บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

โม่จุนจ้องมองใบหน้างดงามที่แสดงอารมณ์หลากหลายของนาง มุมปากยกยิ้มเย้ยหยัน พร้อมกับพูดจาถากถาง “เจ้าก็กลัวเป็นด้วยหรือ?”

“เดิมทีก็ไม่กลัว แต่ไม่คิดว่าจิตใจคนจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ เมื่อก่อนข้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว” มู่จิ่วซีถอนหายใจด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ

“ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีความสามารถ มัวแต่เล่นจนเสียคน!” โม่จุนพูดจบประโยคนี้ มองนางอย่างเหยียดหยามแล้วหันหลังเดินจากไป “อันเย่อยู่ต่อ”

อันเย่แสดงสีหน้าขมขื่น แต่ก็ทำได้เพียงรับคำ

“มู่จิ่วซี เจ้าอย่าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องช่วยเจ้าแล้วเจ้าจะไม่เป็นไร อย่าได้ใจไป!” ไป๋เฟิ่งหว่านเห็นโม่จุนเดินไปไกลแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเหน็บแนมมู่จิ่วซี

“ใครบอกว่าข้าไม่เป็นไรแล้ว?” ใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย เดินเข้าไปใกล้ไป๋เฟิ่งหว่าน

ไป๋เฟิ่งหว่านตกใจ รีบเอ่ยขึ้น “เจ้าจะทำอะไร? วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดี พวกเราไป!”

ไป๋เฟิ่งหว่านเห็นสีหน้ามุ่งร้ายของมู่จิ่วซี ในใจรู้สึกหวาดหวั่น คิดจะรีบไปจากที่นี่

“คิดจะไปหรือ?” มู่จิ่วซีแค่นหัวเราะ “ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือไม่ พวกเจ้าทุกคนอยากให้ข้าตาย ยังคิดจะหนีไปอีกหรือ?”

ขณะพูด นางก็คว้าแขนของไป๋เฟิ่งหว่านเอาไว้

ไป๋เฟิ่งหว่านกรีดร้องออกมา ดิ้นรนพร้อมตะโกนว่า “มู่จิ่วซี เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ”

สาวใช้สองคนก็รีบเข้ามาช่วย

มู่จิ่วซียกเท้าเตะสาวใช้ทั้งสองคนกระเด็นไป จากนั้นก็ออกแรงดึงร่างของไป๋เฟิ่งหว่านเข้ามา

วินาทีต่อมา นางก็ยกเท้าถีบไป๋เฟิ่งหว่านที่ยังทรงตัวไม่ได้ลงไปในทะเลสาบ

เสียงตูมดังขึ้น น้ำสาดกระจายไปทั่ว ทุกคนต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด

“ช่วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!” ไป๋เฟิ่งหว่านจมๆ ลอยๆ อยู่ในน้ำ กลืนน้ำเข้าไปหลายอึกพลางร้องขอความช่วยเหลือ

เหล่าองครักษ์มองมู่จิ่วซี สีหน้าของแต่ละคนดูแปลกประหลาด แต่ก็ยังกระโดดลงน้ำไปช่วยคน

ส่วนสายตาของมู่จิ่วซีกลับกวาดมองไปยังมู่เจินจู

“มู่จิ่วซี เจ้าอย่าเข้ามานะ ถ้าเจ้ากล้ารังแกข้า ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ” มู่เจินจูตกใจจนรีบจะวิ่งหนี

“หนีหรือ?” มู่จิ่วซีพุ่งเข้าใส่ทันที กดร่างของมู่เจินจูล้มลงกับพื้น คนอื่นๆ ต่างตกใจจนหนีกระเจิง

มู่เจินจูล้มลงก็รู้สึกเจ็บ ร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ

แต่มู่จิ่วซีก็ลุกขึ้นยืนทันที จับขาข้างหนึ่งของมู่เจินจูแล้วลากไปยังริมทะเลสาบ

“อ๊า! มู่จิ่วซี ปล่อยข้านะ ไม่เอา ไม่เอา ช่วยด้วย!” มู่เจินจูรู้ว่ามู่จิ่วซีจะทำอะไร จึงร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

“พี่ พี่หญิง ข้าผิดไปแล้ว อย่าโยนข้าลงทะเลสาบเลย ข้าว่ายน้ำไม่เป็นนะ” มู่เจินจูร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว

มู่จิ่วซีไม่มีทางเห็นใจ เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมถูกทำให้จมน้ำตาย การให้พวกนางดื่มน้ำเข้าไปสักหน่อย ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“ตูม!” เสียงน้ำดังขึ้นอีกครั้ง มู่เจินจูก็ถูกมู่จิ่วซีเหวี่ยงลงไปในทะเลสาบ ทำให้สตรีที่อยู่รอบข้างมองด้วยความตกตะลึง ต่างหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปไกล

“มู่จิ่วซีบ้าไปแล้ว!”

“พระเจ้าช่วย นางกล้าได้อย่างไร?”

“นางมีอะไรที่ไม่กล้า นิสัยของมู่จิ่วซีเป็นอย่างไรพวกเจ้าอย่าลืมสิ”

“จะบ้าตายแล้ว รีบไป เร็วเข้า เดี๋ยวนางจับใครได้ก็กัดเอาหรอก”

เหล่าสตรีต่างรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว

พวกองครักษ์ช่วยไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูขึ้นมา สตรีสองคนทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย เหมือนจะไม่ยอมจบกับมู่จิ่วซีง่ายๆ

มู่จิ่วซีกลับเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ? ใครใส่ร้ายข้า ใครฆ่าหมอหลวงเวินยังสืบไม่ได้ ถ้าสืบออกมาว่าเป็นฝีมือพวกเจ้าล่ะก็ หึหึ...”

“มู่จิ่วซี เจ้าอย่าพูดมั่วๆ ถึงข้าจะเกลียดเจ้าแทบตาย ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าคนเพื่อใส่ร้ายเจ้า!” ไป๋เฟิ่งหว่านพูดไปร้องไห้ไป จากนั้นนางก็หันไปมองมู่เจินจู

“ไม่ใช่ข้า! มู่จิ่วซี ถึงแม้ข้าจะเกลียดเจ้าที่ทำให้ชื่อเสียงของจวนมู่เสื่อมเสีย ทำให้ข้าออกเรือนไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับอยากจะเอาชีวิตเจ้า เจ้า อย่างไรเสีย ก็เป็นพี่หญิงใหญ่ของข้า” มู่เจินจูพูดจบก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น

มู่จิ่วซีแค่นหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “สติปัญญาของพวกเจ้าสองคน แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวการใหญ่ เป็นแค่คนโง่ที่ถูกคนอื่นหลอกใช้เท่านั้น”

สตรีสองคนโกรธจนถลึงตาใส่มู่จิ่วซีทันที

“มองอะไร ข้ากับลู่เอ๋อร์มาที่นี่เพื่อลอยโคม พวกเจ้ามาได้อย่างไร? แถมยังมากันเยอะขนาดนี้ ใครให้พวกเจ้ามา?” มู่จิ่วซีเอ่ยถาม

สตรีสองคนชะงักไปเล็กน้อย มู่เจินจูรีบกล่าวว่า “นางเป็นคนลากข้ามา” นางเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่ไป๋เฟิ่งหว่าน

สีหน้าของไป๋เฟิ่งหว่านเปลี่ยนไป รีบเอ่ยขึ้น “พระชายาสามบอกว่าคืนนี้มีการลอยโคมที่นี่ ข้าก็เลยคิดจะชวนทุกคนมาดู ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่”

“พระชายาสามหรือ?” ในสมองของมู่จิ่วซีปรากฏภาพสตรีผู้สูงศักดิ์และสง่างามคนหนึ่ง จากนั้นคิ้วของนางก็กระตุกเล็กน้อย

“อันเย่ เซ่อเจิ้งอ๋องมาที่นี่ได้อย่างไร?” มู่จิ่วซีหันไปมองอันเย่

อันเย่ตอบทันทีว่า “เป็นไทเฮาที่ให้เซ่อเจิ้งอ๋องมาดูคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วงานชมโคมที่เรือนราชวงศ์ครั้งนี้ ก็เป็นไทเฮาที่ทรงจัดเตรียมขึ้นเป็นพิเศษ ไทเฮาหวังว่าเซ่อเจิ้งอ๋องและคุณหนูใหญ่จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กันได้บ้าง”

มู่จิ่วซีเลิกคิ้วขึ้น นึกถึงการพระราชทานการแต่งงานในครั้งนี้ เซ่อเจิ้งอ๋องไม่เต็มใจอย่างยิ่ง เพราะว่าชื่อเสียงของมู่จิ่วซีนั้นแย่เกินไป

แต่ไทเฮาทรงโปรดปรานมู่จิ่วซี และทรงวางพระทัยเซ่อเจิ้งอ๋อง จึงอยากจะให้ทั้งสองได้ครองคู่กัน

โดยมีข้อแม้ว่า ก่อนแต่งงานมู่จิ่วซีจะต้องไม่ทำให้เซ่อเจิ้งอ๋องเสียหน้า และต้องเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อยและมารยาท เพื่อที่ว่าหลังจากแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วจะได้เป็นพระชายาที่ดีได้

“ลู่เอ๋อร์ ตอนที่ข้าตกน้ำ เจ้าอยู่ที่ไหน?” มู่จิ่วซีหันไปถามลู่เอ๋อร์ สาวใช้ของตนเองทันที

ลู่เอ๋อร์เช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่ได้ให้บ่าวไปเอาโคมดอกบัวมาสองสามอันหรือ? พอบ่าวกลับมา ก็เห็นคุณหนูลอยขึ้นมาแล้ว...”

“ลู่เอ๋อร์ไม่ได้โกหก ในพงหญ้ายังมีโคมดอกบัวอยู่อีกสองอันขอรับ” อันเย่ชี้ไปยังโคมกระดาษที่ถูกเหยียบจนเละที่อยู่ข้างๆ

มู่จิ่วซีพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ดังนั้นลู่เอ๋อร์จึงพ้นจากข้อสงสัย เรื่องนี้ท่านผู้พิพากษาศาลต้าหลี่จะต้องสืบสวนให้กระจ่าง หากพวกเจ้าไม่อยากตกเป็นแพะรับบาป ก็จงพูดทุกสิ่งที่พวกเจ้ารู้ มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าคนต่อไปที่จะตายก็คือพวกเจ้า”

พูดจบ มู่จิ่วซีก็จูงมือลู่เอ๋อร์เดินจากไป อันเย่หรี่ตาลง จากนั้นรีบตามไปทันที

ไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูสบตากัน ต่างก็เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของอีกฝ่าย

กลับไปถึงหน้าประตูห้องพักของเรือนรับรอง มู่จิ่วซีหันไปพูดกับอันเย่ว่า “อันเย่ เจ้ากลับไปบอกเซ่อเจิ้งอ๋อง หากเรื่องนี้เขาสามารถช่วยข้าหาตัวคนร้ายที่แท้จริงได้ ข้าก็จะยอมตกลงถอนหมั้น มิฉะนั้นเขาไม่มีทางผ่านด่านไทเฮาไปได้”

อันเย่ตกตะลึง จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่ไม่อยากเป็นพระชายาของเซ่อเจิ้งอ๋องหรือ?”

“ใครๆ ก็รู้ว่าข้าหลงใหลในรูปโฉมของท่านอ๋องหก” มู่จิ่วซียักไหล่ “เซ่อเจิ้งอ๋องของเจ้าเอาแน่เอานอนไม่ได้ แถมยังเย็นชา มีดีตรงไหนกัน?”

อันเย่หน้าดำคร่ำเครียด สีหน้าดูย่ำแย่เล็กน้อย รีบหันหลังเดินจากไปทันที

“อันเย่ ลืมบอกเจ้าไป ข้าชอบชื่อของเจ้ามาก” มู่จิ่วซีพูดจบก็หัวเราะอย่างร่าเริง

อันเย่ (เย่ หมายถคงรัตติกาล) รัตติกาล เมื่อนึกถึงว่าในยุคปัจจุบันนางคือราชินีแห่งรัตติกาล มู่จิ่วซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการข้ามเวลามายังโลกต่างมิตินี้

หวังเพียงว่าวันต่อๆ ไปจะไม่น่าเบื่อจนเกินไปก็พอ

ยามดึกเงียบสงัด มู่จิ่วซีนอนอยู่บนเตียงกำลังเรียบเรียงความคิดของเจ้าของร่างเดิม ทันใดนั้น นอกหน้าต่างก็มีเสียงนกกาเหว่าดังขึ้น

มู่จิ่วซีลุกขึ้นจากเตียงทันที จุดตะเกียงน้ำมัน จากนั้นเปิดหน้าต่างออก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel