก็เข้ามา เป็นเพราะว่ารีบร้อนจึงเหงื่อท่วมตัว

มู่จิ่วซีหลีกทางให้ หมออู๋ตรวจดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ร่างกายของฮูหยินใหญ่ทรุดโทรมอย่างหนัก เกรงว่า...”

“ปกติฮูหยินก็บำรุงไม่ขาด เหตุใดร่างกายถึงทรุดโทรมอยู่ตลอดเล่า?” ป้ายิงเอ่ยขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำ

“เฮ้อ อวัยวะภายในร่างกายของฮูหยินใหญ่กำลังเสื่อมถอย บำรุงไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าไร้ความสามารถ” หมออู๋ถอนหายใจ

“หมออู๋ ท่านช่วยดูอาการของท่านแม่มานานเท่าไรแล้ว?” มู่จิ่วซีถามขึ้นทันที

หมออู๋ชะงักไปแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ารักษาโรคมาสามสิบกว่าปีแล้ว โรคภัยไข้เจ็บของคนในจวนมู่ก็เป็นข้าที่ดูแลมาตลอด คุณหนูใหญ่ตอนท่านเป็นเด็ก ข้าก็เป็นคนรักษา”

ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้กับมู่จิ่วซี มู่จิ่วซีเดิมทียังอยากจะถามต่อ ก็ปิดปากเงียบทันที

“รอนายท่านกลับมา ให้เขามาหาข้าเถิด” ฮูหยินใหญ่กล่าวกับป้ายิงอย่างอ่อนแรง

ป้ายิงร้องไห้พลางรับคำ จากนั้นก็ส่งหมออู๋ออกไป

มู่จิ่วซีคุยกับมารดาครู่หนึ่ง กำชับสาวใช้สองคนให้ดูแลให้ดีๆ แล้วตนเองก็เดินออกไป

เพราะผ่านไปหลายนาทีแล้ว ลู่เอ๋อร์ก็ยังไม่กลับมา นี่มันไม่ปกติ

นางให้ลู่เอ๋อร์ไปสะกดรอยตามป้าหวังที่ไปเอาไม้กฤษณาเท่านั้น ถึงแม้ห้องยาของจวนจะไม่มี บนถนนแถวนี้ก็มีร้านขายยาใหญ่ ไปกลับก็ใช้เวลาไม่กี่นาที

“คุณหนูใหญ่ ท่านจะออกไปอีกแล้วหรือขอรับ?” ที่หน้าประตูใหญ่ มู่จิ่วซีเจอกับพ่อบ้านลุงมู่ “นายท่านน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”

“ลุงมู่ ท่านเห็นลู่เอ๋อร์หรือไม่?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม

“ลู่เอ๋อร์? เหมือนว่านางจะไปทางฮูหยินรองแล้วขอรับ” ลุงมู่ประหลาดใจ

สีหน้าของมู่จิ่วซีเปลี่ยนไปทันที วิ่งตรงไปยังสวนความฝันของฮูหยินรอง

ยังไม่ทันถึงสวนความฝัน ก็ได้ยินเสียงร้องของสตรีดังมาจากลานบ้านของมู่หยางชุนที่อยู่ข้างๆ

“นังเด็กบ้า แอบดูข้าอาบน้ำยังจะมาแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อะไรอีก จับตัวนางไว้ วันนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นสาวใช้ห้องข้าง”

(สาวใช้ห้องข้าง หมายถึงเมียทาส มีห้องนอนอยู่ติดกับห้องนอนของเจ้านายเพื่อสะดวกต่อการปรนนิบัติยามค่ำคืน)

“อย่านะเจ้าคะ คุณชายสาม ลู่เอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจ ข้าเห็นป้าหวังเข้ามา จึงตามเข้ามา” ลู่เอ๋อร์ร้องไห้เสียงดัง

“ป้าหวัง? เจ้าตาบอดหรือไร ป้าหวังเป็นแม่นมข้างกายท่านแม่ใหญ่ จะวิ่งเข้ามาในเรือนของข้าทำไม? เจ้าชอบข้าก็บอก ไม่ต้องมาปิดบังอ้อมค้อม ไว้ข้าจะไปขอกับมู่จิ่วซีก็สิ้นเรื่อง มาเถอะ ตอนนี้มาเป็นของข้าเสียเถิด หึๆ ”

“ไม่นะ ไม่เอา อ๊า!” เสียงของลู่เอ๋อร์กรีดร้องจนแทบขาดใจ

“ปัง!” ประตูใหญ่ถูกถีบเปิดออกโดยตรง

มู่จิ่วซีถือท่อนไม้ที่หักมาจากข้างทางท่อนหนึ่ง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน

เมื่อเข้าไปก็เห็นลู่เอ๋อร์ถูกบ่าวรับใช้ของมู่หยางชุนสองคนจับกดไว้บนโต๊ะหินกลมกลางลานบ้าน ส่วนมู่หยางชุนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย กำลังปลดเข็มขัดกางเกง

เมื่อได้ยินเสียง ทุกสายตาก็หันมองมา

“พี่หญิงใหญ่” มู่หยางชุนเห็นมู่จิ่วซีก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก รีบจัดเสื้อผ้า ในดวงตามีความหวาดกลัวและรังเกียจเล็กน้อย

มู่หยางชุนเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของมู่เจินจู เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี รูปร่างสูงใหญ่แล้ว แต่ตั้งแต่เล็กจนโตถูกมู่จิ่วซีรังแกมาไม่น้อย ดังนั้น ในใจจึงทั้งกลัวทั้งเกลียดมู่จิ่วซี

“คุณหนูช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ฮือๆ ” ลู่เอ๋อร์ร้องไห้พลางเอ่ยเรียก

บ่าวรับใช้สองคนตกใจจนปล่อยมือ ลู่เอ๋อร์รีบพลิกตัวลงจากโต๊ะ แล้ววิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังมู่จิ่วซี

“คุณหนู ป้าหวังเข้าไปในเรือนของคุณชายสามเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่เป็นไรนะ?” มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นว่าเสื้อผ้าของนางยังเรียบร้อยดี ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ลู่เอ๋อร์ร้องไห้พลางส่ายหน้า มู่จิ่วซีมองแล้วก็อดสงสารเด็กสาวอายุสิบสี่ปีคนนี้ไม่ได้

ก่อนหน้านี้ เพิ่งถูกกลุ่มสตรีของไป๋เฟิ่งหว่านนั่นรุมทำร้าย วันนี้ก็เกือบจะถูกข่มเหง เป็นเพราะเจ้านายอย่างนางไร้ความสามารถจริงๆ

“มู่หยางชุน!” มู่จิ่วซีหันกลับไปทันที จ้องมองมู่หยางชุนด้วยสายตาเฉียบคม “คนของข้าเจ้าก็ยังกล้าแตะต้อง รนหาที่ตาย!”

มู่จิ่วซีไม่อยากพูดมาก ตอนนี้นางกำลังโกรธจัด หากนางมาช้าไปก้าวเดียว ลู่เอ๋อร์คงถูกไอ้สารเลวคนนี้ข่มเหงไปแล้ว

ขณะพูด ร่างของนางก็พุ่งทะยานเข้าไป ท่อนไม้ในมือฟาดลงบนร่างกายของมู่หยางชุนอย่างแรง

“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น “มู่จิ่วซี อ๊าก! ท่านบ้าไปแล้ว! หยุดนะ! อ๊าก!”

บ่าวรับใช้สองคนเห็นท่าไม่ดี คนหนึ่งรีบเข้ามาขวาง ส่วนอีกคนรีบวิ่งออกไป

มู่จิ่วซีตีบ่าวรับใช้คนนั้นไปด้วย แถมยังแรงกว่าเดิม

ไม่นาน เสื้อผ้าของมู่หยางชุนและบ่าวรับใช้ก็ขาดวิ่น เนื้อตัวแตก

มู่จิ่วซียังไม่หายโกรธ ลู่เอ๋อร์กลับมองด้วยความตกใจจนเบิกตากว้าง

คุณหนูทำเพื่อระบายความแค้นให้นาง แต่ถ้าตีต่อไปแบบนี้ จะต้องเกิดเรื่องแน่

“คุณหนูๆ พอแล้ว หยุดตีได้แล้ว คุณชายสามจะตายเอานะเจ้าคะ” ลู่เอ๋อร์รีบห้าม

“ช่วยด้วย” มู่หยางชุนถูกฟาดจนกลิ้งไปมาบนพื้นเพื่อหลบหลีก แต่ก็ยังโดนฟาดทุกครั้ง

“หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้!” ด้านนอกประตูมีเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

มู่จิ่วซีแค่นหัวเราะ แต่ก็ยังฟาดไปที่เป้ากางเกงของมู่หยางชุน มู่หยางชุนร้องโหยหวน กุมเป้ากางเกงจนตัวงอเป็นกุ้ง

จากนั้นนางก็หันกลับมา มองไปที่ประตูด้วยสายตาเย็นชา

เพียงแต่เมื่อมองไป หว่างคิ้วนางก็กระตุก เพราะเห็นว่าด้านหลังบิดาของตนเองคือเซ่อเจิ้งอ๋องโม่จุน

“ซีเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไร หยางชุนเป็นน้องชายเจ้านะ!” มู่เทียนซิง แม่ทัพใหญ่มู่ที่เพิ่งกลับจากเข้าเฝ้า เห็นสภาพบุตรชายเลือดเนื้อแตก ก็เบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

“ท่านพ่อ สัตว์เดรัจฉานแบบนี้ก็คู่ควรเป็นน้องชายข้าหรือ?” มู่จิ่วซีพูดจบก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของบิดา หันไปยกยิ้มมุมปากให้โม่จุนที่ยืนดูความสนุกอยู่ด้านหลัง

“เซ่อเจิ้งอ๋อง มาถอนหมั้นหรือ? หาคนร้ายตัวจริงเจอแล้ว?”

ดวงตาสีดำขลับของโม่จุนลึกล้ำ เห็นนางตีคนจนใบหน้างดงามแดงก่ำ และยังไม่สนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็รู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นคนที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา

“พระเจ้าช่วย หยางชุน!” ฮูหยินรองลู่เวยหย่าวิ่งเข้ามาจากด้านหลัง เห็นบุตรชายในลานบ้าน ก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้ววิ่งเข้าไปหา

“ท่านพ่อ ท่านแม่ มู่จิ่วซีนาง นางบ้าไปแล้ว!” มู่หยางชุนเจ็บปวดจนตัวสั่น จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองมู่จิ่วซีด้วยสายตาอาฆาต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel