บทที่ 8
มู่จิ่วซีวิ่งเข้าไปในเรือนส่วยหยุนเจียนที่มารดาอาศัยอยู่ ก็ได้กลิ่นยาที่เข้มข้นโชยมา
“แค่กๆๆ ” เสียงไอจากข้างใน ฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
“ฮูหยินๆ คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ป้ายิงสตรีสูงวัยส่งเสียงเรียก
มู่จิ่วซีพุ่งเข้าไปในห้อง ก็เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่งทันที โดยมีป้าหวังอีกคนหนึ่งช่วยพยุง
“ท่านแม่” มู่จิ่วซีวิ่งไปที่เตียง ร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดา หัวใจของนางก็กระตุก สีหน้าขาวซีดอมเขียว ป่วยหนักไม่น้อยเลย เพียงแต่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเหมือนจะไม่หนักขนาดนี้
“ซีเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว” ฮูหยินใหญ่รูปร่างหน้าตาดูโออ่า คิ้วและดวงตาคมสวยได้รูป เห็นได้ชัดว่าตอนสาวๆ เป็นหญิงงาม
ยามนี้ ในดวงตากลมโตคู่นั้นมีสีเทาอมเขียว แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เมื่อมองไปยังมู่จิ่วซี ทั้งยังยื่นมือออกมาจับมือของนางไว้แน่น
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว เหตุใดอาการป่วยของท่านถึงทรุดลงกะทันหันแล้ว?” มู่จิ่วซีจับมือของนางขึ้นมาจับชีพจรทันที
ชาติก่อน เพื่อแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มค้าสมุนไพรจีน นางจึงได้เรียนรู้การแพทย์แผนจีนเป็นพิเศษ ต่อมาได้ไปปฏิบัติภารกิจในเขตภูเขา สภาพแวดล้อมเลวร้าย โชคดีที่ได้ยาสมุนไพรช่วยชีวิต
“ซีเอ๋อร์ แม่โรคเก่ากำเริบแล้ว แค่กๆๆ ...” ฮูหยินใหญ่กล่าวพลางไอออกมา จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา เลือดเป็นสีคล้ำ ทำเอาหญิงรับใช้ทั้งสองตกใจจนร้องออกมา
เมื่อมู่จิ่วซีจับชีพจร สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นบรรยากาศรอบตัวก็เย็นยะเยือก
“ลู่เอ๋อร์ รีบไปหาเข็มเงินมา เร็วเข้า!”
ลู่เอ๋อร์ตกใจจนรีบรับคำทันที จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไป
“หมออู๋น่าจะใกล้มาถึงแล้วเจ้าค่ะ” ป้าหวังกล่าว
สายตาของมู่จิ่วซีเหลือบมองใบหน้าของหญิงรับใช้ทั้งสองคนสองสามครั้ง หญิงรับใช้ทั้งสองคนนี้เป็นสาวใช้ที่ติดตามมารดาของนางมาตั้งแต่ตอนแต่งงาน ดูแลรับใช้มารดาของนางมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว
“ซีเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมองหญิงรับใช้ทั้งสองเช่นนี้?” ฮูหยินใหญ่มองสายตาของบุตรสาว แล้วเอ่ยถามด้วยความขบขัน
มู่จิ่วซีกำลังจะกล่าว ข้างนอกก็มีเสียงร้อนรนของฮูหยินรองดังขึ้น “พี่หญิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ขณะพูด ลู่เวยหย่าก็รีบเข้ามา ด้านหลังมีมู่เจินจูตามมา
“น้องหญิง เจ้ามีน้ำใจนัก ข้าก็แค่โรคเก่ากำเริบแล้ว” ฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างอ่อนโยน
“พี่หญิง ท่านต้องระวังให้มากหน่อย ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็เย็นลง อย่าได้เป็นหวัดเชียว ข้าได้ยินว่าพี่หญิงไอหนัก จึงให้คนรับใช้ตุ๋นสาลี่กับชวนป๋วย พี่หญิงต้องดื่มเยอะๆ ”
ลู่เวยหย่าแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย ทำให้มู่จิ่วซีนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
ในความทรงจำ ฮูหยินรองผู้นี้เป็นสตรีที่อ่อนโยน งดงาม จิตใจดี และมีเมตตา เข้ากับมารดาของนางได้ดี และรักใคร่เอ็นดูนางที่เป็นบุตรภรรยาเอกมาก
กล่าวกันว่า ฮูหยินรองนั้น หลังจากที่มารดาของนางคลอดนางออกมาแล้ว ร่างกายก็อ่อนแอ ไม่สามารถมีบุตรได้อีก ตระกูลมู่ไม่มีบุตรชาย มารดาของนางจึงบังคับให้บิดาแต่งงานกับนาง
ลู่เวยหย่าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คลอดบุตรแฝดชายหญิงออกมาในคราวเดียว คือมู่เจินจูและน้องชายฝาแฝดมู่หยางชุน
แม้ว่ามารดาจะได้รับการยกย่องเพราะบุตรชาย แต่แม่ทัพใหญ่มู่และฮูหยินใหญ่ก็รักใคร่ปรองดองกัน ไม่มีทางที่จะโปรดปรานอนุภรรยาและทอดทิ้งภรรยาเอก แต่ฮูหยินใหญ่รู้สึกผิดต่อจวนมู่ จึงยกให้ฮูหยินรองมีฐานะเท่าเทียมกัน
ฮูหยินรองก็ไม่ถือสา ทั้งสองคนรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง
“ท่านแม่ใหญ่ เหตุใดอาการของท่านถึงหนักขึ้นเรื่อยๆ ?” มู่เจินจูแสดงความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อย เพราะฮูหยินใหญ่ดีกับมู่เจินจูจริงๆ ไม่น้อยไปกว่ามู่จิ่วซี
ของดีๆ ล้วนแบ่งให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน ในทางกลับกัน ฮูหยินรองเข้มงวดกับมู่เจินจูมากกว่า แต่กลับตามใจมู่จิ่วซีมาก
“เจินจู พี่หญิงรังแกเจ้าอีกแล้วหรือ?” ฮูหยินใหญ่มองมู่เจินจูที่เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา ก็ขมวดคิ้วเอ่ยถาม
ฮูหยินรองรีบเอ่ยขึ้น “พี่หญิง ท่านอย่ากังวลเรื่องพวกนี้เลย เจินจูทำอะไรไม่รู้จักคิด ถูกจิ่วซีสั่งสอนก็สมควรแล้ว นางยังไม่ได้ขอโทษจิ่วซีเลย” ขณะพูดก็มองมู่เจินจูอย่างดุๆ
“ซีเอ๋อร์ เจินจูยังเด็ก เจ้าเป็นพี่สาว ต้องยอมให้นางบ้าง ครอบครัวสงบสุขถึงจะเจริญรุ่งเรือง” ฮูหยินใหญ่รีบสั่งสอนมู่จิ่วซีทันที
มู่จิ่วซีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว นี่ก็แค่หยอกล้อน้องหญิงเล่นเท่านั้น ท่านแม่ ท่านรีบนอนพักเถอะ ท่านแม่อนุ ในห้องคนเยอะ พวกเราออกไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
มู่จิ่วซีรู้สึกว่าอากาศในห้องไม่ค่อยดีสักเท่าไรจริงๆ
ฮูหยินรองพูดสองสามคำแล้วก็พาคนออกไป หลังจากลู่เอ๋อร์นำเข็มเงินมาแล้ว นางก็ให้ทุกคนออกไป เหลือเพียงสองคนแม่ลูก
“ซีเอ๋อร์ เจ้าเรียนรู้วิชาแพทย์มาตั้งแต่เมื่อไร?” ฮูหยินใหญ่นอนลงมองบุตรสาวของตนเอง ดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูและสงสาร
“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งพูด ข้าจะช่วยรักษาให้ท่านเจ้าค่ะ” มู่จิ่วซีรู้สึกตกใจมาก เพราะมารดาไม่ได้ป่วย แต่ถูกวางยาพิษ
และถูกวางยาพิษมานานมากแล้ว นานวันเข้า ก็ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
นางปักเข็มเงินลงบนร่างกายของมารดากว่ายี่สิบเล่ม สกัดกั้นพิษที่จะเข้าสู่หัวใจ แต่การจะขับพิษออกไปได้ จำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรแก้พิษ
พิษชนิดนี้ไม่มีสี ปักเข็มเงินลงไปก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ในเลือดกลับมีกลิ่นหอมจางๆ ของกฤษณาที่ยากจะสังเกตได้
มู่จิ่วซีใจเต้นเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองทางหน้าต่าง
เห็นเพียงบนตู้ไม้ข้างหน้าต่างมีกฤษณาในรูปดอกบัวจุดอยู่ ควันลอยขึ้นมาบางๆ เพียงแต่ว่ากลิ่นหอมจางๆ ถูกกลิ่นยาจีนกลบหมด
“ท่านแม่ ท่านจุดกฤษณาทุกวันหรือไม่?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม
ฮูหยินใหญ่ชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว กฤษณาช่วยให้จิตใจสงบ นี่ก็จุดมาสิบกว่าปีแล้ว”
“ในตอนแรก ท่านเป็นคนต้องการจะจุดหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว ข้าจำได้ว่าตอนนั้นนอนไม่ค่อยหลับ ป้าหวังบอกว่าสามารถจุดกฤษณาเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ หลังจากนั้นก็จะจุดทุกคืน”
“ป้าหวังหรือเจ้าคะ?” สายตาของมู่จิ่วซีฉายแววมืดมนแวบหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องนี้?” ฮูหยินใหญ่ไม่เข้าใจ
“ท่านแม่ ท่านไม่ได้ป่วย ท่านถูกวางยาพิษชนิดเรื้อรัง พิษสะสมมาสิบกว่าปี ถึงเวลาที่จะปะทุออกมาแล้ว” มู่จิ่วซีลดเสียงลง
“อะไรนะ?” ฮูหยินใหญ่ตกใจจนตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นไปได้อย่างไร?”
“ชู่ว” มู่จิ่วซีรีบยกมือส่งสัญญาณให้เงียบ “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งโวยวายไป คนที่สามารถวางยาพิษได้นานสิบกว่าปี น่าจะเป็นคนใกล้ชิดของท่านเจ้าค่ะ”
ขณะพูด นางก็ลุกขึ้นยืนเบาๆ เดินไปที่ประตูอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นก็เปิดประตูออกทันที
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ” ป้าหวังที่อยู่ข้างนอกเกือบจะพุ่งเข้ามา นางเห็นมู่จิ่วซีเปิดประตู ก็ตกใจจนหน้าซีด
มู่จิ่วซีจ้องมองป้าหวัง แต่ไม่พูดอะไร
ป้าหวังกลับรีบเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านออกมาเหตุใดจึงไม่บอกกล่าว หมออู๋มาแล้ว บ่าวกำลังจะเข้าไปรายงานพอดีเจ้าค่ะ”
เป็นไปตามคาด เงาคนในลานบ้านวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ป้ายิงยังคงพูดว่าฮูหยินใหญ่กระอักเลือดอะไรทำนองนั้น
มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะในใจ แต่ยังคงสงบนิ่ง “ป้าหวัง เจ้าไปที่ห้องยา เอาไม้กฤษณาอายุร้อยปีมาท่อนหนึ่ง”
“ไม้กฤษณา?” ป้าหวังชะงักไป
“น้ำมันกฤษณาในห้องของท่านแม่ไม่ได้ผลแล้ว จุดไม้กฤษณาจะช่วยให้จิตใจสงบได้ดีกว่า ห้องยาต้องมีแน่นอน” มู่จิ่วซีอธิบาย
“อ้อๆ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หน้าผากของป้าหวังมีเหงื่อซึม ไม่กล้ามองมู่จิ่วซี รีบรับคำแล้วออกไป
“ลู่เอ๋อร์” มู่จิ่วซีรีบเรียกลู่เอ๋อร์มา กำชับสองสามประโยคที่ข้างหู
ลู่เอ๋อร์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นรีบวิ่งตามออกไป
“ซีเอ๋อร์” ฮูหยินใหญ่เรียกจากในห้อง
มู่จิ่วซีรีบวิ่งกลับเข้าไป ในดวงตาของฮูหยินใหญ่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ซีเอ๋อร์ เจ้า เจ้าคิดว่าป้าหวังวางยาพิษข้าหรือ?”
