บท
ตั้งค่า

การตัดสินใจ

ไป่จวิ้นเหลียวมองเข้าไปโดยที่มือยังทำงานต่อ

เมื่อครู่เหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันดังมา ทั้งยังได้ยินเสียงมารดาตะโกน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้มีเสียงข้าวของหล่นโครมครามคงไม่ถึงกับต้องให้เขาออกไปดูกระมัง อาจจะแค่มีคนมาหาเรื่อง ท่านแม่เลยไล่ไปก็ได้

ไม่นานเสียงพวกนั้นก็เงียบลง ไป่จวิ้นจึงหันมาผ่าฟืนต่อ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตูไม้ด้านหลังชายพิการดังขึ้น เขาหันขวับไปมองคิดว่าผู้เป็นแม่มาตามไปกินข้าว แต่ขวานก็เลื่อนหลุดจากมือไปด้วยความตกใจ

ผู้ที่เดินออกมาคือหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่ง ดูแล้วคงอ่อนกว่าเขาไม่กี่ปี

“มีธุระอะไร” ชายคนนั้นมองมาที่นางด้วยแววตากังขา แต่จางอวี๋จิงไม่สนใจ

“ข้าอวี๋จิง จางอวี๋จิงเจ้าค่ะ คนที่จะมาเป็นภรรยาของท่าน”

ท่อนฟืนอีกครึ่งที่ถืออยู่หลุดมือดังป๊อก ไป่จวิ้นร้องอุทานเสียงดัง

“หา!?”

ได้อย่างไร

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ช่วงกลางวันหลังกลับจากหาของป่า ข้าจะมาดูแลว่าที่สามีระหว่างรอฮูหยินดูฤกษ์ยาม ต้องขอรบกวนด้วย”

จางอวี๋จิงไม่ได้รอคุยกับเขา แค่เข้ามาแนะนำตัวแล้วออกไป ไป่จวิ้นยังไม่ทันได้รู้เรื่องสติก็หลุดลอยหายไปแล้ว

นี่คือโอกาสของข้า ข้าจะทำให้ดี

จางอวี๋จิงเดินกลับบ้านอย่างรีบร้อน น้องชายของนางไปตามหมอมาแล้วก็จริง แต่ท่านยายล้มป่วยด้วยโรคชรา หากจะให้ท่านมีชีวิตได้นานขึ้นอีกหน่อยก็ต้องกินยาบำรุงสม่ำเสมอ ทว่าเงินที่จะหาซื้อของเหล่านั้นไม่มีติดบ้านแม้แต่ตำลึงเดียว

คราวท่านปู่ท่านย่าก็เป็นเช่นนี้ บิดาของนางแทบตรอมใจ กล่าวโทษตัวเองมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ยังคงจำฝังใจไม่หาย จางอวี๋จิงเห็นภาพแบบนั้นแล้วก็เจ็บใจไม่ต่างกัน ตอนนั้นตัวนางยังเยาว์มาก ไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรได้

แต่คราวนี้นางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบเดิมซ้ำอีก

การที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนั้น พอกันที

แม้ว่าจะถึงคราวสิ้นอายุขัย ก็ต้องไม่ใช่มาจากการที่พวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถจะยื้อท่านผู้ชราให้อยู่ได้นานอีกหน่อย ต้องลาจากกันแค่เพียงเพราะไร้ความสามารถช่างน่าอดสูเหลือเกิน

ต่อให้มารดาคัดค้านเรื่องนี้ จางอวี๋จิงก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ กระท่อมหลังน้อยที่อาศัยกันอยู่อย่างแออัดเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยเป็น บรรยากาศอึมครึมแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณบ้านจนน่าหดหู่

เหออิงเห็นบุตรสาวกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปถามไถ่

จางอวี๋จิงอธิบายให้ครอบครัวฟังอย่างใจเย็น

“ท่านพี่ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย” น้องชายของนางไม่พอใจมาก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ ซึ่งตอกย้ำความไร้สามารถของตน

บิดามารดารู้สึกผิดต่อบุตรสาวจนไม่กล้ามองหน้าลูก พวกเขาต้องอับจนหนทางขนาดไหนกันถึงบีบให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องสละตนเองถึงขนาดนี้

“โธ่ ลูกแม่ เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย” เหออิงลูบแก้มบุตรสาวทั้งน้ำตา

นางเข้าใจว่ามารดาเป็นห่วง อีกทั้งตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมอะไร แต่ความมุ่งมั่นของนางไม่สั่นคลอนง่าย ๆ หรอก นางจะไม่เปลี่ยนใจหรือขอร้องฮูหยินท่านให้ยกเลิกข้อตกลงด้วย

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้นได้โปรดอย่าคิดโทษตัวเองเลย และข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คิดกลับคำ ดังนั้นช่วยยินดีกับข้าเถอะนะ”

จางอวี๋จิงยิ้มให้ทุกคนคลายกังวล

นางต้องปลอบครอบครัวอยู่นานกว่าจะสงบลง

พอทำใจได้เล็กน้อยก็เริ่มมีสติรู้ตัวว่า มีเรื่องต้องจัดการ

แม้จะไม่ได้มากมายพอจะเรียกว่าสมบัติได้ แต่ทั้งสองคนก็เตรียมสินเดิมตามธรรมเนียมให้ลูก ถึงจางอวี๋จิงปฏิเสธ

แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ยอม น้องชายก็ไม่ยอม กระทั่งนางเป็นฝ่ายใจอ่อนเสียเอง

การกระทำหุนหันของนางทำให้พวกเขาตกใจมาก หญิงสาวจึงไม่ค่อยกล้าค้านสักเท่าไร

เช้าวันต่อมาเหออิงกับจางชิงผิงก็ไปพบหงเสวียนซู่โดยไม่ได้บอกบุตรสาว ทั้งไปขออภัยที่ลูกมาหาโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของบ้านล่วงหน้า ทั้งฝากฝังความดูแลและขอร้องให้เมตตาบุตรสาวของตนบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel