ใจร้าย
“พี่ใหญ่ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”
เต๋อหลางเอ่ยปากถาม ด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
ลี่จวินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“จูหลิวพาท่านอ๋องน้อยไปเปลี่ยนอาภรณ์ต้มน้ำขิงและหาเครื่องดื่มร้อนๆ อีกอย่างยาลืมยาของท่านอ๋องน้อยด้วย”
“ทะท่านพ่อข้า ยังหากวางฮวนไม่พบ”
“กวางฮวน …”
“ท่านพ่อกวางฮวนเป็นน้องชายของข้า กวางฮวนคือกระต่ายน้อยสีขาวที่นางจับมันให้ข้า”
ชี้มือไปยังผู่เยว่ที่นั่งตัวสั่นด้วยความหนาว
ลี่จวินเหลือบตามอง ใบหน้าซีดขาวริมฝีปากคล้ำด้วยความหนาว
“ไปให้พ้นหน้าข้าอย่าหวังว่าจะได้รับความเห็นใจ อืมมข้ายังไม่ได้ลงทัณฑ์เจ้าที่ปล่อยให้ท่านอ๋องน้อยตกน้ำไป ไม่ต้องไปไหนคุกเข่าที่นี่จนกว่าฟ้าจะสาง”
เต๋อหลางอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าผู่เยว่ยอมคุกเข่าทั้งๆ ที่แทบจะทรงกายไม่อยู่
“พี่ใหญ่ข้าอยากคุยกับท่าน”
“ท่านอา ท่านจับกวางฮวนมาให้ข้าได้ไหม”อ้ายซางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่มีกวางฮวนไม่มีน้องชายกระต่ายอะไรทั้งนั้น กลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์กินอาหารเย็นแล้วกินยาเสีย”
“ม่ายอ่าววววววว ท่านพ่อใจร้ายท่านพ่อใจร้ายที่สุด ข้าไม่ไปข้าจะยอมตายหากไม่ได้กวางฮวนกลับไป”
“อ้ายซ่าง”ลี่จวินทำเสียงเข้ม
“ม่ายยยยยยย ข้าไม่ยอมกลับไม่ยอมกินยาไม่ยอมอะไรทั้งนั้น”ลี่จวินถอนหายใจ
“ชุนไฉ่ไปจับกระต่ายน้อยตัวนั้นมา”
ชุนไฉ่รีบวิ่งไล่กระต่ายน้อยไปมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับไม่ได้
“ท่านพ่อชุนไฉ่ไร้สามารถให้ นางจับมันสิ นางเก่งจับมันให้ข้าได้ง่ายดาย”
“ชุนไฉ่ถอยไปข้าจับมันเอง”พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ลี่จวินก้าวด้านหน้า ตวัดมือเข้าใส่ กระต่ายน้อยที่ยืนนิ่งเตรียมตัวกระโดดแต่ลี่จวินกลับไม่ออมมือ กระแทกฝ่ามือเข้าใส่กวางฮวนกระต่ายน้อย ชักดิ้นชักงอก่อนจะ แน่นิ่งไป
“ใจร้ายที่สุด”
หันควับไปยังผู่เยว่ ทำสีหน้าไม่พอใจกับการที่นางเปล่งวาจาตำหนิเขา
“จูหลิวไปอุ้มกระต่ายให้ท่านอ๋องน้อย”
จูหลิวรีบอุ้มกระต่ายน้อยที่ไร้ลมหายใจให้กับอ้ายซ่าง ที่น้ำตาไหลรินด้วยหัวใจบริสุทธิ์อ่อนไหวต่อการจากลา
“อึกๆๆๆๆ ท่านพ่อใจร้ายที่สุดกวางฮวนเป็นน้องชายของข้า ท่านพ่อใจร้าย ข้าไม่พูดกับท่านพ่อแล้ว”
เข็นรถเข็นหลบไปในทันที จูหลิวรีบวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง ผู่เยว่หลับตาถอนหายใจยาว
คนผู้นี้ โหดเหี้ยม ไร้เมตตาและยังเก่งเรื่องทำร้ายจิตใจผู้อื่น
“พี่ใหญ่ ท่าน จะใจร้ายกับอ้ายซ่างเกินไปแล้ว”
เต๋อหยางก้าวตามลี่จวินที่ก้าวเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วปล่อยให้ผู่เยว่ คุกเข่าตัวเปียกปอนใบหน้าซีดขาวอยู่ตรงนั้น
“อ้ายซ่างเป็นลูกของข้า เต๋อหยางมาครั้งนี้เพื่อตรวจสอบข้าในตำแหน่งผู้ตรวจการจากวังหลวงใช่หรือไม่”
ถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อมตามแบบของลี่จวิน
“นั่นแค่เพียงส่วนหนึ่ง เรื่องที่พี่ใหญ่สั่งประหารฮูหยินเฟิงมีคนถวายฎีกายังฝ่าบาท จึงได้ส่งข้ามาเพื่อสืบหาความจริงฟังความทั้งสองฝ่าย แต่ส่วนหนึ่งข้าต้องการกลับมาเยี่ยมท่านและอ้ายซ่าง”
ลี่จวินยิ้มหยัน
“หายไปเสียนาน ตำแหน่งผู้ตรวจการจากวังหลวงช่างเหมาะกับเต๋อหยางเสียจริง มิน่าเล่ามาถึงก็ช่วยชีวิตคน คงตั้งใจให้ผู้อื่นเห็นว่าไม่เอนเอียงมาทางข้าทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันแค่นั้น”
“เมื่อไหร่ท่านจะมองว่าข้าไม่เคยต้องการเป็นศัตรูกับท่าน แม้จะต่างมารดาทว่าเลือดพ่อเดียวกันท่านไม่คิดบ้างหรือว่าข้าตั้งใจมาช่วยท่าน หากฝ่าบาทส่งคนอื่นมา ท่านเองจะต้อง ลำบากไหนจะต้องคอยรับรองเขา ไหนจะต้องคอยเอาใจเขา”
“ข้าหาสนใจไม่ใครจะตรวจสอบข้าล้วนหาใส่ใจ กู่ลี่จวินยืนหยัดได้ในทุกวันนี้เพราะสิ่งที่ลงมือทำหาใช่เพราะต้องคอยรับรองผู้ตรวจการ”
เต๋อหยางถอนหายใจยาวกับความดื้อรั้นของ กู่ลี่จวิน
“คุณหนูท่านลุกขึ้นเถิด”
ชุนไฉ่ที่กอดอกพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยปากเบาๆ ราวกระซิบ
เมื่อเห็นว่า ผู่เยว่ใบหน้าซีดเซียว จนแทบไม่มีสีเลือดอากาศเริ่มเย็นลงแล้วไม่ช้าไม่นานหิมะคงจะโปรยปรายเป็นแน่
“ท่านองครักษ์ไม่กลัวว่า ท่านอ๋องจะทรงกริ้วหรือไร”ผู่เยว่ก้มหน้าเอ่ยปาก
“ไม่ ท่านอ๋องเพียงแค่โมโหเวลาผ่านไปจะค่อยๆ คิดได้ เพียงไม่นานก็จะลืมเลือนเรื่องนี้ไป คุณหนูร่างกายบอบบางเกรงว่าต้องไอเย็นมากไปจะไม่สบายเอาได้”
“ข้าไม่สบายจึงไม่ต้องลำบากอย่างไรเล่าไม่สบายก็จะได้ไม่ต้องคุกเข่าได้นอนในแท่นนอนสบาย”
“อากาศเย็นมากแล้ว ท่านไปเสีย รุ่งสางข้าจะบอกกับท่านอ๋องว่าท่านสิ้นสติไปแล้วข้าจึงพาคุณหนูกลับไปที่ห้องพัก”
“ท่านไม่กลัวว่า ท่านอ๋องของท่านจะแวะเวียนมาดูว่าข้ายังอยู่ที่นี่หรือ”
“ข้าจะหาทางรั้งท่านอ๋องไว้คุณหนูท่านไปเสียเถิด”
