บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เบื้องหลังความสำเร็จของบุรุษ

บทที่ 5

เบื้องหลังความสำเร็จของบุรุษ

เฮือก!

ร่างบอบบางผวาตื่นดีดตัวขึ้นจากฟูกนอนกลางดึก ก่อนจะหอบหายใจแรงจนตัวโยน เรือนกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ ไม่รอช้าเด็กสาวรีบจุดตะเกียงนำไปตั้งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเพ่งมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกด้วยความหวาดหวั่น

“ขะ...ข้าหวนกลับมาจริงๆ”

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของตนเองเยาว์วัยงดงาม นางก็ทรุดกายลงนั่งอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง เหตุการณ์ที่นางถูกสามีและบุตรทั้งสองวางยาพิษยังฉายชัดขึ้นอีกครั้งในรูปแบบของห้วงแห่งความฝัน ราวกับจะจารจารึกเหตุการณ์นี้ให้ย้ำชัดในดวงวิญญาณเสียกระนั้น

“ข้าสาบานเลยว่าข้าจะทำให้ไอ้อีตระกูลโจวพบกับความวิบัติฉิบหายโดยถ้วนหน้า!”

เด็กสาวเค้นเสียงยะเยือกคั่งแค้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้สายลมเย็นจากภายนอกพัดเข้ามา

แหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดมิดอนธการ คืนนี้ดวงจันทร์อับแสง ดวงดาวจึงได้เจิดจรัสดารดาษเต็มผืนฟ้า ทว่าความงดงามของหมู่ดาวมิอาจทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของเฟิ่งเยว่สือสงบลงได้เลย

ฝันร้ายทำให้นางไม่อาจข่มตานอนหลับได้อีก จึงนั่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตลงในกระดาษเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่หลงลืมเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งไป ซึ่งเชื่อได้เลยว่าไอ้สารเลวโจวมู่เฉินก็คงเริ่มเดินหมากแล้วเช่นกัน

ผู้หวนคืนที่มีถึงสองคน แน่นอนว่าเรื่องราวต่อจากนี้คงยุ่งเหยิงผิดที่ผิดทางต่างไปจากชาติก่อน ดังนั้นนางต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบและชิงเปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่โจวมู่เฉินจะลงมือ

ที่ผ่านมาโจวมู่เฉินทะนงตนคิดว่าตนเองฉลาดปราดเปรื่องกว่าใครๆ คิดว่าที่เขามีทุกวันนี้ได้เป็นเพราะความสามารถของตนเอง จึงทำให้เขาไม่เคยเห็นความสำคัญภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก มิหนำซ้ำยังดูแคลนว่านางไร้ค่า

ทั้งที่เบื้องหลังความสำเร็จของสามี ล้วนเป็นภรรยาที่ต้องเหนื่อยยากมาโดยตลอด

หมดสิ้นฤดูใบไม้ร่วงนี้โจวมู่เฉินจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเตรียมสอบระดับราชสำนักหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าสอบหน้าพระที่นั่ง การสอบนี้มีการจัดสอบทุกสามปี เหล่าบัณฑิตจึงเตรียมตัวกันอย่างขยันขันแข็ง เพราะผลสอบสามารถชี้ชะตาพวกเขา

โจวมู่เฉินจะได้รับการอุปถัมภ์จากเสนาบดีเหวิน ซึ่งนับเป็นใบเบิกทางให้เข้าศึกษาในสำนักศึกษาเทียมฟ้าซึ่งผลิตมหาบัณฑิตชั้นยอดออกมามากมาย

ที่สำนักศึกษาเทียมฟ้าแห่งนี้เหล่าบัณฑิตมักมารวมตัวกันเพื่อถกเถียงอภิปรายถึงปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ช่วยกันระดมเชาวน์ปัญญาทำข้อสอบเก่า ช่วยกันคาดคะเนแนวข้อสอบที่กำลังจะมาถึง บ้างก็ขับแต่งโคลงกลอน ซึ่งล้วนแล้วแต่ช่วยพัฒนาความสามารถของเหล่าบัณฑิต

แน่นอนว่าโจวมู่เฉินคิดว่าเป็นเพราะความฉลาดอันโดดเด่นของตนเองจึงทำให้เสนาบดีเฉินให้ความสนใจรับอุปถัมภ์เขา ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเฟิ่งเยว่สือที่วิ่งเต้นอยู่เบื้องหลัง

นางขอให้บิดานำเงินทองและข้าวของมากมายไปมอบให้แก่เสนาบดีเหวินเพื่อที่จะให้รับโจวมู่เฉินไปอุปถัมภ์

การที่บัณฑิตได้รับการอุปถัมภ์จากขุนนางระดับสูง ทำให้ชีวิตในเมืองหลวงไม่ต้องลำบากอดมื้อกินมื้อ อีกทั้งโจวมู่เฉินยังได้มีโอกาสเข้ารวมกลุ่มกับเหล่าบัณฑิตในเมืองหลวงที่ล้วนเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนางสูงศักดิ์ ซึ่งก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่วิ่งเต้นให้ผู้ช่วยเหอติดสินบนเหล่าข้ารับใช้บัณฑิตสูงศักดิ์ ให้พูดถึงข้อดีและความฉลาดปราดเปรื่องของโจวมู่เฉิน จนบัณฑิตเหล่านั้นคล้อยตามและยอมคบหาด้วย

หลังจากนั้นโจวมู่เฉินก็ปลีกตัวไม่คบค้ากับบัณฑิตบ้านนอกที่เดินทางเข้าเมืองหลวงมาพร้อมกันอีกเลย เขาชุบตัวดั่งว่าตนเองมาจากตระกูลใหญ่มั่งคั่ง โดยตลอดสามปีที่เขาเตรียมตัวสอบนั้น เฟิ่งเยว่สือได้ขอให้บิดาส่งเงินสนับสนุนเข้าไปยังตระกูลเหวินไม่ขาด นั่นก็เพื่อสนับสนุนคู่หมั้นให้สุขสบายมากที่สุด

เฟิ่งเยว่สือไม่เคยบอกความลับนี้แก่สามี เพราะนางอยากให้สามีภาคภูมิใจในตนเอง อีกทั้งเสนาบดีเหวินก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ มันจึงกลายเป็นความลับมาโดยตลอด

เงินเหล่านั้นนับรวมแล้วกว่าหลายหมื่นตำลึงทอง หากว่าบิดาไม่นำเงินไปสนับสนุนโจวมู่เฉินตามคำร้องขอของนาง บิดาคงไม่กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวจากอุบัติเหตุเรือสำเภาอับปางกลางทะเล

“สารเลวมู่เฉินเจ้าจะได้รู้ว่าภรรยาที่ยืนอยู่เบื้องหลังเจ้ามาตลอดเช่นข้าทำอะไรได้บ้าง”

พูดพลางตวัดพู่กันลงบนกระดาษด้วยความโกรธ คนเหล่านี้คิดว่านางโง่ คิดว่านางเป็นเพียงลูกพลับนิ่มที่นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ในเรือน พวกเขาไม่รู้ว่านางมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหอนางโลมเหมยฮวา ซึ่งเบื้องหลังหอนางโลมนี้คือหน่วยข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุด มีเส้นสายเป็นหอนางโลมที่ตั้งอยู่ทั่วทุกหัวระแหงในทุกแว่นแคว้น

สิ่งใดที่โจวมู่เฉินรู้ นางย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่นางอยากเอาใจสามีเพราะเขาชื่นชอบสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานเป็นแม่เหย้าแม่เรือน นางจึงเก็บงำความรู้ความสามารถเหล่านั้นเอาไว้ แล้วปล่อยให้สามีได้เฉิดฉายโดยมีนางคอยประคองแผ่นหลังเสมอมา

จวบพระอาทิตย์ไต่ขึ้นจากโค้งขอบฟ้า ความมืดมิดถูกขับไล่แทนที่ด้วยแสงสว่าง เฟิ่งเยว่สือพิศมองสวนสวยที่บิดารักและเฝ้าดูแลด้วยตนเองทุกครั้งที่มีเวลาว่าง

สวนนี้อีกไม่นานก็จะกลายเป็นสวนร้าง เพราะหลังจากที่เฟิ่งเยว่สือแต่งงานออกเรือนไปไม่กี่ปี เรือสำเภาของบิดาสามลำจะอับปางลงสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร สินค้าราคาแพงหายวับไปกับตา เหล่าลูกเรือล้มตายไม่อาจยื้อชีวิต

ทำให้บิดาสิ้นเนื้อประดาตัวอีกทั้งยังมีหนี้สินล้นพ้น จำต้องขายกิจการ ขายที่ดิน ขายจวน ขายข้าทาสบริวารไปจนหมดสิ้น

ท้ายที่สุดบิดาเลือกตัดขาดทางโลกหันหน้าเข้าหาอารามบวชเป็นพระตลอดชีวิต เพราะไม่ต้องการเป็นภาระให้แก่บุตรสาว

ครั้งนั้นนางยังจำได้ไม่ลืม นางคุกเข่าขอให้สามีช่วยเหลือบิดา แต่เขากลับใจดำและอ้างว่าเขาได้นำเงินของตระกูลไปสนับสนุนองค์ชายรองในการก่อกบฏขึ้นครองบัลลังก์จนหมดสิ้นแล้ว

เมื่อนางไม่ได้รับเงินทองจากบิดาที่ส่งมาให้นางทุกเดือน มารดาสามีที่ก็มิได้ยิ้มแย้มปราศรัยเช่นเคย อีกทั้งยังออกคำสั่งให้นางทำโน่นทำนี่ไม่เคยว่างเว้น ใช้งานนางหนักราวกับนางเป็นสาวใช้คนหนึ่ง เฟิ่งเยว่สืออดทนเพราะรักสามีและลูก

ความอดทนของนางสูงดั่งยอดเขาเสียดฟ้า แต่เวลานี้ความอดทนเหล่านั้นได้พังทลายสิ้นเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel