ตอนที่สาม จับพลัดจับผลู 2
ตอนที่สาม
จับพลัดจับผลู
จากการหาลู่ทางของนางกำนัลหวั่นหลันซึ่งเป็นนางกำนัลใกล้ชิด ทำให้ชิงชิงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าองค์ชายสิบในเย็นวันนั้นเอง
“เจ้ารีบขอบคุณและเอ่ยขอโดยเร็วก่อนที่จะโดนหวังกงกงขัดขวางเข้าใจหรือไม่” นางกำนัลหวั่นหลันพาตัวชิงชิงมาส่งที่หน้าประตูแล้วกำชับสาวน้อยอย่างเร่งรีบ
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” ชิงชิงรับคำพลางสูดหายใจเข้าอย่างเตรียมพร้อม
เมื่อเห็นชิงชิงเดินเข้ามาในห้องอักษรส่วนพระองค์ แน่นอนว่าหวังกงกงขันทีคนสนิทรีบก้าวเข้ามาขัดขวางทันที
“ให้นางเข้ามาเถอะ” โชคดีที่องค์ชายสิบเอ่ยอนุญาต แม้กระแสเสียงจะออกไปในทางหงุดหงิดอยู่มาก
“รีบขอบคุณแล้วรีบกลับไป เข้าใจหรือไม่” ขันทีหวังกงกงไม่วายกำชับเสียงเข้ม
สาวน้อยชิงชิงก้มหน้าก้มตาเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าพระเอกนั่งอยู่ตรงหน้า นางถึงกับชะงักงันตะลึงค้างจนหวังกงกงต้องกระแอมไอเป็นการตักเตือน
“เอ่อ...ข้า...เอ๊ย...หม่อมฉัน...ขอ...ขอบคุณ...เอ๊ย...ขอบพระทัย...เจ้าค่ะ” ชิงชิงเอ่ยคำตะกุกตะกักร้อนรน แม้จะซักซ้อมคำพูดมาทั้งคืนแต่พอได้มาอยู่ต่อหน้าหนุ่มหล่อ นางกลับลืมคำพูดเหล่านั้นไปหมดสิ้นแล้ว
“ไม่เป็นไร หายดีแล้วหรือ” องค์ชายหนุ่มหล่อถามเสียงขรึม
“เกือบดีแล้วเจ้าค่ะ เอ๊ย...เพคะ” สาวน้อยยังคงพูดผิดๆถูกๆจนนางกำนัลหวั่นหลันใจตุ๊มๆต่อมๆ ด้วยเกรงว่าองค์ชายสิบจะโกรธจนพาลสั่งลงโทษนางไปด้วย
“ดี” องค์ชายเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้าโดยไม่เอ่ยคำใดออกมาอีก
หวังกงกงได้โอกาสจึงรีบไล่ต้อนชิงชิงออกไปจากห้อง แต่สาวน้อยหรือจะยอมพลาดโอกาสทองที่มีเพียงครั้งเดียว
หญิงสาวรีบคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังโป๊กก่อนจะก้มหัวเอ่ยคำขอร้องออกมาอย่างที่ซักซ้อมเอาไว้
“หม่อมฉันขอพระเมตตาได้โปรดให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ด้วยเถิดเพคะ หม่อมฉันตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องพ่อแม่ ชีวิตยากลำบากขัดสนนัก ต้องโดนป้าข้างบ้านใจร้ายจิกใช้เยี่ยงแรงงานทาส วันวันไม่เคยได้กินอิ่มสักมื้อ แถมยังถูกเฆี่ยนตีหากขายของได้น้อย ในเมื่อองค์ชายมีเมตตาช่วยเหลือข้าน้อยเอาไว้แล้ว ได้โปรดเมตตาชุบเลี้ยงให้ข้าน้อยได้มีที่อยู่ที่กินอยู่ที่นี่ด้วยเถิดเพคะ จะใช้งานเป็นวัวเป็นม้าหรือให้ทำงานใดข้าน้อยจะอดทนทุกอย่างไม่มีเกี่ยงงอนแม้แต่น้อย ขอองค์ชายเมตตาข้าด้วย”
ชิงชิงพูดรวดเดียวได้อย่างลื่นไหลโดยมีน้ำตาประกอบเป็นสายดั่งชีวิตที่ผ่านมาช่างน่ารันทดนัก แม้แต่หวังกงกงซึ่งได้ฟังยังนิ่งค้างไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามด้วยความสงสาร
องค์ชายหมิงเล่อเงยหน้ามองร่างเล็กบนพื้นอย่างชั่งใจ ความจริงการรับนางกำนัลสักคนในตำหนักไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ แต่สาวน้อยนางนี้ไม่มีที่มาที่ไป จู่ๆจะขอเข้ามาอยู่รับใช้นั่นช่างน่าคิดนัก
บางทีนางอาจจะเป็นสายของผู้ใดสักคนซึ่งแสร้งส่งมาสืบข่าวก็เป็นได้
นางกำนัลหวั่นหลันเห็นสายตาลังเลใจขององค์ชายหนุ่มจึงคุกเข่าลงเพื่อออกคำรับรองช่วยเหลือสาวน้อย
“หม่อมฉันจะคอยดูแลควบคุมนางเองเพคะ หากนางทำผิดพลาดหรือทำตัวมีปัญหา หม่อมฉันจะจัดการโดยไม่ปรานีเพคะ”
ชิงชิงรู้สึกขอบคุณพี่หลันที่ช่วย แต่คำพูดต่อมาไยช่างน่ากลัวนัก
“ได้ ให้เจ้าจัดการ” องค์ชายหมิงเล่อกล่าวเพียงเท่านั้นแล้วไม่ใส่ใจสาวน้อยซึ่งยังนั่งน้ำมูกน้ำตาไหลอยู่บนพื้น
จนนางกำนัลหวั่นหลันจูงมือออกมา ชิงชิงยังคงงุนงงด้วยไม่เข้าใจในคำกล่าวขององค์ชาย
“องค์ชายทรงอนุญาตหรือไม่เจ้าคะ พี่หลัน”
“อนุญาตแล้ว เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ”
“เพียงคำว่า’ได้’ ก็คืออนุญาตแล้วหรือ”
“องค์ชายไม่ชอบพูดให้มากความ แค่คำว่า’ได้’คำเดียวก็คืออนุญาตแล้ว”
“หมายความว่าข้าได้อยู่ที่นี่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ เย้ๆๆๆๆๆ” ชิงชิงตะโกนอย่างดีใจจนนางกำนัลหวั่นหลันรีบพุ่งเข้ามาปิดปากแทบไม่ทัน
“เงียบหน่อย องค์ชายทรงงานอยู่ หากหวังกงกงออกมาจะเป็นเรื่องใหญ่ พวกเรารีบไปกันเถอะ” หญิงสาวผู้พี่ทั้งลากทั้งจูงสาวน้อยกึ่งวิ่งกึ่งเดินให้ออกห่างจากห้องขององค์ชายสิบ
“เอาล่ะ ในเมื่อองค์ชายอนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็คงต้องย้ายไปอยู่ที่เรือนของเหล่านางกำนัลฝึกหัด แต่เจ้ายังไม่เป็นงานใด อีกทั้งไม่มีชาติกำเนิดคงต้องค่อยๆฝึกฝนจากงานชั้นต่ำก่อน เข้าใจหรือไม่” นางกำนัลหวั่นหลันเอ่ยบอกสาวน้อยซึ่งเดินตามมา
“เข้าใจเจ้าคะ” ชิงชิงย่อมต้องรีบตอบรับว่าเข้าใจ แม้ใจจริงจะไม่เข้าใจว่างานชั้นต่ำเหล่านั้นคืองานใดบ้าง
