ตอนที่ 4 ย้อนกลับคืนมา
ตอนที่ 4
ย้อนกลับคืนมา
“คุณหนูยังไม่ตื่นอีกหรือ”
“ยังเจ้าค่ะ ฮูหยินจะให้พวกเราเข้าไปปลุกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้นางนอนพักผ่อนไป ตื่นเช้าก็ใช่ว่าจะดี เดี๋ยวพวกเจ้าเข้าไปปลุกตอนนี้ นางตื่นมาอารมณ์เสีย จะพาลมาลงกับพวกเจ้าเอาได้”
“หยุนหลี่ นั้นเจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะเข้าไปปลุกคุณหนู มีคุณหนูจวนใดบ้างที่ตื่นปลายยามซื่อ (11.00) เช่นคุณหนูของพวกเรา”
“ข้าว่าเจ้าอย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า ถึงจะเป็นผู้ติดตาม ก็มีสิทธิ์ถูกลงโทษได้เช่นกัน ขนาดฮูหยินยังไม่ว่า เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์ไปเตือนเจ้านาย”
บทสนทนาที่ดังอยู่ภายนอก ทำให้ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าแพรไหมชั้นเลิศ ได้สติกลับคืนในบัดดล เปลือกตาที่ปิดสนิทในตอนแรกพลันเบิกกว้างขึ้น ประหนึ่งถูกฉุดกระชากออกจากฝันร้าย หัวใจเต้นระส่ำราวกับจะทะลุออกมาจากอก ยันตัวลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบเหนื่อย
ความเจ็บปวดแสนสาหัสเหนืออกด้านซ้ายยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึก จนมือเรียวต้องยกขึ้นมากุมตรงจุดที่ลูกธนูเคยปักคาอยู่ แต่กลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ บาดแผลหรือเลือดสักหยดก็ไม่มี
“นี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วข้าอยู่ที่ไหน”
ดวงตาหงส์เริ่มกวาดมองสำรวจไปรอบตัว ถึงได้รู้ว่านางนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนที่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน ของตกแต่ง รวมไปถึงผ้าม่านสีสวย ของเหล่านี้ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนตอนที่นางยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไป
“เรือนชิงหลาน นี้ข้ากลับมาอยู่บ้านเดิมอย่างนั้นหรือ--ไม่สิ ข้าถูกลูกธนูปักอก น่าจะตายไปแล้ว แต่เหตุใดตอนนี้ถึงไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อยเล่า”
ทุกความคิดของเฉินเสวี่ยไป๋อลหม่านตีกันอยู่ในหัวจนยุ่งเหยิง ภายในใจว้าวุ่นเหลือประมาณ คิดเท่าไรก็คิดไม่ตก จนกระทั่งความคิดมาหยุดลงที่บทสนทนาของกลุ่มคน ซึ่งปลุกให้นางตื่น
“เมื่อครู่เสียงท่านแม่กับหยุนหลี่ไม่ใช่หรือ--หยุนหลี่!”
พอคิดมาถึงสาวใช้คนสนิท ร่างบางรีบผลุนผลันลงจากเตียง ไม่สนว่าตอนนี้จะอยู่ในชุดนอนที่ไม่เรียบร้อย สองเท้ารีบวิ่งไปที่ประตูห้องนอน กระชากเปิดออก สาวใช้สี่นางที่ยืนรอรับใช้อยู่ รีบพากันคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงแนบพื้น คิดว่าเสียงพูดคุยของพวกตนปลุกให้ผู้เป็นนายตื่นก่อนเวลาอันควร ต่างหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ
“คุณหนู บ่าวไม่ได้ตั้งใจเสียงดังรบกวนการนอนของคุณหนู แต่เจี่ยนฮูหยินมาสอบถาม พวกบ่าวถึง...”
เฉินเสวี่ยไป๋หาได้สนใจสาวใช้ทั้งสี่ ดวงตาจับจ้องมองแต่ร่างของสาวใช้คนสนิท ที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ได้คุกเข่าลงเหมือนกับสาวใช้คนอื่น ๆ
“หยุนหลี่ เป็นเจ้า--เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ฮือ ๆ”
น้ำเสียงที่เอ่ยสั่นเครือพร้อม ๆ กับน้ำใสรื้นขึ้นคลอนัยน์ตา ก่อนจะตกกระทบพื้นทีละหยด แล้วร่างบางก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ตรงเข้าไปสวมกอดคนสนิทเอาไว้แน่น แม้แต่สาวใช้ที่โขกศีรษะแนบพื้น ยังพากันแหงนหน้าขึ้นมามอง แววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของตนกันแน่
หยุนหลี่เองก็ไม่ต่างกัน ตั้งแต่ฮูหยินคนเก่าตายไป นางยังไม่เคยเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกเลย ส่วนมากจะพบเจอแต่อารมณ์ร้ายเสียมากกว่า และนี้ยังเป็นครั้งแรก ที่คุณหนูกอดนางเอาไว้ด้วยความรัก สองมือของสาวใช้ยกขึ้นโอบกอดผู้เป็นนายเช่นกัน ปากก็พร่ำปลอบขวัญเจ้านายของตน
“อย่าร้องนะเจ้าคะ บ่าวอยู่ตรงนี้แล้ว คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
เฉินเสวี่ยไป๋ร้องไห้จนพอใจแล้ว ถึงได้คลายอ้อมแขนออกจากตัวของสาวใช้คนสนิท หยุนหลี่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายกลับเข้าไปในห้องนอน ไม่ลืมหันไปกำชับสาวใช้ที่พากันคุกเข่าอยู่
“พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว รีบไปเตรียมน้ำมาให้คุณหนูชำระร่างกาย แล้วไปที่โรงครัวจัดสำรับอาหารมาด้วย”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสี่ลุกขึ้น รีบไปทำตามที่สาวใช้ขั้นหนึ่งสั่ง
ทางด้านหยุนหลี่ประคองพาคุณหนูมานั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ก็รีบรินน้ำชาอุ่น ๆ ให้ คุณหนูจะได้รู้สึกดีขึ้น พอเห็นคุณหนูสงบลงถึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ ถึงได้ร้องไห้วิ่งไปหาบ่าวเช่นนั้น”
“ใช่ ข้าฝันร้าย--ฝันร้ายมากเหลือเกิน” เฉินเสวี่ยไป๋ตอบคำถามไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน ดวงตาแดงก่ำยังจ้องมองใบหน้าของบ่าวคนสนิท ผู้ที่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดนาง แม้จะเคยถูกนางทำไม่ดีใส่มาก่อน กระนั้นบ่าวผู้ซื่อสัตย์ยังยอมสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้องนาง
หยุนหลี่เอื้อมมือไปกุมมือของคุณหนูเอาไว้ ปลอบประโลมให้คุณหนูเลิกหวาดกลัวฝันร้าย “ไม่เป็นไรแล้วนะเจ้าคะ บ่าวอยู่ตรงนี้แล้ว บ่าวจะไม่ปล่อยให้ฝันร้ายมาเล่นงานคุณหนูอีก”
ถ้อยคำแสนอบอุ่นของสาวใช้ ทำให้หัวใจอันเหน็บหนาวของเฉินเสวี่ยไป๋อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย หัวสมองคิดประมวลผล ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตัวเองและพบเจอกับสาวใช้ที่ตายไป หากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ภาพในความฝัน ก็แสดงว่า นางได้มีโอกาสย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แล้วน่าจะเป็นช่วงที่ยังไม่ได้ออกเรือน แต่งงานกับสกุลหวัง
“นี้ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่ เป็นเจ้า เจ้าที่อยู่ต่อหน้าข้าจริง ๆ”
ท่าทีที่ผิดแปลกไปของคุณหนู ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการพูดกับสาวใช้เช่นนาง ที่เป็นกันเองและสนิทสนมมาก ต่างจากเมื่อก่อน ถึงแม้นางจะเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่ง คอยติดตามรับใช้มาตั้งแต่เด็ก คุณหนูยังวางท่าทำตัวเป็นเจ้านาย ที่จะไม่ทำตัวสนิทสนมกับสาวใช้เป็นอันขาด ท่าทีเหล่านี้แทนที่หยุนหลี่จะรู้สึกดีใจ กลับทำให้กลัดกลุ้มเสียมากกว่า คิดว่าคุณหนูของนางจะไม่สบายหรือเปล่า
เฉินเสวี่ยไป๋เห็นสาวใช้คนสนิทยืนมองหน้านางนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีก “ว่าอย่างไร เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลย”
“ขอโทษเจ้าค่ะ บ่าวแค่สงสัยว่าเหตุใดวันนี้คุณหนูถึงดูแปลกไป ราวกับไม่ใช่คุณหนูคนเดิม คุณหนูตื่นแล้ว นี้ย่อมไม่ใช่ความฝันเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ฝันจริง ๆ ด้วย ในจวนนี้คงจะมีแต่เจ้าที่กล้าต่อปากต่อคำข้า เจ้าคิดว่าข้าเปลี่ยนไป แล้วเจ้าอยากให้ข้าเป็นแบบไหน เป็นคนอารมณ์ร้ายโมโหง่าย เอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน หรืออยากให้ข้าเป็นเสวี่ยไป๋อีกคน”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ความคิดของเฉินเสวี่ยไป๋ก็คำนึงถึง บุคคลสองคนที่มีอิทธิพลทำให้สตรีร้ายกาจในสายตาผู้คนแบบนาง ยอมปรับปรุงตัวจนกลับมาดีขึ้นได้ หนึ่งก็คือแม่สามี ที่ช่วยขัดเกลาอารมณ์ ช่วยอบรมสั่งสอนในสิ่งที่สตรีควรทำ คนที่สองก็คือสามี สามีที่นางทุ่มเทความรักให้ อยากให้เขาหันมามองบ้าง เลยยอมทำทุกอย่าง ยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อเขา แต่สุดท้ายเขาก็ตอบแทนความทุ่มเทของนาง...ด้วยความตาย
“คุณหนู ได้ยินที่บ่าวพูดหรือไม่เจ้าคะ” หยุนหลี่ตอบคำถามคุณหนูไปแล้ว แต่สังเกตเห็นว่าคุณหนูเงียบไปและแววตาก็ดูเลื่อนลอย จึงรีบเรียกดึงสติผู้เป็นนายให้กลับคืนมา
“อะไรนะ เจ้าว่าอะไรหรือ” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สะดุ้งเล็กน้อย
“บ่าวบอกว่า ไม่ว่าคุณหนูจะเป็นอย่างไร คุณหนูก็เป็นคนที่บ่าวจะจงรักภักดีไปจนวันตายเจ้าค่ะ”
คำตอบของสาวใช้คนสนิท ทำให้เฉินเสวี่ยไป๋รู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างตีขึ้นมาในอก แววตาที่จ้องมองสาวใช้อบอุ่นโดยที่คนที่ถูกจ้องมองสัมผัสได้ มือเรียวนุ่มข้างหนึ่ง ยกขึ้นมาสัมผัสแก้มของสาวใช้
“เจ้าจะไม่ตาย ข้าจะไม่ตาย ชาตินี้จะไม่มีใครตายอย่างเจ็บปวดทรมานอีกแล้ว”
เมื่อได้รับโอกาสกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นางจะไม่ขอเลือกหนทางเดิมอีก จะละทิ้งความรัก ความยึดมั่นในตัวบุรุษ ที่ไม่เคยมองเห็นค่าความรักของนางเลย นางจะไม่เดินไปพบจุดจบที่มีความตายรออยู่
นางจะเป็นเฉินเสวี่ยไป๋คนใหม่ ที่ไม่โง่งมในเรื่องความรัก จะเห็นค่าในคนที่ควรจะเห็นค่า ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อที่ชาติก่อนนางปล่อยปละละเลย สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ แล้วยังมีอีกคนที่ชาติก่อนดีกับนางมากเช่นกัน คนผู้นี้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตนางเอาไว้ แม้จะไม่สำเร็จ ในชาติก่อนนั้น นางไม่รู้ว่า เขาสามารถเอาชนะชายชุดดำอีกคนได้หรือเปล่า หรือว่าพานพบจุดจบเช่นนางกับสาวใช้
“เจ้าค่ะ พวกเราจะไม่ตาย บ่าวไม่รู้ว่าฝันร้ายของคุณหนูคืออะไร แต่ขอให้คุณหนูรู้ไว้ ว่ายังมีบ่าวที่อยู่เคียงข้างคุณหนูเสมอ” หยุนหลี่ไม่รู้จะตอบคำพูดประโยคนั้นของคุณหนูว่าอย่างไรดี บางทีฝันร้ายของคุณหนู อาจจะฝันถึงความตายของนางกับคุณหนูกระมัง จึงได้แต่ปลอบขวัญไปแบบนี้
เฉินเสวี่ยไป๋อบอุ่นใจขึ้นมาก แม้รอยบาดแผลในใจจะยังตราตรึงอยู่ แต่จะไม่นำรอยแผลนี้มาลดทอนความสุขในชาตินี้เป็นอันขาด นางจะต้องไม่จมปลักกับอดีตหรืออนาคต จะต้องตั้งสติก้าวไปข้างหน้าให้ดี และที่สำคัญ จะต้องหลีกหนีไม่เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับคนคนนั้นอีก
หลังจากคิดไตร่ตรอง จัดการความรู้สึกดีแล้ว นางก็สอบถามสาวใช้คนสนิทเพิ่มเติม ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงไหนของการย้อนเวลามา พอรู้ว่าเป็นหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีพระราชโองการประทานสมรส ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ คือไม่ให้มีพระราชโองการนั้นออกมา เท่านี้นางก็จะได้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ หวังห่าวเทียนแล้ว...
