บท
ตั้งค่า

Ep 1 คัดเลือกสนม

จวนหลี่อ๋อง

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านบานหน้าต่างของจวน ภายในอาณาบริเวณขนาดใหญ่ พื้นที่โดยรอบถูกสร้างด้วยลวดลายสวยงามบนพื้นหินอ่อนอันเย็นยะเยือก เหล่าสาวงามจากหลายแคว้นต่างเดินทางมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อเข้าร่วมพิธีคัดเลือกสนมให้กับหลี่อ๋อง ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงว่าที่องค์รัชทายาทแห่งต้าชิง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองการปกครองของทั้งหมด หลี่อ๋องได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้เหวินหลงให้เขาปกครอง

ครานี้หลี่อ๋องเองก็ถึงวัยครบ 24 ปีบริบูรณ์ ไหนเลยจะพลาดการออกเรือนมาแล้วหลายหน ซึ่งตอนนี้ก็เลยเวลาออกเรือนช้ากว่าอ๋องคนอื่นๆ เป็นไหนๆ ด้วยเหตุเพราะว่า หลี่อ๋องเองไม่ยังไม่เจอหญิงในดวงใจ หรือยังไม่เจอใครที่ชอบ แม้ว่าจะมีลูกสาวของขุนนาง หรือกรมวังต่างๆ เขาก็มองข้ามไป เพียงเพราะสตรีหนึ่งเดียวในใจของเขา คือเด็กหญิงปริศนาเมื่อหลายปีก่อนมานั้น …

ลานกลางจวนหลี่อ๋องถูกตกแต่งอย่างงดงาม โอ่อ่า ผ้าไหมแพรแดง ดอกไม้สีสันสดใสที่มาจากหลากเมืองต่างถูกนำมาเรียงรายตกแต่งให้เป็นรูปแบบสวยงามต่างๆ บนพื้นมีพรมแดงที่ปูอย่างปราณีต ขณะที่อีกมุมหนึ่งมีบัลลังก์ทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีที่ส่องประกายแวววับ แต่เขาหาได้สนใจในลาภยศทรัพย์สมบัติตรงหน้านี้ไม่

บรรดาสาวงามน้อยใหญ่จากต่างแคว้น ต่างก็ถือเครื่องดนตรี และของบรรณาการต่างๆ รวมกระทั่งนำเอากลยุทธ์ที่ตนเองมีเพื่อมาแสดงในการคัดเลือกพระสนมในครั้งนี้ด้วย

เสียงดนตรีในงานสลับดังเบา ในขณะที่เสียงของขลุ่ย, ผีผา , พิณและกลองต่างดังขึ้นมาถี่ๆ มันช่างสร้างบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตึงเครียดในเวลาเดียวกัน องครักษ์ในชุดเสื้อสีทองดูหรูหราคอยตรวจขันดูแลและแนะนำผู้เข้าคัดเลือก ขณะที่องครักษ์ในชุดเกราะสลักลวดลายงดงามยืนอยู่ตามมุมต่าง ๆ ตาเฉียบคมจับจ้องไปยังสาวงามที่รอยืนแสดงความสามารถอยู่ในลานกว้าง

แต่ในขณะเดียวกัน ลูกสาวคนเดียวของอีกแคว้นก็ยังคงเดินทางมาไม่ถึง

รถม้าที่ขับตามทางดินมีเศษหินขรุขระ หญิงงามในชุดผ้าสวมใส่งดงามในแบบฉบับคุณหนูแห่งแค้นเฉวียง เธอมากับหญิงรับใช้คนสนิทอีกหนึ่งคน รวมถึงสาวใช้คนอื่นๆ พร้อมองครักษ์คู่ใจที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย รวมแล้วคนในตะกูลนี้ก็เดินทางมากับเธอราวๆ ยี่สิบคน … จะเยอะไปไหน …

… บรรยากาศในจวน …

เมื่อพิธีเริ่มต้นขึ้น สาวงามแต่ละคนต่างถูกเรียกตัวขึ้นมาแสดงความสามารถทีละคน พวกนางต่างสวมชุดที่มีความหรูหราราคาแพง แต่ละชุดมีสีสันและลวดลายที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นที่ตนเองจากมา การแสดงด้วยท่าทีที่สง่างามและมั่นใจของแม่นางเหล่านั้น แม้จะพยายามทำให้หลี่อ๋องตื่นตาตื่นใจสักเท่าไหร่ แต่เขากลับรู้สึกเฉยๆ อยู่ดี

“ข้าคือ หลิวเซียง หญิงสาวจากแคว้นเยว่” เสียงของสาวงามคนหนึ่งดังก้องไปทั่วลานแสดงความสามารถ ขณะที่เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ดวงตาสุกสว่างและเส้นผมที่รัดด้วยโบว์สีทองส่องประกาย ก็ได้พูดขึ้นอีกว่า

“ข้าอยู่ที่นี่เพื่อแสดงความสามารถในการร้องรำและดีดผีผา ทุกท่านจงรอชื่นชมในความสามารถของข้า” หลิวเซียงกล่าวก่อนที่จะเริ่มร้องเพลงอย่างไพเราะ ซึ่งก็ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างตื่นตาตื่นใจ ไหนจะลีลาท่วงท่าในการเล่นผีผาของนางอีก

“ข้าว่าคนนี้ตัวตึงเป็นแน่ แล้วเจ้าล่ะเหวยฟู่ เจ้าจักสู้แม่นางคนนี้ได้หรือไม่? ” สาวงามนางหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนต่างแคว้นที่มาร่วมในงานคัดเลือกนี้ด้วย

“ตราบใดที่หลี่อ๋องยังไม่เลือก ข้าก็ย่อมมีสิทธิ์ …” นางตอบ

องครักษ์และเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างจับตามองอย่างละเอียด ในขณะที่หลี่อ๋องนั่งอยู่บนบัลลังก์ มองไปที่สาวงามแต่ละคนด้วยความตั้งใจ สายตาของเขาแสดงถึงความคิดที่ซับซ้อน ผสมผสานระหว่างความสนใจและความลังเลใจในการเลือกคู่ครองที่เหมาะสมที่สุด … ก็แค่เลือกมานางนึง เขาคิดในขณะที่ตัดสินใจไม่ได้ …

“ท่านอ๋อง ท่านยังคงเลือกไม่ได้หรือพะยะค่ะ” เสียงองครักษ์อวี๋เฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเจ้านายที่เขาดูแลมาแต่ยังเยาว์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจหญิงงามคนใด จู่ๆ เขาก็ได้ถามหลี่อ๋องขึ้น

ขณะที่การแสดงยังคงดำเนินต่อไป บรรยากาศของความหวังและความฝันของสาวงามแต่ละนางยังคงเต็มตื้นอยู่ทรวงอก แทบจะระเบิดออกมาในกลางอากาศ การแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การคัดเลือกสนมแต่ยังเป็นการพิสูจน์ตัวตนและค่านิยมของพวกเธอในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการเมืองภายในราชสำนักด้วย

ในขณะเดียวกัน ฟางฟางหรือฟางหลงเฟิงที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในอีกมุมหนึ่งของลานรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด เธอไม่เพียงแต่เป็นผู้สังเกตการณ์ แต่ยังรู้สึกถึงโอกาสและความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า

ในขณะที่สายตาของหลี่อ๋องจับจ้องไปยังสาวงามแต่ละคน ความรู้สึกภายในของฟางฟางกลับเกิดความลังเลใจว่าจะเข้าร่วมในพิธีนี้ดีหรือไม่ เธอเห็นเขาแล้วรู้สึกใจเต้นโครมครามอย่างบอกไม่ถูก

“คุณหนูเจ้าคะ ออกมาเถอะเจ้าค่ะ”

เว่ยอิงบอกหญิงสาวให้ออกมาเพื่อเตรียมตัว

“ข้าจะออกไปได้เช่นไร เจ้าก็รู้ว่าข้าความจำเสื่อม เครื่องคีตดนตรีที่ท่านพ่อเตรียมมา ไหนจะลูกหอก ดอกธนู ข้าใช้มันเป็นกันเสียที่ไหน? ” เธอสาบานว่าไม่เคยฝึกเรื่องอย่างว่านี้มาก่อนเลย

“แล้วที่นี่มีปืนไหม? ปืนน่ะเจ้ารู้ไหมเว่ยอิง? ”

“ปืน..? มันเป็นเช่นไรกันเจ้าคะ? ”

…. เฮ้อ …. ตายๆ หมดกัน ระดับถามแล้วตอบไม่ได้ว่าปืนคืออะไรก็คงแสดงว่าเธอคงไม่รู้จัก แต่เอ๊ะ!! ราชวงศ์ชิงเขามีการใช้ปืนกันหรือยังนะ? .. หญิงสาวเอาแต่ขบคิดในใจ

“เร็วเข้าเจ้าค่ะคุณหนู ใกล้ถึงตาของท่านแล้วนะเจ้าคะ”

เธอคิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการไหนในการแสดงความสามารถ ก็หญิงต่างแคว้นแต่ละคนช่างมากความรู้เปี่ยมด้วยความสามารถ แต่ดูเธอสิ … ไม่มี!!

… เอ๋ …. “เราเคยเรียนบัลเลต์นี่นา”

นี่คือการคัดเลือกที่เต็มไปด้วยความฝันและความกลัวของเหล่าหญิงงามจากหลายแคว้นฟางฟางคิดในใจ ขณะที่เสียงของดนตรีและเสียงคำชมเชยของคนที่มาชมการคัดเลือกต่างชื่นชมแม่นางต่างๆ มันยังคงดังกึกก้องสะท้อนอยู่ในหูของเธอ

… ตายแน่ยัยฟางฟาง!! …

พิธีคัดเลือกยังคงดำเนินต่อไป ทุกอย่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวัง สาวงามทุกคนต่างตั้งใจอย่างเต็มที่ ในขณะที่หลี่อ๋องเองก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะสนใจสาวงามคนใด

“แสดงความสามาาถคนต่อไป นี่คือหญิงสาวคนสุดท้ายในงานนี้แล้วนะพะยะค่ะ”

เสียงหนึ่งในพ่อบ้านจวนสกุลหลี่กล่าว ก่อนที่ฟางหลงเฟิงจะค่อยๆ เดินออกมาตรงลานประลองอย่างช้าๆ กับผ้าคลุมหน้าผืนบางเบา

ตอนนี้ทั้งฮ่องเต้และเหล่าสนมต่างๆ ต่างจ้องมองมาที่เธอ เพราะเธอคือผู้เข้าการคัดเลือกคนสุดท้าย พวกเขาต่างลุ้นสุดตัวว่าหลี่อ๋อง หรือว่าที่องค์รัชทายาทจะชื่นชอบแม่นางคนนี้หรือไม่

เท้าเรียวเล็กกับรองเท้าสีผีสีแดงคู่งาม หญิงสาวที่มีความสูงประมาณหนึ่งฉี หรือราวๆ 160 เซนติเมตร เธอสวมชุดฮั่นฝูที่ทำจากผ้าไหมอ่อนนุ่มตัดเย็บปักลายเป็นพิเศษ สีโอรสที่ส่องประกายแสดงถึงความสดใสและมีชีวิตชีวา ชุดมีลวดลายนกฟีนิกซ์ที่ถูกปักอย่างปราณีตบริเวณชายกระโปรงและขอบชายเสื้อ สื่อถึงความหรูหราและความใส่ใจในการตัดเย็บเป็นอย่างดี

ผิวของเธอมีความเนียนนุ่มและละเอียดราวกับผิวของดอกไม้แรกแย้ม ช่วงแสงแดดส่องทำให้ผิวของเธอส่องประกายระยิบระยับ สีผิวเป็นโทนขาวอมชมพู เปล่งปลั่งและดูสุขภาพดี ราวกับได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่สม่ำเสมอ

ใบหน้างามที่ยังคงมีผ้าคลุมหน้าผืนบางปิดอยู่ ก่อนที่เสียงของพ่อบ้านสกุลหลี่จะดังขึ้น ทำเอาเธอแทบตกใจ

“แม่นางสกุลเฉวียง ฟางหลงเฟิง เจ้าจงเปิดผ้าคลุมหน้าออกก่อนทำการแสดง”

หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือเรียวเล็กมาปลดผ้าคลุมออกอย่างว่าง่าย

และ ….

ทันใดนั้นเอง ….

หลี่อ๋องที่ตกตะลึงกับสาวงามคนตรงหน้าก็ลูกตาแทบถลน เขาตามหาเธอมานานหลายปี หาเยี่ยงไรก็หาไม่พบ นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ ที่จู่ๆ แม่นางคนนี้ ก็รนหาที่เองจนได้…

คนที่อาฆาตหมายหัวในการออกล่า ตามหาตัวหญิงสาวนิรนามมานาน และครั้งนี้นี่เอง ในการคัดเลือกสนม เขากลับได้เจอหญิงสาวปริศนาคนดังกล่าว เธอที่ได้ชื่อว่าฆ่าอ๋องชุน น้องชายร่วมมารดาของเขาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาจำหน้าเธอได้ดีติดตา และจำหยกพกที่เธอพกติดเอาไว้ได้ดีอีกด้วย …

“เจ้ารนหาที่เองนะ!! ว่าแต่บิดาแม่นางคนนี้คือใคร ทำไมข้าคุ้นชื่อยิ่งนัก? ” เขาถามองครักษ์คนสนิท

“บิดาของนางคือท่านแม่ทัพหลงจื่อ พระสหายของฮ่องเต้แห่งต้าชิง” องครักษ์อวี๋เฉินตอบ

เขามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาและอาฆาต “ชาตินี้หากมีเจ้าจักต้องไม่มีข้า แต่ตราบใดที่มีข้า ก็จักต้องไม่มีเจ้าเช่นกัน” มือหนาค่อยๆ บีบเข้าหากันจนเห็นเป็นสันนูน

“เชิญแม่นาง ฟางหลงเฟิง ทำการแสดงได้” พ่อบ้านจวนสกุลหลี่เอ่ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel