จะจัดงานแต่งที่เรียบง่าย 1
หงเสวียนซู่ต้อนรับตามมารยาทและไม่ได้รับปากสิ่งใดอย่างชัดเจน แค่ท่าทีไม่ได้มุ่งร้ายหรือจงเกลียดจงชังว่าที่สะใภ้ออกนอกหน้า คนเป็นพ่อแม่ก็วางใจได้เล็กน้อย
หงเสวียนซู่มีวิธีการและเงื่อนไขในการยอมรับคนของตนเอง เหออิงเห็นว่าฮูหยินบ้านนี้ไม่รักแต่ก็ไม่เกลียดคนที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้ก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง กลับไปก็เน้นย้ำกับบุตรสาวตนว่า หากทนไม่ไหวก็จงกลับบ้าน จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านก็ช่างประไร นางยอมให้เป็นแบบนั้นมากกว่าให้บุตรสาวต้องทนอยู่ทั้งที่ไม่อยากอยู่ นั่นเป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่มีอะไรบอกได้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด แต่นางก็ได้ให้ทางเลือกลูกเอาไว้ล่วงหน้า และไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรถ้าจะกลับมา
ในตอนที่ครอบครัวว่าที่ภรรยามาหา ไป่จวิ้นซ่อมรั้วอยู่ด้านหลัง แต่ก็ได้ยินที่พวกผู้ใหญ่คุยกันแว่ว ๆ ตนเพียงเข้าไปทักทายแล้วออกมาจึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่หลังซ่อมรั้วเสร็จก็เข้ามาในบ้านเมื่อเห็นมารดาจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ท่านแม่จะไม่จัดงาน และไม่มีขบวนรับตัวให้นางหรือขอรับ”
เขาไม่สบายใจกับเรื่องนี้นัก อย่างไรก็จะเป็นภรรยาของเขา ถึงต่างฝ่ายต่างไม่ได้รัก แต่แบบนี้จะไม่ให้เกียรตินางเกินไปหน่อยหรือ
“ไม่จำเป็น แค่ยกน้ำชากับกราบไหว้ฟ้าดินพอเป็นพิธีก็พอแล้ว จะจัดทำไมให้วุ่นวายเล่า”
“แต่ว่า…” ไป่จวิ้นเอ่ยอย่างกังวล อย่างน้อยนางก็เป็นสตรีคนหนึ่งที่คงอยากแต่งงานออกหน้าออกตาให้คนอื่นได้รับรู้ และเป็นการถือว่าให้เกียรติฝ่ายเจ้าสาวด้วย
“นางเป็นคนขอแม่เอง เจ้าจะมาร้องขอแทนหรืออย่างไร” หงเสวี่ยนซู่เอ่ยถามลูกชายอย่างแปลกใจที่เห็นเขาใส่ใจว่าที่ภรรยามากขนาดนี้
“นางร้องขอเองหรือขอรับ?”
“ใช่”
หรืออับอายที่ได้สามีเป็นคนไร้ค่าอย่างข้า เลยไม่อยากให้คนอื่นรับรู้อย่างนั้นหรือ
ไป่จวิ้นคิดไม่ตก นึกสมเพชตัวเองนักหนา นอกจากต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ยังเป็นคนพิการไร้ค่า เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้นางไม่ได้ ก็สมควรแล้วที่นางจะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้
หงเสวียนซู่มองบุตรชายที่เงียบไปก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ นางก็ไม่อยากคาดคั้นลูกให้อึดอัดจึงลุกไปปัดกวาดห้องว่าง
“มัวทำอะไรอยู่เล่า เมียจะมาอยู่ด้วย ไม่จัดที่หลับที่นอนให้นางหรือไง”
ไป่จวิ้นตาเบิกโพลง ไม่ใช่นางจะมาอยู่หลังทำพิธีมงคลหรอกหรือ หากไม่ใช่ เขาก็งานล้นมือแล้ว
“ทำไมท่านแม่ไม่บอกข้าตั้งแต่เมื่อวานล่ะ”
เขาโวยวายพลางเดินกะเผลก ๆ ไปคว้าค้อนคว้าตะปูมาซ่อมพื้นไม้ที่จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ในห้องนอน
หงเสวียนซู่ยกตู้ย้ายเตียงมือเป็นระวิง เพราะอยากให้ห้องดูโล่ง ถึงนางจะมาเช้าเย็นกลับ แต่อีกไม่กี่วันก็เข้ามาอยู่ถาวร จัดห้องตั้งแต่วันนี้เลยก็คงไม่ต่างกัน
“ท่านแม่ เดี๋ยว ๆ นั่นตู้หนังสือนะ! ข้าจะยกให้เอง!” ไป่จวิ้นตกใจตาแทบถลนเมื่อมารดาทำท่าจะย้ายตู้นั่นไปมุมอื่น
“ขาเจ้าเป็นอย่างนั้นจะยกได้อย่างไร แม่ยกเอง!”
ไป่จวิ้นนั่งอึ้งอยู่กับพื้น นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาแม่ลูกกำลังตื่นเต้นเกินไปหรอกหรือ…
“นางบอกว่ากลับจากหาของป่าจะมา แต่นี่จะเที่ยงวันแล้วยังไม่เห็นแววเลยท่านแม่”
หงเสวียนซู่เหลือบมองบุตรชายที่มานั่งอาบแดดรอจนตัวไหม้ ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นนี้ดี
“ไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะ”
ไป่จวิ้นเหล่มองมารดา
ทีตัวเองยังเอาเปลนอนมากางนั่งรอ มีสิทธิ์อะไรมาเหน็บข้าล่ะนั่น ตื่นเต้นละสิ ตื่นเต้นใช่ไหม จะได้ลูกสะใภ้แล้วนี่
ไม่รู้ความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนหน้านี้ที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวหายไปไหนหมด พอได้ยินว่านางจะมาเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีกเลย
เป็นเอามาก
ชายหนุ่มอดยิ้มแห้งให้กับสภาพตัวเองไม่ได้
หากนางบอกว่าไปหาของป่าก็คงอาศัยอยู่แถวหมู่บ้านนายพรานกระมัง ที่นั่นอยู่ใกล้ป่าที่สุด ขึ้นลงเขาสะดวก แต่ก็เสี่ยงถูกสัตว์ป่าโจมตีง่ายเช่นกัน อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะเที่ยงวันแล้วแต่นางยังไม่มา เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกหรือ
