Ep 4 พิธีเข้าหอที่เกือบนองเลือด
พิธีเข้าหอ หรือพิธีปูเตียง ถูกจัดเมื่อถึงยามยู คู่บ่าวสาวต้องเข้าห้องและอยู่แต่ภายในห้องหอ ห้ามออกมาด้านนอกจนกว่าจะรุ่งสาง การส่งมอบตัวเจ้าสาวเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าพึ่งเอาผ้าคลุมหน้าออกนะเจ้าคะ ต้องรอให้พระสวามีเป็นคนเปิด”
“อืม เข้าใจแล้ว!!”
“ดีมากเจ้าค่ะ? ”
“ขนมนั่นน่าทานจัง มันเรียกว่าอะไร ข้ากินมันได้หรือไม่? ” ก่อนที่นิ้วชี้เรียวสวยจะชี้ไปตรงขนมรูปดอกไม้อะไรสักอย่าง
“อ๋อ นั่นขนมดอกกุ้ยฮวา ถ้าคุณหนูหิวก็ทานได้เลยเจ้าค่ะ แต่อย่าพึ่งรินเหล้าก่อนท่านอ๋องจะมานะเจ้าคะ ท่านต้องรอพิธีแลกสุรากับสวามีเสียก่อน”
ยังไม่สิ้นคำของเว่ยอิง เสียงผลักประตูก็ดังขึ้น
… เอี้ยด ….
“ข้าออกไปแล้วนะเจ้าคะ” ก่อนที่เว่ยอิงจะค่อยๆ ก้มหัวแล้วเดินถอยหลังออกไป
หัวใจที่เต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมานอกอก เธอยอมรับว่าประหม่าหรืออะไรก็มิทราบได้ ก็เขาทั้งหล่อ ดูดี แล้วเธอยังมีศักดิ์เป็นถึงภรรยาของเขาด้วย มันช่างตื่นเต้นอะไรเช่นนี้นะ
…. แต่แล้ว ….
ความฝันนั้นก็สลายลง เมื่อใครอีกคนถืออะไรมาจ่อที่คอของเธอ
… เชวี้ยง!! ….
เสียงดาบคมอาวุธร้ายที่จ่อเข้ามายังคอหอยของเธอ … นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันหรือนี่!! … เสียงลมหายใจติดๆ ขัดๆ หอบถี่ของเธอ ทำเอาหลี่อ๋องถึงกับรับรู้ได้
มือหนาของเขาดึงถลกผ้าคลุมหน้าออกอย่างแรง จนใบหน้าของเธอถึงกับสบัด สายตาที่มองมายังแม่กระต่ายตัวน้อยที่ตื่นตระหนก ตอนนี้ดาบที่คมเฉียบ มันกำลังแนบเนื้อของเธอ
เขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่หลี่อ๋องจะโยนดาบอีกเล่มให้เธอ แต่ก็ผิดคาด เธอไม่ได้รับมันไว้ ก็คมซะขนาดนี้ ขืนยื่นมือออกไปรับก็บ้า
หึ …!! หึ …!! “เจ้าจะแสดงบทบาทนี้ไปนานแค่ไหน!!” เสียงเขาเหี้ยมเกรียม แววตาขึงโกรธฉายรัศมีอาฆาตออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ดะ ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ ท่าน ท่านใจเย็นๆ ช่วยใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม? ”
“เจ้าพูดกระไร? ”
นอกจากเขาจะไม่ฟัง ก็ยังแสยะยิ้มกับท่าทีที่ตื่นตระหนกของเธอ เขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะฆ่าหรือจะยังเก็บเธอไว้ ทั้งที่เธอเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุและที่มาของการล้างแค้นในครั้งนี้ของเขาซะด้วยซ้ำ
… หลี่ชุน ข้าสัญญา ว่าจะทำให้นางทรมานก่อนตาย ข้าจะไม่ยอมให้นางตายง่ายๆ อย่างเด็ดขาด!!
“หยิบดาบขึ้นมา!!” เสียงเหี้ยมเกรียมตะคอกสั่ง
นี่พิธีเข้าหอบ้าบออะไรกัน เท่าที่ศึกษาประวัติศาสตร์มา มันไม่มีแบบอย่างว่าเสียหน่อย หรือที่เขาเลือกเรามาเพียงเพื่อรองรับอารมณ์บ้าๆ นี้อย่างนั้นหรือ
“ข้าบอกให้เจ้าหยิบดาบขึ้นมา” เขายังคงตะคอก
…แต่แล้ว …
… ปึก…!!
จู่ๆ ดาบนั้นก็ลอยเคว้งมาปักที่ผมของเธอ ก่อนจะเสียบไปยังผนังอีกฝั่งของห้อง เธอเอาแต่ยืนทื่อนิ่งอึ้งตัวแข็งราวกับถูกสาปไปชั่วขณะ ใบหน้าจากที่มีเลือดฝาด ตอนนี้มันกลับขาวซีดยิ่งกว่าแผ่นกระดาษก็ไม่ปาน
“ทำไมท่านจึงทำกับข้าเยี่ยงนี้ ข้าไปทำอะไรให้ท่าน? ” เธอต่อว่าเขาทั้งที่ในใจกลัวแทบบ้า
เขายังคงจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาที่อาฆาต ก่อนปากหยักหนาจะเอื้อนเอ่ย “เจ้าเล่นละครพอหรือยัง อย่าบอกนะว่าแค่สามปี เจ้าจะจำข้ามิได้เสียแล้ว?” เสียงทุ้มต่ำคำรามอย่างน่าหวั่นเกรงกล่าวออกมา
“ข้าไปทำอะไรให้ท่าน!? ”
เธอยังคงยืนมองเขาด้วยตัวสั่นเทาไม่หาย ก่อนที่มือหนาของเขา จะดึงกระชากเอาดาบกลับคืนไปอย่างไว ตอนนี้เธอถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงฮวบนั่งกองอยู่กับพื้น
แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะเสแสร้งสักแค่ไหน และถึงแม้เธอจะสวยสะกดแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะไม่มีวันให้อภัยกับเธออย่างเด็ดขาด ตรงกันข้าม เขาจะค่อยๆ ทรมานเธอทีละนิดๆ จนสาแก่ใจ
ส่วนพิธีแลกน้ำจันทร์อะไรนั่นมันไม่มีเด็ดขาด ก่อนที่หลี่อ๋องจะเปิดประตูห้องออกไป และปิดมันอย่างแรง
“ท่านอ๋อง ท่านจะออกไปไม่ได้นะขอรับ นายท่าน!!” พ่อบ้านตระกูลหลี่เรียกตามแผ่นหลังเขาไป ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูฮ่องเต้มีหวังเขาได้ตายเป็นแน่
และมันก็เป็นไปตามคาดเมื่อ เหวินหลงฮ่องเต้ พระราชบิดาของหลี่อ๋องต่างโกรธมาก เมื่อมีผู้รายงานว่าโอรสของตนไม่ได้อยู่ปูเตียงกับสนมที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง และนั่นมันก็สามารถทำให้ราชกิจสั่นคลอนได้ หากเรื่องนี้แพร่งพลายไปถึงหูหลงจื่อ พ่อของเธอ
“เจ้าไปเรียกหลี่อ๋องให้เข้ามาพบข้าบัดเดี๋ยวนี้!”
“พระยะฮ่ะ” ขันทีประจำพระวรกายของหลงเหวินฮ่องเต้ถึงกับรีบเดินจ้ำอ้าวไปบอกม้าเร็วให้รีบไปแจ้งหลี่อ๋องอย่างเร็วปรี่
จวนสกุลหลี่ 李府
“ใครมาแต่เช้า พ่อบ้านหลี่? ” เขาถามพ่อบ้านใหญ่ของจวน
“คนในราชวังมาขอรับ” ก่อนที่เสียงของขันทีคนสนิทฮ่องเต้จะดังขึ้น
“ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพะยะฮ่ะ” พูดเสร็จขันทีหว่องก็เดินไปยังอีกด้านของตำหนัก ก่อนจะไปรายงานให้หลี่อ๋องกับชายารับทราบ ว่าฮ่องเต้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า
“เจ้าไปทูลเสด็จพ่อ ว่าข้าจะเข้าพบในวันรุ่ง”
“พะยะฮ่ะท่านอ๋อง ไม่มีอะไรแล้ว ข้าน้อยขอตัว”
เมื่อถึงกำหนดการ ชายาต่างยังคงยืนรอสวามีอยู่ ก่อนที่คนทั้งคู่จะออกเดินทางไปพร้อมกัน บนเกวียนม้าที่เงียบสงบ มีแค่เสียงของลมหายใจของกันและกัน ก่อนที่เขาจะลอบสำรวจคนตรงหน้าที่เดินทางมาด้วย
วันนี้นางใส่เสื้อผ้าตามแบบราชพิธีนิยมสำหรับไหว้บรรพบุรุษ สีสันของชุดสดใสน่ามอง ผ้าผืนสีฟ้าพลิ้วไหวเวลาย่างก้าว ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากถุงหอมที่นางพกติดตัว สมุนไพรจำพวกดอกโบตั๋น อบเชย กานพลู และดอกไม้นานาชนิด มันส่งกลิ่นรบกวนจิตใจของเขาอย่างบอกไม่ถูก เธอเองก็แอบชำเลืองมอง และปรายตามาดูเขาอยู่เป็นระยะๆ ใบหน้านี้เหมือนจะคุ้น แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่แล้วภาพความทรงจำในวัยเยาว์ของฟางหลงเฟิงก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
….. ย้อนไปสมัยเด็ก …..
ช่วงเวลานั้นสมัยที่ฟางหลงเฟิงยังเด็ก เธอนิมิตเห็นแม่นางฟางหลงเฟิงสนิทสนมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“เจ้าอยู่นิ่งๆ นะ อย่าขยับ” ฟางหลงเฟิงตะโกนเรียกเด็กชายที่หลงป่าจากการออกล่าสัตว์ และจะโดนฝูงหมาป่าเข้าขย้ำ ก่อนที่หน้าไม้จะเหยียดตรง และเล็งเป้าไปที่หัวของมันโดยฝีมือของเธอ
เหง๊งๆ ฟุ๊บ ….
เมื่อลูกธนูปักเข้าที่หัวของหมาป่า เธอจึงรีบไปพยุงเอาคนที่ได้รับบาดเจ็บตรงหน้าไปรักษา รอยแผลของคมเขี้ยวมันฝังลึกตรงกลางอกของเด็กชาย
ซึ่งตอนนี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วแต่เธอเดาว่ารอยแผลเป็นก็ไม่น่าจะหาย ก่อนที่ความคิดนั้นต้องจบลง เมื่อหัวหน้าองครักษ์อวี๋เฉินเข้ามารายงาน
“เรียนท่านอ๋อง ตอนนี้ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงรอท่านและชายาอยู่พะยะค่ะ”
เขาพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะพาภรรยาหมาดๆ เดินเข้าไปยังท้องพระโรง
เธอแอบลอบสำรวจปี่เซี๊ยะตัวใหญ่ มันช่างดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม
เมื่อประตูบานหนาถูกผลักออก คนที่ตื่นตาตื่นใจคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่เรียนประวัติศาสตร์มาอย่างเธอ นี่เธออยากพกเครื่องมือสำรวจมาด้วยเสียจริง บริเวณลานกว้างของห้องโถงที่โอ่อ่า ประดับประดาด้วยหินแร่และทองคำหลากชนิด เนื้อผ้าแพรพรรณที่ตกแต่งล้วนแล้วแต่งดงามวิจิตรศิลป์ ลายปักนกยูงสลับกับลายมังกร มันช่างดูน่ามองอะไรเช่นนี้
กว่าที่เจ้าตัวจะสะดุ้งได้สติ ก็เมื่อเสียงของข้าราชบริพารได้เอ่ยอะไรขึ้นมาสักอย่าง เมื่อทั้งคู่ได้ทำการยกน้ำชาไหว้บรรพบุรุษเรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็เป็นพิธีรับน้ำชาจากพวกนางสนมต่างๆ ซึ่งฮองเฮาเป็นคนจัดสรรให้
“ข้าน้อยหลินเหยา คาราวะท่านอ๋องและสนมเอกฟางหลงเฟิง” กล่าวจบพวกนางก็ยกน้ำชาขึ้นดื่มคาราวะ ตามมาด้วย เมิ่งฮ่าว ,หลี่หนิง และซูเจี๋ย สนมรองคนอื่นๆ
โอ้แม่เจ้า นี่ไม่รวมสนมคนอื่นๆ นับพันที่พวกนางต่างเตรียมตัวเพื่อการคัดเลือกให้ตนเองถูกตาต้องใจขององค์ชาย เพื่อที่จะได้รับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น … จะเป็นลม … เธอคิดในใจ
ก่อนที่ฟางฟางจะสังเกตว่า หลินเหยา ดูเหมือนฮองเฮาจะดูโปรดปรานเธอเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่เท่าไหร่ และไทฮองไทเฮาเองก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ฉะนั้นเธอจึงด่วนสรุปด้วยสายตาตนเองไม่ได้
แต่เอ๊ะ!! นี่เขาต้องสลับสับเปลี่ยนไปนอนตำหนักนั้นที ตำหนักนี้ทีสินะ คิดแล้วก็โล่งใจ เพราะถ้าจะให้มารับมือเสือร้ายอย่างเขาคนเดียว เธอคงต้องตายก่อนที่ตัวเองจะตื่นจากฝันเป็นแน่
“เมิ่งฮ่าว เจ้าดูชุดที่ฮองเฮาพระราชทานให้พวกเราสิ สวยสง่า กลิ่นผ้านี้มันช่างหอมมากเลยนะ” หลี่หนิงเอ่ยขึ้นเมื่อตอนนี้เหลือแค่เธอ กับสนมทั้งสาม ส่วนคนอื่นๆ ไปดูเขาฝึกยุทธกันที่ลานประลอง ก่อนที่หญิงสาวหนึ่งในสนมอีกคนจะพูดแทรกขึ้น
“ข้าได้ยินมาว่าวันนี้มีการประลองลูกเตะจากเจ้าชายต่างเมืองด้วยนะ เห็นว่าองค์รัชทายาทจากต่างแคว้นจะลงไปละเล่นด้วย แล้วก็มีเหล่าสาวงามจากต่างเมือง มาให้ว่าที่องค์รัชทายาททรงคัดเลือกอีกด้วยนะ เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรี”
“จริงหรอซูเจี๋ย!” หลินเหยาน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “แค่นี้พวกเรายังต้องรอความโปรดปรานจากท่านอ๋อง ไหนเล่าจะยังมีแม่นางจากเมืองอื่นมาอีกอย่างนั้นหรอกหรือ? ”
“นั่นสิ ข้าได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วตำแหน่งว่าที่พระชายาก็คือเจ้านะหลินเหยา ทำไมถึงกลายเป็นคนอื่นไปซะได้” เมิ่งฮ่าวเอ่ย
ก่อนที่ซูเจี๋ยจะชำเลืองมองมาที่แม่นางฟางหลงเฟิงด้วยแววตาที่บ่งบอกได้ว่าเป็นมิตร ก่อนที่ซูเจี๋ยจะกล่าว
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวเราจะช้านะเจ้าคะ” ซูเจี๋ยเอ่ยกับฟางหลงเฟิง
เธอหันยิ้มอย่างจริงใจให้ซูเจี๋ย และคิดว่าหญิงคนนี้แหละที่เธอพอจะเป็นเพื่อนได้
…. สนามประลอง ….
หมายเหตุ : ฟางฟาง หรือฟางหลงเฟิง คือคนคนเดียวกัน บางบริบทอาจแทนตัวละครว่าฟางฟาง บางบริบทก็ใช้แทนตัวละครว่าฟางหลงเฟิง
พะยะฮะ จะใช้กับขันทีที่ร่างเป็นชายใจเป็นหญิง
พะยะค่ะ จะใช้กับขันทีธรรมดา ตามแต่บริบทและเพื่ออรรถรสในการอ่าน
