บทที่ 4 อดีตของลี่จิน 2
ชายตัวใหญ่หรี่ตามองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในวงล้อมของเขาอย่างใช้ความคิด จริงอย่างที่ลูกน้องของเขาพูด หากนําไปขายกับพ่อค้าทาสเมืองอื่นคงได้ราคาดีไม่น้อย และยิ่งเป็นเด็กผู้หญิง ถ้านําไปขายหอนางโลมยิ่งได้ราคาดีขึ้นไปอีก อีกอย่างเรื่องการเดินทางไปเมืองอื่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะพวกเขาเองก็เดินทางบ่อย เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ อยู่เป็นประจํา พอคิดได้อย่างนั้นชายคนที่ตัวใหญ่กว่าก็พยักหน้ากับลูกน้องทั้งสองคน
“เอาตัวไป”
เซียวเหม่ยอิงได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้นึกกลัวแต่อย่างใด แถมยังพูดข่มขู่ด้วยซ้ำ
“หยุดนะ! หากพวกท่านจับตัวพวกข้าไป พวกท่านต้องโดนทหาร จับตัวไปส่งทางการอย่างแน่นอน!”
ทั้งสามคนที่ได้ยินคําขู่ของเด็กน้อย ต่างพากันหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นังหนู หากพวกข้ากลัวโดนจับ ข้าคงไม่อยู่มาจนถึง ป่านนี้หรอก” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา พวกเขาไม่ได้กลัวคนของทางการมาเจอสักนิด เพราะพวกเขาย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย อีกอย่างพวกเขาจะเน้นจับพวกเด็กเร่ร่อนมากกว่า เพราะไม่มีใครแจ้งกับทางการทําให้พวกเขาเหิมเกริมทําผิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ คิดว่าไม่มีใครตามจับตัวพวกเขาได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้เซียวเหม่ยอิงมั่นใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยนางไปแน่นอน นางมองดูชายทั้งสามคนด้วยสายตาที่หวาดหวั่นเพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นซอยเปลี่ยวไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร ที่นางมาเจอเหตุการณ์เหล่านี้เพราะเซียวเหม่ยอิงหนีสาวใช้ออกมา ทําให้เจอเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ
ยิ่งในซอยเปลี่ยวไร้ผู้คน ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนยิ่งชอบใจ พวกเขา ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้หมายจะจับตัวทั้งสองไปอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะบุรุษทั้งสามคนกําลังจะจับตัวเซียวเหม่ยอิงนั้นเอง
ฉึก ฉึก ฉึก!
อ๊ากกกกกก! เสียงทั้งสามคนร้องพร้อมกันด้วยความเจ็บปวด เพราะพวกเขาโดนธนูลึกลับปักเข้าที่หัวไหล่อย่างจัง ทําให้ทั้งหมดล้มลงพื้นด้วยความเจ็บปวด
“พวกนี้มีหมายจับของทางการ นําตัวพวกนี้ไปเข้าคุกให้หมด!”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนอาชาออกคําสั่งกับผู้ติดตามของตน เหล่าผู้ติดตามรับคําสั่งและรีบนําตัวทั้งสามคนไปขังคุกตามคําสั่งทันที
ชายหนุ่มคนนั้นมองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งกอดกันด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ต้องสะดุดกับสายตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเขา
สายตาที่มองด้วยความแข็งกร้าวแต่ก็สุขุม แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ น่าหวาดกลัวแต่ก็ยังมีสายตาแบบนี้ เป็นเพียงเด็กผู้หญิงแต่กลับมีสายตา เช่นนี้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ...
เมื่อสถานการณ์เป็นปกติแล้ว เซียวเหม่ยอิงมองคนที่อยู่บนหลังม้าที่มีท่าทีน่าเกรงขาม
“ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ ที่มาช่วยพวกข้าไว้” เซียวเหม่ยอิง ย่อกายขอบคุณให้กับชายตรงหน้า
“ไม่เป็นไร ข้าแค่ทําตามหน้าที่ ทีหลังก็อย่าได้เสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกก็พอ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเป็นการกระทําที่โง่งม หากพวกข้ามาช่วยไม่ทันเจ้าก็คงถูกจับตัวไปแล้ว” พูดจบเขาก็ควบม้าจากไป ทิ้งไว้เพียงเด็กสาวที่ยืนมุมปากกระตุกเท่านั้น
แม้เซียวเหม่ยอิงจะรู้สึกชิงชังกับคําพูดนั้น แต่ที่เขาพูดมานั้นก็จริงมองย้อนกลับไปการกระทําของนางนั้นโง่งมจริง ๆ เพราะความเป็นเด็กที่ คิดว่าเอาทางการมาขู่แล้วคนพวกนั้นจะหวั่นเกรงแต่เปล่าเลย พวกนั้นนอกจากจะไม่กลัวแล้วกลับเย้ยหยันเสียด้วยซ้ำ
“ข้าขอโทษท่านนะเจ้าคะ ที่ทําให้ท่านเกือบเดือดร้อนไปด้วย หากท่านไม่มายุ่งกับข้า ถ้า....”
“เจ้าไม่ต้องคิดมาก อีกอย่างข้าก็ปลอดภัยดี” เซียวเหม่ยอิงรับรู้ได้ ถึงความกังวลใจนางเอ่ยคําปลอบด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
“ข้า...ข้าไม่มีนามเจ้าค่ะ”
“งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าลี่จินดีหรือไม่ ลี่จิน”
ลี่จินมองดูคนตรงหน้าจนน้ำตาคลอ เพราะตั้งแต่นางเกิดมาแม้แต่บิดามารดาก็ไม่เคยเรียกชื่อสักครั้ง จนนางเองคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีใครต้องการจะเรียกนางแล้ว
“ไปกันเถิด ไปอยู่กับข้าไปเป็นสาวใช้ข้างกายข้านะ ลี่จิน”
“ลี่จินเจ้าเป็นอะไร เหตุใดถึงน้ำตาซึมเช่นนี้?” เสียงเรียกของเซียวเหม่ยอิงทําให้ลี่จินหลุดจากเรื่องราวที่คิดถึงในอดีต
“บ่าวคิดถึงเรื่องที่เจอกับคุณหนูวันแรก อดน้ำตาซึมไม่ได้เจ้าค่ะ “เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว เจ้าควรจะเลิกร้องได้แล้วนะ”
“ต่อให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายของบ่าว บ่าวก็ไม่ลืมบุญคุณที่คุณหนูมอบให้แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับใช้คุณหนูจนสิ้นลมหายใจ” จินพูดขึ้นด้วยน้าเสียงที่มุ่งมั่นพร้อมกับยกก๋าปั้นขึ้นมาคล้ายพร้อมสู้สุดกําลัง เพราะนางได้ตั้งใจอันแน่วแน่แล้วว่าจะจงรักภักดีกับคุณหนูคนนี้ตราบจนช่วงสุดท้ายของชีวิต
เซียวเหม่ยอิงอดยิ้มตามไปกับการกระทําของคนรับใช้คนสนิทนางเองอดคิดถึงเรื่องวันนั้นตามไม่ได้ ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกถึงคําพูดของใครบางคน
ตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้จะสิบเจ็ดหนาวแล้ว ไม่เคยมีใครว่านางโง่งมแม้แต่คนเดียว มีเพียงชายแปลกหน้าที่แม้แต่นามก็ไม่รู้จักที่ตําหนินางอย่าง โจ่งแจ้ง จะตอบกลับก็ไม่ได้เพราะการกระทําตอนนั้นโง่งมจริง ๆ ยิ่งคิด มุมปากเซียวเหม่ยอิงก็ยิ่งกระตุกอย่างอดไม่ได้ ถึงกับทําบัญชีเสร็จ ในพริบตาเดียวเพื่อระงับอารมณ์ที่ขุ่นเคืองในใจ
“ฮูหยินน่าจะให้คุณหนูเล็กแบ่งเบาหน้าที่ท่านบ้างนะเจ้าคะสักอย่างก็ยังดี”
สี่จินเห็นงานที่คุณหนูของตัวเองท่าก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ งานในจวนตอนนี้ตกเป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่ทั้งหมด จนนางสงสารคุณหนูจับใจ คุณหนูของตนจะไปเที่ยวตลาดหรือข้างนอกเช่นคุณหนูท่านอื่นก็ไม่ได้ เพราะงานในจวนนั้นรัดตัวไปหมด
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง อีกอย่างหงเอ๋อร์ยังเด็กนัก"
เด็กที่ไหนกัน! สิบห้าหนาวนี่ไม่เด็กแล้ว! จินได้แต่ค้านอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ทําได้เพียงนั่งเก็บของอย่างเงียบ ๆ เพราะตอนนี้
คุณหนูของนางนั้นหลับคาโต๊ะไปแล้วเรียบร้อย ลี่จินเห็นสภาพคุณหนูของนางแล้วสงสารจับใจ เงียบเพียงครู่เดียวคุณหนูก็หลับแล้ว สงสัยจะเหนื่อยมากจริง ๆ นางเดินไปประคองตัวเซียวเหม่ยอิงอย่างระมัดระวัง เพื่อพาไปยังเตียงนอนให้คุณหนูของตัวเองนั้นได้นอนหลับสบายที่สุด เพราะนี่คือสิ่งที่นางพอจะช่วยเหลือให้แก่คุณหนูของตนเองได้
***********
