บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

ฮูหยินรองลู่เวยหย่าพุ่งเข้ามา เห็นบุตรชายของตนถูกตีจนเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ร้องไห้พลางเอ่ยถาม “หยางชุน เจ้าไปทำเรื่องอะไรไม่ดีอีกแล้ว ถึงได้ทำจิ่วซีโกรธถึงเพียงนี้”

“ท่านแม่ นางเป็นคนตีข้านะ ข้า ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” มู่หยางชุนโกรธจนร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านพ่อ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้านะ”

“ซีเอ๋อร์ เกิดเรื่องอันใดขึ้นที่นี่? ถึงแม้ว่าหยางชุนจะทำผิด เจ้าที่เป็นพี่สาวก็ไม่ควรลงมือรุนแรงถึงเพียงนี้!”

แม่ทัพใหญ่มู่ก็ปวดใจยิ่งนัก รีบสั่งคนไปตามหมออู๋มาทันที

มู่หยางชุนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา จะต้องสืบทอดวงศ์ตระกูล

ลู่เอ๋อร์จู่ๆ ก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วรีบเอ่ยขึ้น “ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าว ไม่เกี่ยวกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

“ลู่เอ๋อร์ เจ้าอย่าคุกเข่าพร่ำเพรื่อ เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่เกือบจะข่มเหงเจ้า เจ้ายังจะมาพูดแทนเขาอีกหรือ? หากเขาไม่ใช่น้องชายข้า เมื่อครู่ข้าคงตอนเขาไปแล้ว!” คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ทุกคนสูดหายใจด้วยความตกตะลึง

“หยางชุน! ที่จิ่วซีพูดเป็นความจริงหรือ? เจ้าทำลู่เอ๋อร์...” ฮูหยินรองก็มองบุตรชายอย่างตกใจ

“เจ้าเด็กเวร เจ้าทำลู่เอ๋อร์จริงๆ หรือ?” แม่ทัพใหญ่มู่ก็ตกใจมากเช่นกัน

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ เป็นลู่เอ๋อร์ที่แอบดูข้าอาบน้ำ ข้าคิดว่าท่านแม่กำลังจะเลือกสาวใช้ห้องข้างให้ข้ามิใช่หรือ? เช่นนั้นก็ถือโอกาสรับนางเสียเลย” มู่หยางชุนรีบอธิบาย

“อายุสิบห้า ขนยังไม่ทันขึ้น ก็คิดจะมีสาวใช้ห้องข้าง เจ้าไม่กลัวว่าน้อยชายจะไม่แข็งหรือไร!” มู่จิ่วซีกล่าวเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“คิก!” เซ่อเจิ้งอ๋องที่อยู่ด้านหลังกลั้นไม่อยู่ จึงส่งเสียงหัวเราะออกมา

“มู่จิ่วซี!” แม่ทัพใหญ่มู่หน้าแดงก่ำในทันที

เหตุใดเขาจึงไม่รู้เลยว่าบุตรสาวของเขาหยาบคายขนาดนี้ เซ่อเจิ้งอ๋องคู่หมั้นก็ยังอยู่ด้วย

“เซ่อเจิ้งอ๋อง เป็นข้าน้อยที่อบรมสั่งสอนไม่ดี ทำให้ท่านได้เห็นเรื่องน่าอายเสียแล้ว” มู่เทียนซิงรู้สึกกระอักกระอ่วน นี่มันเรื่องอะไรกัน

หลังจากเลิกประชุมเช้า เซ่อเจิ้งอ๋องก็บังคับให้เขาถอนหมั้น เขารู้ว่าบุตรสาวต้องการถอนหมั้น แต่การแต่งงานที่ดีเช่นนี้ เขาก็ยังเสียดายอยู่บ้าง ดังนั้นจึงยังคงพาคนกลับมา ให้บุตรสาวตัดสินใจต่อหน้า

หากเซ่อเจิ้งอ๋องได้เป็นบุตรเขยของเขา นี่จะเป็นเรื่องที่ทำให้ตระกูลมู่เชิดหน้าชูตาได้เลย

เพียงแต่ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องรังเกียจมู่จิ่วซีมาตลอดว่าเป็นสตรีที่เหลวไหลและเอาแต่ใจ ตอนนี้ดีจริงๆ ได้เห็นทั้งความรุนแรงและความหยาบคายครบถ้วนแล้ว

เขาถึงกับสงสัยว่าบุตรสาวของตนเป็นอย่างที่เล่าลือกันภายนอกจริงๆ หรือไม่ ที่ว่ามักจะไปเที่ยวหอนางโลม และยังไปเกี้ยวพาราสีท่านอ๋องหกอีก

“คุณหนูใหญ่มู่เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาอยู่ตลอด ข้ารู้สึกละอายใจนัก” เซ่อเจิ้งอ๋องก็รู้สึกอับอายมาก เขาไม่คิดว่าตนเองจะถูกทำให้หัวเราะออกมาได้

มู่จิ่วซีทำเสียงขึ้นจมูกแล้วกล่าวว่า “อย่ามาเสแสร้ง เรื่องถอนหมั้นค่อยว่ากันทีหลัง ท่านพ่อ มู่หยางชุนรังแกลู่เอ๋อร์ ข้าตีเขาสักหน่อยก็ไม่เกินไปกระมัง ความบริสุทธิ์ของสตรีสำคัญมากเพียงใด แม้ว่าลู่เอ๋อร์จะเป็นบ่าวรับใช้ แต่ก็มีศักดิ์ศรี อีกอย่าง นางเป็นคนของข้า มู่หยางชุนหาเรื่องเอง จะโทษข้าไม่ได้”

“เจ้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดอย่างภาคภูมิใจอีก! เพื่อบ่าวรับใช้คนเดียว เจ้าถึงกับตีน้องชายเจ้าขนาดนี้ เจ้าช่างเป็นพี่สาวที่ดีจริงๆ !” มู่เทียนซิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง

“ท่านพ่อ ข้าไม่ชอบฟังคำพูดเช่นนี้ อะไรคือแค่บ่าวรับใช้คนเดียว? บ่าวมิใช่คนหรือ? บ่าวไม่ใช่พ่อแม่ให้กำเนิดหรือ? หากไม่มีพวกเขา ชีวิตพวกเราจะสุขสบายเช่นนี้ได้อย่างไร? ก็เหมือนแม่ทัพไม่มีทหาร ท่านจะรบชนะได้หรือ?”

มู่จิ่วซีเถียงบิดาตรงๆ “ท่านพ่อ ท่านอย่าให้ลูกดูถูกท่าน ท่านต้องขอโทษลู่เอ๋อร์!”

ทุกคนต่างตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่จิ่วซียังแสดงสีหน้าท่าทางจริงจัง นี่กำลังสั่งสอนบิดาของนางจริงๆ

ช่างกล้าหาญเกินขอบเขตไปแล้ว

“คุณหนู ไม่ ไม่ต้องแล้ว ข้า ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลไม่หยุด

“ท่านพ่อ!” มู่จิ่วซีตะโกนเสียงดัง “ปกติท่านสั่งสอนพวกเราอย่างไร น้ำสามารถทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้เรือจมได้เหมือนกัน ต้องปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดี นี่คือสิ่งที่ท่านทำหรือ?”

“จิ่วซี เจ้าอย่ามาทะเลาะกับพ่อ วันนี้เป็นความผิดของหยางชุน แม่อนุจะกลับไปอบรมเขาให้ดี ไม่มีอะไรแล้วๆ พวกเจ้าพ่อลูกอย่าได้ทะเลาะกัน ครอบครัวสงบสุข ถึงจะเจริญรุ่งเรือง”

ฮูหยินรองลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตายังอาบแก้ม ก็เริ่มเข้ามาห้ามปราม

เซ่อเจิ้งอ๋องโม่จุนจ้องมองใบหน้างดงามที่ไม่ยอมแพ้ของมู่จิ่วซี ในใจก็อดเป็นห่วงแทนนางไม่ได้ แต่คำพูดของนางกลับทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง

ยังคิดว่าคุณหนูใหญ่เช่นนี้จะต้องชอบรังแกคนรับใช้เสียอีก นึกไม่ถึงว่านางจะปกป้องคนของตนเองถึงเพียงนี้

“ลู่เอ๋อร์ ครั้งนี้เป็นข้าที่ทำไม่ถูก ข้าขอโทษเจ้าด้วย ซีเอ๋อร์พูดถูก บ่าวรับใช้ก็เป็นคนเหมือนกัน พวกเราสามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ พวกเจ้าก็มีความดีความชอบอย่างมาก”

ภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียด มู่เทียนซิงได้ทำการตัดสินใจ

สีหน้าเย็นชาของมู่จิ่วซีพลันคลายลงในทันที รอยยิ้มสดใสเจิดจ้าสะดุดตาอย่างยิ่ง เดินตรงไปหามู่เทียนซิงอย่างรวดเร็ว คว้าแขนของเขาแล้วออดอ้อน

“นี่สิถึงจะเป็นท่านพ่อผู้เป็นวีรบุรุษของข้า ทัศนคติของคนตระกูลมู่เราต้องถูกต้องเที่ยงธรรมสิ”

“เจ้าเด็กคนนี้ เรื่องนี้พ่อผิดเอง แต่เจ้าตีน้องชายจนเป็นแบบนี้ ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ?” มู่เทียนซิงพ่ายแพ้ต่อการออดอ้อนของบุตรสาวในทันที อารมณ์ดีขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ท่านพ่อ เลี้ยงดูบุตรแต่ไม่สั่งสอน เป็นคือความผิดของพ่อแม่ น้องชายทำเรื่องเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะท่านพ่ออบรมสั่งสอนไม่ดี ลูกหลานตระกูลมู่จะต้องออกรบอย่างห้าวหาญ อายุแค่นี้ก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่ใต้กระโปรงสตรี ต่อไปจะหวังพึ่งอะไรได้?”

“มู่จิ่วซี ตัวเจ้าเองก็ไปหอนางโลมบ่อยๆ มิใช่หรือ!” มู่หยางชุนตะโกนด้วยความโกรธ

“มู่หยางชุน เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!” มู่เทียนซิงโกรธ เซ่อเจิ้งอ๋องยังอยู่ คำพูดเช่นนี้จะพูดออกมาได้หรือ?

มู่หยางชุนหดคอในทันที มู่จิ่วซีเห็นประกายเย็นเยียบแวบผ่านดวงตาของฮูหยินรองลู่เวยหย่า แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“เอาละๆ อย่าให้เซ่อเจิ้งอ๋องต้องมาเห็นเรื่องน่าขันเลย ท่านพี่ พวกท่านไปคุยเรื่องสำคัญกันที่เรือนด้านหน้าเถิด” ฮูหยินรองมองมู่เทียนซิงอย่างวิงวอน แล้วมองไปที่เซ่อเจิ้งอ๋อง สุดท้ายก็มองไปที่มู่จิ่วซี

“เวยหย่า หยางชุนเด็กคนนี้เพิ่งจะอายุสิบห้าปี เจ้าอย่าได้ตามใจจนเสียคน” มู่เทียนซิงมองฮูหยินรองพลางเอ่ยขึ้น

“เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าจะอบรมสั่งสอนเขาให้ดี” ลู่เวยหย่าค้อมตัวรับคำในทันที

มู่จิ่วซีเลิกคิ้วขึ้น ถูกบิดาของตนเองดึงตัวเดินออกไป เซ่อเจิ้งอ๋องโม่จุนมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดมน

“ข้าจะไปหอนางโลมก็ไม่เกี่ยวกับท่านกระมัง ท่านจะทำหน้าบึ้งตึงไปทำไม หากจะถอนหมั้นก็แสดงความจริงใจออกมาสักหน่อย จับตัวคนร้ายได้แล้วหรือ?” มู่จิ่วซีเดินไปข้างๆ เขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความขบขัน

“ซีเอ๋อร์ เจ้าพูดกับเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นนี้ได้อย่างไร! ไม่มีมารยาท!” มู่เทียนซิงยกมือขึ้นกุมขมับ

บุตรสาวคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะมาโดยตลอด ตอนนี้ดูเหมือนว่าตนจะตามใจนางจนเสียคนแล้ว ไม่สิ เป็นไทเฮาที่ตามใจนางจนเสียคน นางถึงกล้าเถียงแม้กระทั่งบิดาของตนเอง

“ท่านพ่อ เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นคนใจกว้าง จะมาถือสากับสตรีตัวเล็กๆ เช่นข้าได้อย่างไร ใต้เท้าโม่จุน ท่านว่าจริงหรือไม่?”

มู่จิ่วซียิ้มกว้างให้เขา เพียงแต่มันดูเสแสร้งมากเกินไป

“คนร้ายคือฉีฝ้าง มือสังหารจากหอดาวจันทร์ เช้ามืดวันนี้ก็ถูกเย่อู๋เหิงจับกุมตัวมาแล้ว แต่ยังไม่ได้สอบสวนว่าใครเป็นผู้จ้างวาน...”

เซ่อเจิ้งอ๋องหรี่ตามองมู่จิ่วซีเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องราวออกมาอย่างเย็นชา

“เช่นนั้นก็ยังหาตัวผู้บงการไม่ได้น่ะสิ แล้วท่านจะมาถอนหมั้นได้อย่างไรเล่า?” มู่จิ่วซีเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน “พวกเราแปะมือสัญญากันแล้ว หรือว่าท่านจะสอนเคล็ดวิชาให้ข้า? หรือว่าคิดจะกลับคำ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel