บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ทันทีที่เปิดหน้าต่าง เงาสีดำร่างหนึ่งก็กระโจนเข้ามาจากนอกหน้าต่าง

“คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” คนที่เข้ามาคือบุรุษสวมชุดดำกางเกงดำผู้หนึ่ง เมื่อเห็นมู่จิ่วซีก็คุกเข่าลงทันที

มู่จิ่วซีส่ายหน้าให้เขาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร เย่หาน ท่านพ่อรู้เรื่องวันนี้แล้วหรือ?”

“นายท่านเพิ่งทราบ โกรธจนทุบโต๊ะพัง เรื่องนี้ชัดเจนว่ามีคนต้องการจะฆ่าคุณหนูใหญ่ จุดประสงค์น่าจะไม่ต้องการให้คุณหนูใหญ่และเซ่อเจิ้งอ๋องได้แต่งงานกันขอรับ”

เย่หานเป็นหนึ่งในองครักษ์ลับที่อยู่ข้างกายของท่านแม่ทัพใหญ่มู่

“ท่านพ่อเดาออกหรือไม่ว่าใครต้องการจะฆ่าข้า?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม

เย่หานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “นายท่านบอกว่ามีคนน่าสงสัยอยู่สองคน หนึ่งคือพระชายาสามเซียวหลิงเยว่ สองคือคุณหนูใหญ่ไป๋ฉิงขอรับ”

มู่จิ่วซีเงียบ นางก็สงสัยพระชายาสามเช่นกัน

แคว้นเกาหยุนค่อนข้างพิเศษ ฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์เพียงสิบชันษา โม่จุนเป็นเสด็จอาห้าของฮ่องเต้น้อย

ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์เพราะเสด็จออกรบด้วยพระองค์เอง ฮองเฮาที่พระชนมายุเพียงยี่สิบห้าชันษาก็กลายเป็นไทเฮา โอรสวัยแปดชันษาได้สืบทอดราชบัลลังก์ แต่กลับถูกกดดันจากทุกฝ่าย

โม่จุนใช้เวลาสามปีช่วยไทเฮาและฮ่องเต้น้อยรักษาเสถียรภาพของราชสำนักและสนามรบ ได้รับความไว้วางพระทัยจากสองแม่ลูก เป็นเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างสมคำร่ำลือ

พระชายาสามเซียวหลิงเยว่ เป็นเสด็จพี่สะใภ้สามของโม่จุน

อันที่จริงแล้วในตอนนั้นเซียวหลิงเยว่และโม่จุนต่างรักใคร่ชอบพอกัน แต่เนื่องจากบิดาของเซียวหลิงเยว่ไม่เห็นด้วยกับฮ่องเต้น้อย จึงไปอยู่ฝ่ายท่านอ๋องสามที่มีความทะเยอทะยาน ดังนั้น เซียวหลิงเยว่จึงถูกบังคับให้กลายเป็นพระชายาสาม

ผลปรากฏว่าโม่จุนใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างแข็งกร้าว ตระกูลเซียวพ่ายแพ้ย่อยยับ ท่านอ๋องสามก็ขาขาดไปข้างหนึ่ง กลายเป็นคนพิการ

แต่ก็ด้วยเหตุนี้จึงรอดชีวิตมาได้ ไทเฮาเห็นแก่ที่เซียวหลิงเยว่ให้กำเนิดธิดา จึงไม่ทรงเอาความอีก ยังคงปฏิบัติต่อเสมือนเป็นคนในราชวงศ์

ด้วยความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ เซียวหลิงเยว่จึงทั้งรักทั้งเกลียดโม่จุน

มู่จิ่วซีคาดเดาว่าอาจเป็นเพราะเซียวหลิงเยว่ยังรักโม่จุนอยู่ จึงไม่อยากให้เขาแต่งงาน

เพราะว่าความหึงหวงและความริษยาของสตรีนั้นน่ากลัวมาก

ภายนอกลือกันว่าเซ่อเจิ้งอ๋องอายุยี่สิบสามปีแล้ว แต่ยังไม่แต่งงาน ก็เพราะว่ายังลืมเซียวหลิงเยว่ไม่ได้

เซียวหลิงเยว่ตอนนี้ก็อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี บางทีทั้งสองคนอาจจะยังมีความรู้สึกต่อกัน แอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ ก็เป็นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่จิ่วซีก็เบ้ปาก

“พระชายาสามก็น่าสงสัยจริงๆ แล้วเหตุใดคุณหนูใหญ่ไป๋ถึงต้องทำร้ายข้า?” มู่จิ่วซีขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

เย่หานตอบทันทีว่า “คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณหนูใหญ่ แต่ต้องการจะฆ่าคุณหนูรองไป๋เฟิ่งหว่าน”

มู่จิ่วซีเข้าใจในทันที ตระกูลไป๋เป็นจวนเฉิงเซี่ยง การต่อสู้ภายในจวนขุนนางชั้นสูงเช่นนี้ ล้วนเป็นการเชือดเฉือนกันโดยไม่ต้องเห็นเลือด

ไป๋เฟิ่งหว่านเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่กลับเป็นที่โปรดปรานมากกว่าไป๋ฉิง เพราะว่าไป๋เฉิงเซี่ยงโปรดปรานฮูหยินรองเพียงคนเดียว

หากไม่ใช่เพราะฮูหยินใหญ่ป่วยหนักอยู่บนเตียงและยังไม่สิ้นใจ ฮูหยินรองก็คงได้รับการแต่งตั้งเป็นภรรยาเอกไปแล้ว ไป๋เฟิ่งหว่านก็จะกลายเป็นบุตรภรรยาเอกของจวนไป๋ แต่นี่ก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

แม้ว่าไป๋ฉิงจะมีความงดงามและสติปัญญาเป็นเลิศ อ่อนโยนและเพียบพร้อม แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า หากต้องการจะได้รับความช่วยเหลือจากไป๋เฉิงเซี่ยง จะต้องแต่งงานกับไป๋เฟิ่งหว่าน ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ไป๋ฉิง

เมื่อคิดเช่นนี้ ไป๋ฉิงก็คงจะอัดอั้นตันใจ อยากจะกำจัดไป๋เฟิ่งหว่านก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าใช้นางมู่จิ่วซีเป็นเครื่องมือ นั่นก็ไม่ค่อยน่าพอใจนัก

“คุณหนูใหญ่ไป๋ฉิงก็ชอบเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นกัน” เย่หานกล่าวเสริมอีกประโยค

มู่จิ่วซีหัวเราะเหอะๆ แล้วกล่าวว่า “หน้าตายนั่น เหตุใดถึงมีสตรีชอบมากมายขนาดนี้นะ พวกนางไม่กลัวนอนกอดแล้วจะแข็งตายหรือ?”

เย่หานตกตะลึงจนตาค้าง จากนั้นมุมปากก็กระตุก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบ่นคำพูดหยาบคายของคุณหนูใหญ่จริงๆ

“คุณหนูใหญ่ นายท่านให้ข้าน้อยมาถามท่านว่า ตกลงแล้วจะถอนหมั้นหรือไม่ เดิมทีนายท่านก็คิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ดี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าการแต่งงานกับเซ่อเจิ้งอ๋องนั้นอันตรายเกินไปสำหรับคุณหนูใหญ่ขอรับ”

“ท่านพ่อของข้ารู้ใจข้าจริงๆ ใครจะไปอยากแต่งกับคนหน้าตายนั่น ถอนๆๆ ต้องถอนหมั้น แต่ว่า ไม่ใช่เราที่เป็นฝ่ายถอนหมั้น มันไม่สมเหตุสมผล ต้องให้เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง พวกเรายังสามารถรีดไถเงินเขาได้อีกก้อนใหญ่”

เย่หานอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับไม่รู้จักคุณหนูใหญ่ของตนเอง

“คุณหนูใหญ่ แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของท่านนะขอรับ”

“คุณหนูของเจ้ายังมีชื่อเสียงอะไรเหลืออยู่อีกหรือ? อีกอย่าง ชื่อเสียงมีค่ากี่ตำลึงกัน? ข้าเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด ยังไม่รีบแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษรูปงามก็มีมากมาย เหตุใดข้าต้องทิ้งบุรุษมากมายพวกนั้น แล้วมาจมปลักอยู่กับบุรุษเพียงคนเดียวด้วยเล่า? เจ้ากลับไปบอกท่านพ่อ ข้าจะถอนหมั้นแน่นอน!”

มู่จิ่วซีย่อมไม่อยากแต่งงาน นางเป็นคนยุคปัจจุบัน อายุสิบเจ็ดแต่งงาน? บ้าไปแล้ว

ในฐานะราชินีแห่งรัตติกาล นางไม่ต้องการถูกผูกมัด

บุรุษนั้น เป็นได้แค่สิ่งที่ช่วยเติมสีสันให้ชีวิต ไม่สามารถเป็นอาหารจานหลักได้

เย่หานจากไปด้วยความกังวลใจ ส่วนมู่จิ่วซีก็เริ่มทำท่าเกร็งหน้าท้อง ออกกำลังกาย

เช้าวันรุ่งขึ้น มู่จิ่วซีถูกลู่เอ๋อร์ปลุกให้ตื่น เพราะเย่อู๋เหิง ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่มาถึงแล้ว

มู่จิ่วซีสวมเสื้อคลุมออกมา เมื่อเห็นเย่อู๋เหิง ดวงตาคู่นั้นก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

คิดในใจว่าเจ้าของร่างเดิมคงจะตาบอดแน่ๆ บุรุษรูปงามผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องเลยสักนิด แต่นางกลับแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย

เห็นเพียงเย่อู๋เหิงสวมชุดคลุมยาวสีขาวนวล รูปร่างสูงสง่า โดดเด่นเหนือผู้ใด

ผมสีดำรวบขึ้น ไม่มีเครื่องประดับใดๆ ดวงตาหงส์เรียวยาวคู่นั้น เฉียบคมแต่ก็แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม มุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มละมุนราวกับดอกบัว มีความอบอุ่นเป็นกันเองอยู่เล็กน้อย

อายุยี่สิบกว่าปี ความหล่อเหลาแบบหนุ่มน้อย ทำให้มู่จิ่วซีเห็นแล้วแทบน้ำลายไหล ความเย็นชา ความหยิ่งทะนง ท่วงท่าที่สง่างามเหนือผู้ใดนี้ ทำให้มู่จิ่วซีอยากจะกลายร่างเป็นหมาป่า แล้วร้องออกมาดังๆ (ตื่นเต้นราวกับหมาป่าที่ได้เจอเนื้อหอม)

“เย่อู๋เหิงคารวะคุณหนูใหญ่มู่” เย่อู๋เหิงทำความเคารพมู่จิ่วซี ด้านหลังมีพลตระเวนสี่คนติดตามมา

“ใต้เท้าเย่ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงพูดคุยกันเถอะ” ในดวงตาของมู่จิ่วซีเต็มไปด้วยความชื่นชม มองจนเย่อู๋เหิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

คุณหนูใหญ่มู่ผู้นี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน เหตุใดวันนี้ท่าทางดูจะสนใจเขาเป็นพิเศษ?

แต่เมื่อนึกถึงชื่อเสียงความเหลวไหลและเสเพลของนาง บรรยากาศรอบตัวเขาก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย

สตรีที่ยากจะรับมือเช่นนี้ คงมีเพียงบุรุษที่แข็งแกร่งอย่างเซ่อเจิ้งอ๋องเท่านั้นที่จะปราบได้?

“คุณหนูใหญ่มู่ พอจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างละเอียดได้หรือไม่?” เย่อู๋เหิงเอ่ยถาม

“ได้แน่นอน” มู่จิ่วซีรีบเล่า เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของเย่อู๋เหิงด้วยรอยยิ้ม

เย่อู๋เหิงรู้สึกว่าใบหูของตนร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย สตรีผู้นี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่านางเป็นคู่หมั้นของเซ่อเจิ้งอ๋อง?

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำมากเกินไป ข้าน้อยจะสืบสวนอย่างเข้มงวด และให้ความเป็นธรรมแก่คุณหนูใหญ่อย่างแน่นอน” เย่อู๋เหิงรู้สึกว่าหากเขาไม่ออกไปตอนนี้ เกรงว่าจะถูกสตรีผู้นี้จับกดเสียแล้ว

“ใต้เท้าเย่ ท่านเชื่อข้าใช่หรือไม่ว่ามีคนผลักข้าตกน้ำ?” มู่จิ่วซีหยุดมองด้วยความชื่นชมทันที เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

เย่อู๋เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หมอหลวงเวินถูกตีที่ท้ายทอยจนตายจริงๆ จากนั้นจึงถูกผลักลงไปในทะเลสาบ ดังนั้น เรื่องที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่มู่จึงสามารถลบล้างได้”

“ด้านหลังของข้ามีรอยถูกผลัก หากใต้เท้าเย่ไม่เชื่อว่าข้าถูกผลักตกน้ำ ก็ควรจะมาดูด้วยตาตนเอง เกรงว่าอีกไม่กี่วันรอยจะหายไป ข้าก็จะไม่สามารถแก้ต่างได้” มู่จิ่วซีพูดพลางลุกขึ้นยืน เตรียมถอดเสื้อคลุมออก

เย่อู๋เหิงชะงักไป จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำว่าไร้ยางอายในใจ

คุณหนูใหญ่มู่ผู้นี้ เป็นสตรีเสเพลดังเช่นที่เล่าลือกันจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel