ข้อตกลง 2
จางอวี๋จิงคุกเข่าลง “ขออภัยที่มารบกวนกะทันหันเจ้าค่ะฮูหยิน ข้ามาเพราะเรื่องที่ฮูหยินได้ประกาศไว้”
ดวงตาหญิงหม้ายเบิกกว้างขึ้น นี่เป็นความหวังสุดท้ายของนางแล้ว
“เข้ามาก่อนสิ”
“รบกวนด้วยเจ้าค่ะ”
หงเสวียนซู่มองนางหัวจรดเท้าราวกับกำลังประเมินความเหมาะสม จางอวี๋จิงนั่งนิ่งอย่างใจเย็นทั้งที่หัวใจกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งที่ตอนเผชิญหน้ากับหมูป่ายังไม่รู้สึกกดดันเท่านี้ หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบบ้านไม่เห็นบุตรชายเจ้าของบ้านก็แปลกใจ
“ข้าได้ยินว่า ท่านหาคนมาเป็นสะใภ้อยู่เจ้าค่ะ”
จางอวี๋จิงร้อนใจรีบเข้าประเด็นสำคัญ
“อยากได้เงินรึ?” หงเสวียนซู่รู้ว่าตนพูดอะไรไว้
แต่นางก็ต้องการชั่งน้ำหนักความปรารถนาของสตรีที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน
“หากข้าบอกว่าไม่ก็คงดูออกอย่างง่ายดายว่าไม่จริง แต่ว่าความซื่อสัตย์และความภักดีของข้าจะมอบให้บุตรชายท่านเพียงผู้เดียว ไม่ว่าจากนี้เขาจะมีฮูหยินรองหรืออนุก็ตาม ข้าจะคอยปรนนิบัติดูแลจนกว่าจะสิ้นลมเจ้าค่ะ”
ความแน่วแน่ของนางส่งผ่านออกมาทางแววตา
แต่แค่ลมปากไม่อาจเชื่อได้ ถึงจะมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า อนาคตนางจะไม่คิดหักหลังขึ้นมา
เห็นหงเสวียนซู่เงียบไปนางก็เริ่มใจเสีย จางอวี๋จิงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจึงได้มาที่นี่ ทั้งที่ฮูหยินก็กำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ทำไมถึงได้ลังเลนานนัก หรือเงื่อนไขของสะใภ้บ้านนี้ต้องเป็นสตรีที่คู่ควรด้วย
เช่นนั้นจางอวี๋จิงก็เข้าใจแล้ว
ใบหน้าหญิงสาวหมองลงทันตา นางลุกจากเก้าอี้ออกมายืนโค้งลา
“ข้าคงรบกวนฮูหยินสินะเจ้าคะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย”
จางอวี๋จิงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างรีบร้อน
หงเสวียนซู่ที่กำลังพิจารณาหลาย ๆ อย่างตกใจจนเอ่ยรั้งนางไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะพรวดพราดออกไปเลยแบบนี้
“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ข้ายังไม่ได้ไล่เจ้าเสียหน่อย”
จางอวี๋จิงเอียงศีรษะเล็กน้อยคล้ายไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติหรือเจ้าคะ?”
“คุณสมบัติอะไรกัน”
“ก็…อย่างเช่นฐานะควรเสมอหรือไม่ห่างชั้นกันมากน่ะเจ้าค่ะ บ้านไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้” ประโยคหลังนางเอ่ยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่หงเสวียนซู่ก็ได้ยินอยู่ดี
“...”
ต่อให้คนที่นี่นิยมทำแบบนั้นแล้วอย่างไร ทำตัวราวกับมีสิทธิ์เลือกมากมายไปเสียได้ ทั้งที่สตรีผู้นี้ก็คงถูกกีดกันออกจากสังคมเพราะฐานะของนาง หากหงเสวียนซู่ผู้นี้ทำเช่นนั้นกับนางแล้วจะต่างอะไรกับพวกที่ตำหนิบุตรชายของนางอยู่ข้างนอกนั่น
“ไม่มีของแบบนั้นหรอก เจ้านี่ก็ช่างตื่นตระหนกเสียจริง เข้ามาคุยกันใหม่ดี ๆ ก่อน”
ฮูหยินเชิญนางเข้าบ้านอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างใจเย็นลงแล้ว
“เจ้าบอกว่าต้องการเงินสินะ ข้าจะไม่ถามแล้วกันว่าเอาไปทำอะไร แต่ความคลุมเครือแบบนี้หากแต่งเข้ามารังแต่จะอึดอัดต่อกัน เช่นนั้นมาพูดกันตรง ๆ จำนวนเงินที่ได้ป่าวร้องไปอันไม่รวมค่าสินสอดให้เจ้าสาว แท้จริงมันพอหรือไม่”
จางอวี๋จิงกดดันเป็นอย่างมาก แต่โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วนางจะปล่อยหลุดมือไปไม่ได้
“ข้ารู้สึกละอายที่ต้องกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าอยากได้มากกว่านั้น”
“เฮอะ อำนาจเงินนำพาแท้ ๆ แต่ก็ช่างเถิด
เพราะข้าก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะพูดเรื่องนี้ได้อย่างโอหัง” น้ำเสียงช่างดูแคลนจนคนฟังยังสะอึก
“ได้สิ ข้าจะเพิ่มเงินซื้อตัวให้เจ้าอีกสองเท่า แต่…”
เสียงเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะชวนให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่ในที่สุดการแลกเปลี่ยนนี้ก็จบลงเสียที
“เจ้าต้องมีทายาทให้สกุลไป่ภายในปีแรกของการแต่งงาน หากคนแรกเป็นหญิงก็ไม่เป็นไร จะมีกี่คนข้าก็เลี้ยงได้ แต่ต้องมีบุตรชายสืบสกุลอย่างน้อยหนึ่งคน”
“ข้าตกลงเจ้าค่ะ”
แววตามุ่งมั่นของจางอวี๋จิงทำให้หงเสวียนซู่ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ดูเหมือนว่านางจะได้สะใภ้ประเภทเดียวกับตัวเองเข้าเสียแล้ว
น่าสนใจดีนี่ แล้วข้าจะรอดู จะอยู่กับลูกชายข้าที่คนตราหน้าทั้งเมืองไปได้สักกี่น้ำกัน
