บท
ตั้งค่า

7. ทรราชก็คือทรราช

ด้านลั่วซิน หลังจากถูกแบกออกมาจากจวน นางก็หยุดร้องโวยวาย เพราะร้องไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งนางร้อง อีกฝ่ายก็เหมือนจะสนุก ฉะนั้นปล่อยให้เขาทำตามใจให้พอเสียดีกว่า

ครั้นเมื่อขึ้นรถม้ามาแล้วนางก็จ้องหน้าเขาเขม็ง อาการหวาดหวั่นเช่นแต่ก่อนกลับมลายหายไปหมดสิ้น

กลัวไปก็เท่านั้น เพราะนางหนีชะตาไม่พ้นแล้ว

“ไม่ร้องแล้วหรือ” จิ่งเทียนยกยิ้มเมื่อเห็นว่าที่ชายาตนทำหน้าดุใส่ ซึ่งมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด ลั่วซินจึงเผลอหลับตาค้อนไปอย่างลืมตัว “หึหึ ไม่โกรธแล้วหรือ” เขาถามอีก

“คนไร้อำนาจเช่นหม่อมฉัน มีสิทธิ์ขุ่นเคืองได้หรือเพคะ” กล่าวประชดอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะหันหนีมาทางม่านหน้าต่าง เพราะนางไม่อยากเห็นใบหน้าเบิกบานของเขา

ชาติก่อน…รุ่ยอ๋องยังรู้จักรักษาหน้าตา ไม่เคยทำประเจิดประเจ้อต่อหน้าผู้คน ทว่าวันนี้เขากลับแบกนางโดยไม่แยแสอันใด

ไม่รู้ไปเอาวิชาหน้าหนาพวกนี้มาจากที่ไหนกัน หรือเขาตั้งใจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้มาหลอกล่อนางให้ติดกับอีกหน

เพียงแค่นึกว่าตนเองอาจจะหลีกหนีชะตาเก่าก่อนไม่พ้น ดวงตาคู่สวยก็เริ่มหม่นลง ทว่ายังไม่ทันไรนางก็ต้องสะดุ้ง เพราะสัมผัสจากอ้อมแขนแกร่งที่กำลังสอดเข้ามากอดรัด

“หากข้าทำผิด ทำในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบ เจ้าบอกข้าได้นะ ข้ายินดีจะปรับเปลี่ยนมันตามที่เจ้าต้องการ” เสียงเขาเบาแต่ก็มั่นคง

ลั่วซินได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อกับสัมผัสที่โอบรัดร่างกาย รวมถึงลมหายใจอุ่นที่กำลังเป่ารดต้นคอ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เหตุใดหลี่จิ่งเทียนจึงได้มีท่าทางอ่อนโยนถึงเพียงนี้

ไหนจะคำพูดเมื่อครู่นี้อีก มันหมายความว่าอย่างไร

ลั่วซินยังคงนิ่ง เพราะนางเชื่อว่าเขาทำไปก็เพื่อรั้งนางให้อยู่ด้วยเท่านั้น เมื่อใช้ประโยชน์จนสาสมแล้ว เขาคงปลิดชีพนางเหมือนอย่างเคย ‘ลั่วซิน เจ้าอย่าได้ใจอ่อนเชียว คนผู้นี้ร้ายกาจเพียงใด ตัวเจ้ารู้ดีที่สุด’ นางเฝ้าเตือนตนเอง

หลังจากนั่งรถม้ามาได้พักหนึ่งการเคลื่อนไหวก็หยุด ทว่าคนด้านหลังกลับไม่ยอมขยับ ลั่วซินเลยต้องหยิกที่แขนของเขา

“อ่า...ซี้ด... เจ็บนะเสี่ยวซิน” คนตัวโตส่งเสียงครางทันที ถึงกระนั้นสองแขนแกร่งกลับมิได้คลายออกจากร่างอรชร

ส่วนคนถูกกอดยามนี้นั่งนิ่งไปแล้ว ‘เสี่ยวซินงั้นหรือ เหตุใดเขาจึงเรียกเรา เหมือนที่เคยเรียกในชาติก่อนกันเล่า’ หญิงสาวนึกในใจอย่างฉงน จริงอยู่ว่ามันเป็นนามที่อีกฝ่ายมักเรียกขาน แต่นั่นมันคือช่วงที่นางอยู่กับเขามาเป็นปีมิใช่หรือ

“ลงเถิด ถึงบ้านของเราแล้ว” จิ่งเทียนไม่เพียงแต่พูด ทว่าเขายังช้อนอุ้มนางขึ้นมาด้วย ลั่วซินก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่

ชาติก่อนมีแต่นางที่ต้องเอาใจเขา แล้วเหตุใดกันเล่า ชาตินี้ คนที่เคยเอาชีวิตนางถึงได้ดูแลใส่ใจดีนัก แม้แต่เดินก็ไม่ให้เดิน

ลั่วซินยังคงงงงวยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดวงตาคู่สวยจับจ้อง ดวงหน้าเขาอย่างพินิจ นางไม่ได้โอบกอดรอบคออย่างที่ควรทำ เพียงแต่วางมือบนตัวอย่างสำรวม นางมิได้ยินดีที่เขาทำเช่นนี้

เพียงแต่มิอาจขัดอำนาจบารมีของอีกฝ่ายได้ หญิงสาวเลยต้องยอมให้รุ่ยอ๋องทำตามอำเภอใจ แม้มีสายตาผู้คนมากมายจับจ้อง นางก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอ ๆ กับคนอุ้มนั่นแหละ

“จางเจอ ห้องของพระชายาจัดเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีตอบรับ

ลั่วซินจึงแอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่พานางไปไว้ในห้องตนเอง เพื่อย่ำยีก่อนเวลาอันสมควร

เมื่อเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่แล้ว ร่างอรชรก็ถูกวางลงอย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวว่านางจะแตกหักเสียอย่างนั้น

เมื่อถูกปล่อยให้ยืน นางก็มองสำรวจภายในห้องทันที

ตรงมุมขวามีเตียงนอนขนาดใหญ่ มีผ้าแพรสีขาวปักลวดลายดอกท้อโยงลงมาจนถึงพื้นขอบเตียง ถัดไปหน่อยมีฉากกั้น ตรงนั้นน่าจะเป็นมุมสำหรับชำระร่างกาย

ส่วนมุมกลางห้อง มีโต๊ะอาหารสี่ที่นั่งตั้งอยู่

อีกมุมทางด้านซ้ายมีตั่งยาววางไว้พร้อมด้วยอุปกรณ์การเขียน ด้านล่างเป็นพรมนุ่มอย่างดีมีไว้สำหรับนั่ง

ทว่าแล้วถัดไปตรงทางด้านหลังนั่นมันคืออะไร ลักษณะท่าทางมันทำไมเหมือนประตูนักเล่า แต่เพียงไม่นานความสงสัยที่มีก็ได้รับความกระจ่าง เพราะเจ้าของจวนเอ่ยบอกเอง

“ประตูเชื่อมห้องของข้ากับห้องของเจ้า” จิ่งเทียนยิ้มกริ่ม

แต่คนตัวเล็กกลับตาโตเท่าไข่ห่าน เผยสีหน้าตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ทว่านางยังไม่ทันได้พ่นถ้อยคำใดออกมาถาม เจ้าของเรือนกลับรั้งท้ายทอยนางไว้ ตามมาด้วยริมฝีปากหนาที่แนบประกบปิดลง คนที่ตาโตอยู่แล้วยิ่งโตมากกว่าเดิม

ลั่วซินพยายามดิ้นรนหาทางขัดขืน แต่แรงอันน้อยนิด บวกกับตัวที่เล็กกว่าหรือจะต่อต้านได้ มีแต่จะยิ่งกระตุ้นกำหนัดอีกฝ่ายให้ลุกโชนเสียมากกว่า สุดท้ายนางเลยต้องยืนนิ่งให้เขาจูบจนพอใจ ไม่นานนักรุ่ยอ๋องก็คลายริมฝีปากที่ประกบแน่นออก พร้อมกับจับจ้องดวงตาคู่สวยที่กำลังตัดพ้อเขา

“ขะ…ขอโทษ ก็ข้าอดใจไม่ไหวนี่หน่า” รุ่ยอ๋องแก้ตัว

“หม่อมฉันอยากพักเพคะ” ลั่วซินหลุบตาต่ำ นางไม่อยากมองหน้าเขา เพราะภาพความทรงจำอันแสนเจ็บปวดมันวนเวียนเข้ามาทุกครั้ง นางไม่ควรลืมว่าสิ่งที่เขาทำ มันคือการเสแสร้ง คนผู้นี้แค่หลอกให้นางรัก เมื่อสมหวังเขาก็จะทอดทิ้งไปเหมือนเคย

“ได้ เช่นนั้นเจ้าพักนะ” นัยน์ตาคมหม่นลง ก่อนจะคลายมือจากท้ายทอยนาง ปล่อยให้ร่างอรชรเดินไปนั่งที่เตียง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ายังมีงานที่ต้องสะสาง เจ้าพักผ่อนให้สบายนะ ต้องการสิ่งใดเรียกใช้คนในจวนได้เลย”

“เพคะ” ลั่วซินตอบรับโดยไม่ได้หันไปมอง กระทั่งความเงียบเข้ามาปกคลุม นางจึงได้ขยับลุกมายืนที่ริมหน้าต่าง

ดวงตาคู่สวยทอดมองไปโดยรอบ ชาติก่อนนางแต่งเข้ามาเป็นอนุ ที่นี่ลั่วซินจึงทำได้เพียงแค่เดินผ่านเท่านั้น

แม้ในชาติก่อน รุ่ยอ๋องจะทรงโปรดนางมาก ถึงกระนั้น ณ เรือนใหญ่แห่งนี้นางกลับไม่เคยได้ย่างกลายเข้ามา

แต่เหตุใดกัน ครานี้เขาถึงได้พานางมาพักที่นี่

หรือเป็นเพราะเขาต้องการให้นางเชื่อใจ ทว่าแล้วเหตุใดเขาถึงต้องให้นางเชื่อใจเล่า ลั่วซินในยามนี้มิได้เผยความรู้ให้เขาทราบสักนิด เหตุไฉนรุ่ยอ๋องจึงอยากรั้งนางไว้ข้างกาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel