บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

มู่จิ่วซีอบอุ่นร่างกายเสร็จสิ้น ลมหายใจเปลี่ยนไป ใบหน้างดงามจริงจังและเคร่งขรึม ในดวงตาคู่นั้นฉายแววประกายเฉียบคม

นางในเวลานี้ ดูไม่เหมือนหญิงสาวอ่อนแอและบอบบางแม้แต่น้อย แต่เหมือนกับทหารในค่ายทหารที่กำลังจะออกรบ

“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยจะใช้กำลังภายในสามส่วน ระวังด้วยนะขอรับ”

“ดี หากไม่ไหว ก็ใช้ได้เต็มที่” มู่จิ่วซีหัวเราะเสียงใส หลังจากนั้นคนก็พุ่งเข้าหาเย่อู๋เหิงอีกครั้ง

สิ่งที่นางถนัดที่สุดคือการต่อสู้ระยะประชิด และจะดีที่สุดหากมีอาวุธอยู่ในมือ เพราะเป้าหมายของการฝึกฝนในตอนนั้นมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือการฆ่าคน

ความเร็วคือจุดแข็งของนาง ดังนั้น เย่อู๋เหิงจึงไม่อยากจะเชื่อว่ามู่จิ่วซีที่รวดเร็วขนาดนี้จะไม่ได้ใช้กำลังภายใน แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อกำลังภายในปะทุ ความเร็วของเขาก็ไล่ตามขึ้นมาทันที ทั้งสองคนปะทะกันไปสิบกว่ากระบวนท่า ร่างกายของมู่จิ่วซีคล่องแคล่วมาก แทบจะวนรอบตัวเย่อู๋เหิงแล้วโจมตี

แต่เย่อู๋เหิงพบว่าพละกำลังของมู่จิ่วซีก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่ไม่ใช่กำลังภายใน ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอีก

นี่แสดงว่าการปะทะกันก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการหยั่งเชิงของนางเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงในใจ

โม่จุนลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมจนน่ากลัว สายตาจับจ้องไปที่มู่จิ่วซีอย่างไม่ละสายตา ในใจก็รู้สึกปั่นป่วน

มู่จิ่วซีต่อสู้จนเหงื่อท่วมตัว การเคลื่อนไหวหลายอย่างที่ร่างกายนี้ไม่สามารถทำได้ ทำให้นางรู้สึกขาดความมั่นใจไปบ้าง

และกำลังของเย่อู๋เหิงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นางสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกำลังภายในแล้ว

ทันใดนั้น นางก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว หอบหายใจพลางเอ่ยขึ้น “หยุด!”

เย่อู๋เหิงก็หยุดทันทีเช่นกัน หน้าผากมีเหงื่อซึม มองมู่จิ่วซีแล้วกล่าวชมทันที “คุณหนูใหญ่คล่องแคล่วว่องไว ทำให้ข้าน้อยต้องใช้กำลังภายในถึงห้าส่วน น่าละอายจริงๆ ”

มู่จิ่วซีโบกมือพลางกล่าวว่า “ในการต่อสู้จริง ใครเขาจะออมมือกัน ข้าไม่มีกำลังภายใน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านหรอก”

ขณะพูด ดวงตาของนางก็หม่นลง คิดในใจว่าเจ้าของร่างเดิมเรียนรู้แต่วิชากระบวนท่าภายนอก ไม่ได้เรียนรู้กำลังภายใน ช่างน่าหดหู่จริงๆ

โม่จุนเอ่ยปากขึ้นทันที “กระบวนท่าของเจ้าไม่เหมือนกับของท่านแม่ทัพใหญ่มู่ ใครเป็นคนสอนกัน?”

มู่จิ่วซีหันไปมองเขา แล้วถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “เหตุใดท่านยังไม่ไปอีก?”

โม่จุนทั้งคนก็มืดมนลงในทันที

“เอาเถอะ อย่าทำหน้าบึ้ง ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรท่าน” มู่จิ่วซีนั่งลงใต้ชายคาอย่างหอบหายใจ “จริงสิ ข้าตกลงเรื่องถอนหมั้น แต่ข้ามีเงื่อนไข”

โม่จุนและเย่อู๋เหิงต่างรู้สึกตามความคิดของนางไม่ทันเล็กน้อย

“เงื่อนไขอะไร?” โม่จุนเอ่ยถาม

“ท่านสอนเคล็ดวิชากำลังภายในให้ข้า” มู่จิ่วซีหันไปมองเขา

โม่จุนชะงักไป เย่อู๋เหิงก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

“นี่เจ้าจะคารวะข้าเป็นอาจารย์หรือ?” โม่จุนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

มู่จิ่วซีร้องอ๊ะออกมาเสียงหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแค่อยากเรียนเคล็ดวิชากำลังภายในเท่านั้น ไม่ได้หรือ?”

เย่อู๋เหิงรีบอธิบายว่า “คุณหนูใหญ่ เคล็ดวิชากำลังภายในของแต่ละสำนักจะไม่ถ่ายทอดให้คนภายนอกโดยไม่มีเหตุผลอันควร ตระกูลมู่ของท่านก็น่าจะมีเคล็ดวิชากำลังภายใน”

มู่จิ่วซียักไหล่แล้วเอ่ยขึ้น “เขามิใช่เทพสงครามแห่งแคว้นเกาหยุนหรอกหรือ? เคล็ดวิชาคงต้องดีกว่าแน่นอน โม่จุน สอนข้าไม่ได้จริงๆ หรือ?”

“ไม่ได้!” โม่จุนปฏิเสธทันที

“ถ้าเช่นนั้นก็แต่งงานกันเถอะ เป็นคนกันเองแล้วก็สอนได้ใช่หรือไม่” มู่จิ่วซีขยิบตาให้เขา

“ฝันไปเถอะ!” โม่จุนแค่นเสียงเย็น “ข้าได้เสนอเรื่องถอนหมั้นกับท่านพ่อเจ้าไปแล้ว”

“ท่านพ่อของข้าล้วนฟังข้า ถึงเขาจะตกลงแล้วอย่างไร ข้ามีวิธีมากมายที่จะทำให้ท่านถอนหมั้นไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อครู่ท่านเห็นร่างกายของข้า ไม่ควรรับผิดชอบหรือ?”

“เจ้า ไร้ยางอาย!” โม่จุนโกรธจนตาแทบถลนออกมา

เย่อู๋เหิงรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง เขาก็เห็นเหมือนกัน

“ใต้เท้าเย่มาสืบคดี แต่ท่านไม่ใช่ ความบริสุทธิ์ของสตรีนั้นสำคัญเพียงใด ข้าไม่ต้องเตือนท่านกระมัง หากข้าไปทูลไทเฮา ท่านคิดว่าไทเฮาจะช่วยท่านหรือช่วยข้า?”

“มู่จิ่วซี เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!” โม่จุนโกรธจนตัวสั่น ไม่เคยพบเจอสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหากหาคนร้ายตัวจริงเจอ เจ้าจะยอมถอนหมั้น แล้วจะกลับคำหรือ?”

“เช่นนั้นก็ได้ ภายในสามวัน หาคนร้ายตัวจริงมาให้ข้า ข้าหมายถึงผู้บงการ ไม่ใช่พวกมือสังหารรับจ้าง หรือไม่ก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชากำลังภายในให้ข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ถ่ายทอดให้คนภายนอก ว่าอย่างไร?”

มู่จิ่วซีเชิดคางขึ้นมองไปยังโม่จุน

“ทำไม หรือว่าท่านไม่มั่นใจในตัวเอง? สามวันยังหาตัวคนบงการไม่ได้? ใต้เท้าเย่ก็ช่วยท่านได้นะ ข้าใจกว้างพอใช่หรือไม่? สองคนที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในแคว้นเกาหยุน จะทำไม่ได้เชียวหรือ?”

สายตาดูถูกและเฉียบคมของมู่จิ่วซี ทำให้บนใบหน้าของบุรุษทั้งสองรู้สึกร้อนผ่าว

เย่อู๋เหิงมองไปยังโม่จุน สีหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา

“มู่จิ่วซี เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธียั่วยุ ข้าตกลงก็ได้ แต่ทางที่ดีเจ้าควรรักษาสัญญา!” โม่จุนกล่าวอย่างเย็นชา หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว

“คำพูดที่พูดออกไปแล้ว จะไม่คืนคำ!” มู่จิ่วซีหัวเราะร่า ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นฝ่ามือออกไปหาโม่จุน “แปะมือเป็นการสัญญา”

มุมปากของโม่จุนกระตุกเล็กน้อย ยื่นมือออกมาตบกับฝ่ามือของนางหนึ่งที

มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มสดใสให้เขา จนแทบจะทำให้สายตาของโม่จุนพร่ามัว

เพียงแต่บรรยากาศรอบตัวของโม่จุนกลับเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม

บุรุษทั้งสองจากไปอย่างรวดเร็ว ลู่เอ๋อร์กล่าวด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่ เหตุใดท่านถึงเก่งกาจขนาดนี้เจ้าคะ”

“ข้าเก่งอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้ใครรู้เท่านั้น แต่ครั้งนี้เกือบถูกฆ่าตาย ข้าจะไม่ทำตัวถ่อมตนอีกต่อไปแล้ว ต้องทำให้ทุกคนหวาดกลัวข้า ข้าถึงจะปลอดภัยที่สุด”

มู่จิ่วซีพูดพลางยิ้มอย่างดุร้าย ทำให้ลู่เอ๋อร์รู้สึกราวกับว่าคุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

การพักผ่อนระยะสั้นที่เรือนราชวงศ์จบลงด้วยคดีฆาตกรรมหมอหลวงเวิน ไทเฮาที่พยายามหาทางให้โม่จุนและมู่จิ่วซีได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ก็ล้มเหลวแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้นยามเฉิน จวนแม่ทัพใหญ่มู่

มู่จิ่วซีกลับถึงจวน ก็ได้ยินเสียงสตรีร้องไห้โวยวายดังมาจากข้างใน

“เป็นคุณหนูรองเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์กล่าวเตือนเบาๆ

“นางกลับมาฟ้อง ช่างรวดเร็วเสียจริง” มู่จิ่วซียกยิ้มมุมปาก “ดูเหมือนว่าคนที่เกือบตายคือข้ากระมัง?”

ยังไม่ทันขาดคำ พ่อบ้านใหญ่ลุงมู่ก็เข้ามาต้อนรับแล้ว

“คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ฮูหยินใหญ่ป่วยอีกแล้ว กำลังเรียกหาท่านอยู่ขอรับ”

“อะไรนะ ท่านแม่ของข้าป่วยอีกแล้วหรือ?” มู่จิ่วซีใจร้อนขึ้นมาทันที เจ้าของร่างเดิมกับมารดานั้นมีความรักผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง นางสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้

เพียงแต่ว่ามารดาของนางร่างกายอ่อนแอมาโดยตลอด ต้องนอนพักและทานยาอยู่เป็นประจำ

“จิ่วซี” เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น เรียกมู่จิ่วซีที่กำลังจะไปหาท่านแม่

มู่จิ่วซีหยุดฝีเท้า ก็เห็นฮูหยินรองลู่เวยหย่าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้างดงามแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ด้านหลังไม่ไกลนัก มู่เจินจูที่ดวงตาแดงก่ำและสาวใช้สองสามคนก็เดินตามมา

“คารวะท่านแม่อนุ” มู่จิ่วซีทำความเคารพ

“จิ่วซี ได้ยินมาว่าเจ้าต้องลำบากที่เรือนราชวงศ์ ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ฮูหยินรองเดินเข้ามาจับมือมู่จิ่วซีอย่างสนิทสนมพลางสำรวจดู

“ท่านแม่อนุ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม มู่จิ่วซีรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมเข้ากับฮูหยินรองได้ดี

“ท่านแม่ ท่านปกป้องนางทุกครั้ง ตกลงข้าเป็นลูกท่าน หรือนางเป็นลูกท่านกันแน่? ข้าถูกนางผลักตกทะเลสาบนะ” มู่เจินจูแสดงสีหน้าน้อยใจและไม่พอใจ

“เจินจู เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! ไม่รู้จักกฎระเบียบแล้วหรือไร?” ฮูหยินรองจ้องมองมู่เจินจูด้วยสายตาเฉียบคม “ปกติข้าสอนเจ้าอย่างไร จิ่วซีเป็นพี่หญิงของเจ้า ออกไปข้างนอก ต้องดูแลซึ่งกันและกัน แต่เจ้ากลับถูกไป๋เฟิ่งหว่านหลอกใช้ให้ทำร้ายพี่หญิงของเจ้า เจ้ายังมีหน้ามาเถียงอีก? คุกเข่าลง ขอโทษจิ่วซีเดี๋ยวนี้!”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีหญิงชราคนหนึ่งวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน เห็นมู่จิ่วซีก็รีบเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ แย่แล้ว ฮูหยินใหญ่กระอักเลือดแล้ว!”

“อะไรนะ!” มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไปทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel