จะจัดงานแต่งที่เรียบง่าย 2
บุรุษอาภัพรักอย่างเขายังไม่ทันแต่งงานก็จะเป็นหม้ายเสียแล้ว แบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าสุดท้ายจะลงเอยแบบนี้สู้เขาตายไปในสนามรบเลยคงดีกว่า
ระหว่างกำลังตัดพ้อต่อโชคชะตา เสียงพาหนะล้อลากบางอย่างก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
จางอวี๋จิงหอบแฮก คนข้างบ้านให้ยืมเกวียนลากมาก็จริงอยู่ แต่นางต้องเข็นมาถึงนี่เอง ทำเอาเหนื่อยแทบสลบ นางมาถึงหน้าบ้านก็หน้าคว่ำทรุดลงกับพื้นเอามือค้ำยันไว้ทั้งที่อ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว
“ตายแล้ว!” สองแม่ลูกสกุลไป่อุทานเสียงหลงรีบวิ่งเข้ามาดูนาง หงเสวียนซู่มองดูสิ่งที่นางนำมาก็พบว่าเป็นผักป่าล้นเข่งที่อัดแน่นกันมาเต็มเกวียน
“ขออภัยที่มาช้าเจ้าค่ะ” นางยิ้มแหยรู้สึกขายหน้าตัวเองยิ่งนัก
“ใครสนเรื่องนั้นกันเล่า ของมากมายขนาดนี้ทำไมขนมาคนเดียว ผู้ชายในบ้านไม่มีเลยหรือ!?” หงเสวียนซู่จะดุด่าก็ทำไม่ลง ไป่จวิ้นยิ่งพูดไม่ออก ได้แต่ยื่นกระบอกน้ำให้ว่าที่ภรรยาดื่มแก้กระหาย
“กะทันหันไปหน่อย แต่ไม่มีใครพอจะมาได้เลยเจ้าค่ะฮูหยิน น้องชายข้าต้องเฝ้าท่านยาย ข้าจึงห้ามไม่ให้มา จริง ๆ เขาก็รั้นจะมาส่ง พ่อกับแม่ข้าก็ไปรับจ้างยังไม่กลับ แต่ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ ข้าแข็งแรงมาก!” จางอวี๋จิงยิ้มกว้างทั้งที่เหงื่อท่วมหน้า
“เอาละ ๆ เรื่องแล้วไปแล้วก็ช่างมันเถอะ แต่อย่าทำแบบนี้อีกเชียว”
ไป่จวิ้นประคองนางยืนแล้วพาไปนั่งพักข้างใน หาน้ำหาท่าให้นางดื่มแล้วออกมาช่วยมารดาขนเข่งผักและผลไม้ป่าลงจากเกวียน
“ไม่ไปอยู่กับนางล่ะ”
“ปล่อยให้ท่านแม่ยกคนเดียวข้าก็อกตัญญูแล้ว”
“แต่ขาเจ้า…”
“แค่เดินกะเผลกนิดหน่อยไม่ใช่ว่าเดินไม่ได้นะ
อีกอย่างแขนข้าก็ยังแข็งแรงดี นางลากเกวียนมาคนเดียวตอนนี้ยังหอบไม่หายเลย หากข้าอยู่เฉยก็ละอายใจแล้ว”
ถึงแม้จะเป็นเกวียนลากขนาดเล็กที่ดัดแปลงมาจากเกวียนนั่ง แต่จางอวี๋จิงก็ลากของหนักมาไกลมาก ไม่รู้ทำไมสตรีผู้นี้ชอบทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อย ไป่จวิ้นก็พึ่งได้ยินวันนี้ว่า การแต่งงานระหว่างพวกเขาสองคน นางตัดสินใจเองด้วยตัวคนเดียว และไม่ยอมให้ที่บ้านคัดค้าน
ฝืนตัวเองบ่อยเลยใช่ไหม แบบนี้จะไม่เป็นไรแน่หรือ
สองแม่ลูกช่วยกันขนของลงจนหมดก็เข้ามาในบ้าน นอกจากจางอวี๋จิงจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ ยังกวาดพื้นอยู่อีก ฝุ่นผงพวกนั้นเป็นของจากห้องนอนที่กวาดออกมากองไว้อีกที คิดว่าจะโกยไปทิ้งหลังมื้อเย็นทีเดียว แต่นางก็ทำความสะอาดไปหมดแล้ว
เห็นพวกเขาเข้ามานางก็แย้มยิ้มหาน้ำให้กิน
หงเสวียนซู่ที่เตรียมการทดสอบว่าที่สะใภ้ไว้หลายบทเรียนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไป่จวิ้นเห็นสีหน้ามารดาแล้วก็นึกขัน อยู่กับนางมาตั้งแต่เล็กจนโต ทำไมเขาจะไม่รู้จักมารดาตนเอง
“ก่อนกลับฮูหยินจะให้ข้าทำอาหารเย็นไว้ให้เลยไหมเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก ไปดูวิธีทำกายภาพเอาไว้เถอะ” ถึงขาของบุตรชายนางจะหมดหวังแล้ว สามารถใช้ชีวิตปกติได้ก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะละเลยเรื่องนี้ได้
จางอวี๋จิงรีบร้อนทั้งไปและกลับตั้งแต่เมื่อวาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มีเวลาเพ่งพินิจว่าที่สามีตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด
นางเคยเห็นบุตรเจ้าเมืองใกล้ ๆ ครั้งหนึ่ง ทั้งหน้าตาผิวพรรณบ่งบอกว่าไม่ใช่คนทั่วไปชัดเจน ได้ยินว่าคุณชายบุตรเจ้าเมืองคนนั้นหน้าตางดงามเทียบเคียงเหล่าองค์ชายได้เลย หากคนผู้นั้นถือว่างดงามมากแล้วละก็ สามีของนางก็ถือว่าเป็นคนธรรมดา
คนธรรมดาที่หน้าตาดี…คนธรรมดาที่รูปงาม
จางอวี๋จิงไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีคนตั้งแง่กับความพิการของเขา นางไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาที่ตรงไหน การใช้ชีวิตประจำวันติดขัดแค่บางอย่างเท่านั้น ส่วนการใช้แรงงานในฐานะบุรุษก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้เลย
ที่มีปัญหาน่าจะเป็นความคิดของคนเมืองอวี้มากกว่า
