บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ช่วยเหลือ

เป็นประจําทุกปีที่เซียวเหม่ยอิงจะขึ้นวัดไปจําศีลภาวนาเป็นเวลา หนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อระลึกถึงฮูหยินผู้เฒ่าประจําตระกูลเดียวที่ได้เสียไป

สมัยที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังมีชีวิต เซียวเหม่ยอิงจะสนิทสนมกับท่านย่าของตัวเองเป็นอย่างมาก จนบ่อยครั้งที่เซียวลี่หงออกอาการแง่งอนท่านย่าของตัวเองเพราะคิดว่าท่านย่านั้นลําเอียงรักพี่สาวมากกว่าตน เป็นเหตุให้มารดาต้องคอยเอาอกเอาใจเพื่อไม่ให้บุตรสาวคนเล็กนั้นน้อยเนื้อต่ำใจเพราะสมัยที่เซียวลี่หงยังเป็นเด็กเล็กนั้น นางมีร่างกายอ่อนแอและล้มป่วยบ่อย

เซียวฟูจินและฟางเหนียงจึงเอาใจใส่เซียวลี่หงเป็นพิเศษ ทําให้เซียวเย่หรือฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนดูแลเซียวเหม่ยอิงมาโดยตลอดเซียวเหม่ยอิงเลยสนิทกับฮูหยินผู้เฒ่ามากกว่าบิดามารดาของตัวเอง

พอเซียวเหม่ยอิงไปถึงวัดแล้ว ก็สวดมนต์ภาวนาและทําความสะอาดตามปกติอย่างที่เคยทํา จนถึงยามดึกเป็นเวลาเข้านอน เซียวเหม่ยอิงมองดูพระจันทร์ที่กําลังส่องแสงยามค่ำคืน ใบหน้าเรียวงาม จมูกงามเข้ากับ ใบหน้า ผมดํายาวสลวยที่ปล่อยให้ยาวเต็มแผ่นหลังเพื่อให้ลี่จินหวีผมได้อย่างสะดวก

ขณะที่กําลังมองดูพระจันทร์อย่างเหม่อลอยอยู่นั้นกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังไม่ไกลจากเรือนที่พวกนางพัก

“เสียงอะไร?” พูดจบเซียวเหม่ยอิงก็ลุกขึ้นยืนและรีบเดินออกไป จากห้องทันทีโดยมีลี่จินรีบเดินตามอยู่ไม่ห่าง

“คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าไปนะเจ้าคะ” ลี่จินถือวิสาสะจับแขนเซียวเหม่ยอิงเพื่อไม่ให้คุณหนูของตัวเองออกไปข้างนอกยามนี้ เพราะมันอันตรายเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อข้า"

“แต่...ว่า”

“ลี่จินเชื่อข้า เจ้าไปหาพวกยาที่อยู่ในเรือนของเราด้วยว่ามีหรือไม่ แล้วเจ้าค่อยตามข้าไป”

ลี่จินเห็นแววตามุ่งมั่นจากนายของตนก็ได้แต่ยอมทําตามอย่างจํายอม แม้ว่าจะไม่เต็มใจเท่าใดนัก เซียวเหม่ยอิงเดินไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากเรือนที่พักของตัวเอง เพื่อยืนรอจินที่กําลังหาของที่ตนสั่ง ยังดีที่วันนี้พระจันทร์เต็มดวงทําให้มองเห็นรอบ ๆ โดยง่าย

ความจริงแล้วเซียวเหม่ยอิงนั้นเป็นคนมีวรยุทธในระดับหนึ่ง แม้ไม่ถึงขั้นเก่งกาจแต่การได้ยินและเรื่องกลิ่นนั้นค่อนข้างดี เพราะท่านย่าของนางได้ให้คนมาช่วยฝึกฝนสมัยที่นางยังเป็นเด็กเล็ก

ทว่าเซียวเหม่ยอิงนั้นต้องแอบฝึกวรยุทธ เพราะเกรงว่าหากบิดามารดารับรู้เรื่องนี้คงไม่ยินยอ แล้วต้องให้นางเลิกฝึกวรยุทธเป็นแน่ เพราะยามนั้นเซียวลี่หงเป็นเด็กที่ล้มป่วยบ่อย ร่างกายไม่แข็งแรง แม้แต่เซียวเหม่ยอิงจะไปสํานักเพื่อเล่าเรียนยังไปไม่ได้ เนื่องจากเซียวฟูจินและฟางเหนียงเกรงว่าบุตรสาวคนเล็กจะตรอมใจที่ไม่แข็งแรงเช่นพี่สาวตน ทําให้ไปไหนมาไหนเช่นคนอื่นไม่ได้ ต้องได้นอนติดเตียงกินยาต้มเป็นหม้อเพื่อรักษาร่างกาย

เวลาที่เซียวเหม่ยอิงไปข้างนอกนั้น เซียวลี่หงจะร้องไห้ฟูมฟาย น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง เซียวฟูจินและฟางเหนียงจึงตัดสินใจให้เซียวเหม่ยอิงยังไม่ต้องไปเล่าเรียนที่สํานักหรือเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อย เช่น บุตรคนอื่น

แต่โชคก็ยังเข้าข้างเซียวเหม่ยอิง เพราะตอนที่บิดามารดาเอาใจใส่เซียวลี่หงนั้นได้ปล่อยปละละเลยนาง ฮูหยินผู้เฒ่าได้ดูแลเซียวเหม่ยอิงแทน และได้แอบให้คนมาสอนวรยุทธต่าง ๆ ให้ พร้อมทั้งช่วยปิดบังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ตอนที่เซียวเหม่ยอิงนั่งมองดูพระจันทร์นั้น นางได้ยินเสียงคนต่อสู้กันดังแว่วมาตามสายลมแล้ว แต่นางไม่ได้สนใจอะไรเพราะเสียงนั้นค่อนข้าง อยู่ไกลจากที่พักของนาง แต่เหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะเสียงต่อสู้กัน เหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เซียวเหม่ยอิงฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจจนกระทั่งเสียงต่อสู้นั้นได้เงียบไป

หลังจากที่ลี่จินเข้าไปหาของตามที่คุณหนูของตัวเองสั่ง ก็ได้รีบเดินตามมาทันที

“มีหรือไม่”

“พอมีเจ้าค่ะ” จินนําของที่หามาได้เผยให้เห็น

ยาที่ลี่จินนํามานั้นเป็นยาที่มีอยู่ในเรือนที่พวกนางพักปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว จึงเป็นยาที่ใช้สําหรับรักษาตัวเองเบื้องต้นยามเจ็บไข้ได้ป่วยกะทันหัน

เซียวเหม่ยอิงกวาดตามองก็พยักหน้าอย่างพอใจ “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

ทั้งสองคนพากันเดินไปยังบริเวณป่าที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าใดนัก สายตาของเซียวเหม่ยอิงสอดส่องดูรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

“ตรงนี้แหละ” เซียวเหม่ยอิงที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา

“ลี่จิน ข้าขอห่อยาหน่อย”

ได้ยินอย่างนั้นจินก็รีบยื่นห่อยาให้คุณหนูตัวเองทันที หลังจากที่เซียวเหม่ยอิงได้รับห่อยาแล้ว นางก็โยนห่อยาเข้าไปในป่าในความมืดมิด

“กลับกันเถิด”

ลี่จินได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรในตอนนี้เพราะค่อนข้างดึกแล้ว นางได้แต่รีบตามเซียวเหม่ยอิงกลับที่พักของตนเอง พอกลับถึงที่พักแล้ว ลี่จินก็รีบปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนาแล้วรีบมายืนใกล้ ๆ กับคุณหนูของตัวเอง หลังรู้สึกว่าปลอดภัยดีแล้วจึงได้เอ่ยถามคุณหนูของนาง

“คุณหนูใหญ่ โยนห่อยาให้ใครหรือเจ้าคะ”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“…” ลี่จินถึงกับกุมขมับ

คุณหนูตัวเองถึงกับเสี่ยงอันตรายออกไปข้างนอกยามดึกดื่น เพียงแค่ต้องการโยนห่อยาให้คนที่ไม่รู้จักแค่นั้นหรอกหรือ

“คุณหนูใหญ่ หากคนนั้นเป็นคนไม่ดีเล่าเจ้าคะ พวกเราจะเป็นอย่างไร”

“ก็แค่ตาย แต่ถ้าหากโชคดีหน่อย เราก็บาดเจ็บแค่นั้น” เซียวเหม่ยอิงพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนทันที ทิ้งไว้เพียงแต่ ลี่จินที่ยังขนลุกกับคําพูดที่ไม่ยี่หระกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เหตุใดคุณหนูของนางถึงได้เอ่ยวาจาที่น่ากลัวด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยเช่นนี้กัน!

หลังจากที่เข้านอนกันแล้ว เซียวเหม่ยอิงได้ครุ่นคิดกับสิ่งที่ตนทําไปจริงอย่างที่สี่จินพูด หากคนนั้นเป็นอันตรายต่อพวกนางจริง เขาก็คงทําร้า ตั้งแต่ที่พวกนางเดินเข้าไปใกล้แล้ว แต่จะให้นางทนดมกลิ่นเลือดที่ลอยมาตามสายลมก็ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ นํายาไปให้ก็คงจะบรรเทากลิ่นเลือดไม่มากก็น้อย

อีกอย่างเซียวเหม่ยอิงเองนางก็ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด หากเกิดอันตรายขึ้นจริง นางก็มีของที่ใช้สําหรับป้องกันตัวติดกายอยู่เสมอนั่นก็คือกําไลที่นางสวมใส่ตลอดเวลา ของสิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงกําไลธรรมดาเท่านั้น เพราะเป็นกําไลที่มีกลไกพิเศษ หากนางกดปุ่มเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ จะมีเข็มพิษออกมาจากกําไล ของชิ้นนี้เป็นของขวัญจากอาจารย์ที่ฝึกวรยุทธให้กับนาง เพื่อเอาไว้ให้นางป้องกันตัวนั่นเอง

คล้อยหลังที่เซียวเหม่ยอิงและลี่จินเดินจากไป ในมุมมืดจุดที่เซียวเหม่ยอิงได้โยนห่อยาไปนั้น ก็ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งที่เดินออกมา แล้วก้มลงไปหยิบห่อยานั้น แล้วมองไปยังจุดที่เซียวเหม่ยอิงเดินจากไปด้วยสายตาที่ล้ำลึก

**********

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel