ตอนที่ 3 ตายเพราะธนูของคนที่รัก
ตอนที่ 3
ตายเพราะธนูของคนที่รัก
“พวกเจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มในชุดผู้ตรวจการเอ่ยถามขึ้น ในขณะที่เขายืนหันหลังให้สตรีทั้งสอง หันหน้าเข้าหาชายชุดดำ ที่คิดจะสังหารอิสตรี โดยไม่กลัวเกรงกฎหมาย
“คุณชายชู” เฉินเสวี่ยไป๋เรียกชื่อผู้ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ เริ่มมองเห็นหนทางรอดแล้ว
“คุณหนูเฉิน ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องท่านเอง”
ผู้ตรวจการประจำเมืองหลวง ‘ชูจื้อเหยา’ บอกให้ฮูหยินของแม่ทัพใหญ่สบายใจจบ ก็ตรงเข้าไปปะทะดาบกับชายชุดดำทั้งสาม เสียงเหล็กกระทบดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
“พวกเรารีบหนีกันเถอะเจ้าค่ะ” หยุนหลี่ได้โอกาสรีบเข้ามาจับมือผู้เป็นนาย ตั้งใจจะพาวิ่งหนีไปยังจุดที่รถม้าจอดอยู่
หนึ่งในชายชุดดำหันมาเห็น รีบบอกสหายทั้งสอง “พวกเจ้าตามไปจัดการพวกนาง ทางนี้ข้าจัดการเอง” ด้วยเทียบจากฝีมือของผู้ตรวจการแล้ว เขาน่าจะต้านเอาไว้คนเดียวได้ ถึงได้บอกให้สหายทั้งสอง ตามไปจัดการกับหญิงสาวสองคนนั้นให้ได้ จะได้กลับไปรับเงินค่าจ้างในส่วนที่เหลือ
ชายชุดดำสองคนจึงหยุดต่อสู้กับชายหนุ่มผู้มาใหม่ หันไปวิ่งไล่ตามหญิงสาวที่จูงมือกันวิ่งหนีแทน ชูจื้อเหยาอยากจะตามไปต้านคนพวกนั้นก็ปลีกตัวไปไม่ได้ เพราะชายชุดดำอีกคนขวางทางอยู่
“สู้กับข้า ยังมีเวลาไปห่วงคนอื่นอีกหรือ ห่วงชีวิตตัวเองดีกว่ากระมัง”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องรีบจัดการเจ้าก่อน”
ชายสองคนตรงเข้าปะทะเพลงดาบกันแบบเอาเป็นเอาตาย แม้ชูจื้อเหยาจะรู้สึกเป็นห่วงคุณหนูเฉินมากเพียงใด ก็ไม่สามารถตามไปปกป้องได้ดังใจ เพราะชายชุดดำที่กำลังประมืออยู่ มีฝีมือไม่ใช่น้อย ทำให้ยากต่อการจัดการ
ทางด้านเฉินเสวี่ยไป๋กับสาวใช้คนสนิทจูงมือกันวิ่งหนีคนชุดดำมาได้ไม่ไกลนัก พวกมันก็วิ่งไล่ตามมาทัน หยุนหลี่เห็นว่าขืนเป็นแบบนี้ จะพากันตายหมด เลยกลั้นใจพูดจาสั่งเสียผู้เป็นนาย
“คุณหนู ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว อย่าหยุดวิ่งหรือมองกลับหลังเป็นอันขาด ไปให้ถึงรถม้าให้ได้ ที่นั่นสารถีจะช่วยคุณหนูเอง”
“เจ้าคิดจะทำอะไร” เฉินเสวี่ยไป๋เอ่ยถามคนสนิทเสียงสั่น สองขายังคงวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด
“บ่าวจะทำอะไรคุณหนูไม่ต้องสนใจ เห็นแก่บ่าว คุณหนูต้องวิ่งให้ไว มีชีวิตรอดให้ได้นะเจ้าคะ”
หยุนหลี่กล่าวจบ ก็คลายมือออกจากผู้เป็นนาย หมุนตัววิ่งย้อนกลับมาด้านหลัง ใช้ความบ้าบิ่นพุ่งเข้ารวบตัวชายชุดดำที่วิ่งตามมาใกล้พวกนางที่สุด จนล้มไปกองอยู่บนพื้นด้วยกัน กอดรัดร่างนั้นเอาไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย ปากก็ตะโกนร้องจนสุดเสียง เมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังจะหันกลับมามอง
“อย่าหันมา วิ่งต่อไปให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ”
“ปล่อยข้าสิโว้ย! นังบ้านี่” ชายชุดดำที่ถูกทับร่างอยู่สบถด่า พยายามดิ้นให้หลุดจากการกอดรัด คันธนูที่อยู่ด้านหลังเบียดเสียดกับแผ่นหลังกับพื้นจนรู้สึกแสบร้อน
ชายชุดดำคนสุดท้ายไม่ได้สนใจ วิ่งผ่านร่างสองร่างไล่ตามเป้าหมายคนสำคัญไป ในมือกระชับดาบเอาไว้มั่น
ฝ่ายชายชุดดำที่ถูกกอดรัด พอแกะร่างของสาวใช้ออกจากตัวเองได้ ก็ยันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับปักดาบลงบนหน้าอกของหญิงสาว ที่ยังพยายามดิ้นรนจะเข้ามารวบตัวของเขาอีก จากนั้นก็ดึงดาบออก โลหิตสีแดงพุ่งกระฉูดเปื้อนชุดดำที่เขาสวมใส่อยู่
“ตายเสีย โทษฐานทำให้ข้าเหนื่อย”
พอเห็นสาวใช้นอนจมกองเลือด ดวงตาเบิกโพลงขาดใจตายไปแล้ว ก็วิ่งไล่ตามสหายกับหญิงสาวอีกหนึ่งนางไป พอเห็นว่าหญิงสาววิ่งเร็วแบบนั้น อาจจะไล่ตามไม่ทันหรือมีคนมาช่วยก่อน งานจะไม่สำเร็จ จึงทิ้งดาบ หยุดวิ่งหยิบคันธนูกับลูกธนูออกมาจากกลางหลัง เล็งหัวลูกธนูไปทางแผ่นหลังบางของเหยื่อ ที่กำลังวิ่งหนีตาย
ฝ่ายเฉินเสวี่ยไป๋ที่วิ่งหนีสุดชีวิต ดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำสีใสที่ไหลพรั่งพรูออกมาราวทำนบแตก หัวใจทั้งดวงแตกสลาย แม้ไม่ได้หันกลับไปมองตามคำร้องขอของสาวใช้ นางก็รู้ว่าชะตากรรมของหยุนหลี่จะจบลงเช่นไร แล้วหากนางหนีไม่พ้น ก็คงจะต้องพบชะตากรรมแบบเดียวกัน
สองเท้าที่วิ่งไปด้านหน้าไม่หยุดนั้น ไม่นานก็ต้องชะลอฝีเท้าลง เมื่อร่างสูงคุ้นตาวิ่งออกมาจากมุมมุมหนึ่ง มาหยุดอยู่ด้านหน้าที่นางตั้งใจจะวิ่งไป ในสองมือที่นางเคยคิดว่าอบอุ่น กระชับคันธนูเอาไว้แน่น ดวงตาคมคู่นั้นพุ่งเป้ามาทางนางอย่างแน่วแน่
‘เป็นเขา--เป็นเขาที่คิดจะสังหารข้าจริง ๆ’ ความคิดอันแสนเจ็บปวดโลดแล่นในหัวสมอง ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง สองหูได้ยินเสียงทุ้มนุ่มล่องลอยเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล
“ฮูหยินอยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ”
สิ้นคำพูดประโยคนั้น ลูกธนูก็หลุดออกจากมือของเขา แหวกว่ายผ่านอากาศมาทางนาง เฉินเสวี่ยไป๋ยังไม่อยากตายในตอนนี้ นางยังอยากจะถามสามี ถามชายที่นางทุ่มเทความรัก ทุ่มเทหัวใจทั้งหมดให้ ว่าเหตุใดถึงตอบแทนความรักของนางเช่นนี้ ร่างบางจึงขยับคิดจะหลีกหนีให้พ้นจากลูกธนู
แต่ใครจะไปนึกว่า นางจะหนีชะตากรรมไม่พ้น ถูกลูกธนูดอกนั้นชำแรกผ่านเนื้อหนังเนื้ออกซ้ายทะลุเข้าไปลึกจนสุดหัวธนู
ฉึก!
ร่างบางหยุดนิ่งทันควัน ก้มหน้าลงมองหน้าอกด้านซ้ายของตนเอง ก่อนจะทรุดฮวบลงนอนตะแคงหันหน้าไปทางสามี ความเจ็บปวดแล่นวาบขึ้นเหนืออกซ้าย เลือดอุ่นร้อนเอ่อซึมย้อมผ้าขาวให้เป็นสีเดียวกับโลหิต ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองไปยังร่างของสามี ที่ยิงลูกธนูออกมาอีกหนึ่งดอก คงตั้งใจจะยิงนางซ้ำ แต่ดันยิงพลาด
ร่างบอบบางสั่นระริก ความเจ็บปวดบริเวณบาดแผลยังไม่สู้ความหนาวเหน็บที่กระแทกสู่ขั้วหัวใจ
‘เหตุใดถึงใจร้ายกับข้านัก’ คำถามสุดท้ายที่ต้องการเอ่ยถาม ไม่อาจหลุดลอดผ่านริมฝีปากออกมาได้ ราวกับเรี่ยวแรงสูญหายไปกับความไว้เนื้อเชื่อใจ
ทุกสิ่งรอบกายเลือนราง เสียงฝีเท้าผู้คนแผ่วเบาลง ความเจ็บปวดยังคงแผดเผา ในห้วงสุดท้ายที่สติพร่าเลือน นางยังคงทอดสายตามอง ร่างสูงโปร่งที่วิ่งเข้ามาหา นั่งคุกเข่าลงข้างร่างของนาง แววตาคู่นี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและคำถามที่ไม่อาจกล่าวออกมาได้
แม้ริมฝีปากของเขาจะขยับคล้ายกำลังเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอยู่ นางก็ไม่รับรู้ ไม่ได้ยินเสียงของสามีอีกต่อไปแล้ว มีเพียงความคิดเดียวที่ปรากฏขึ้น ก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบตลอดกาล
‘ชาตินี้ข้าให้อภัยท่าน ชดเชยความผิดที่ทำให้ท่านต้องทนอยู่กับสตรีที่ท่านไม่ได้รัก แต่ชาติภพใหม่ ขอสวรรค์ได้โปรดเมตตา อย่าให้ข้ารักท่าน มอบหัวใจให้ท่านอีกเลย หากเป็นไปได้...อย่าพบเจอกันอีกเลยยิ่งดี’...
