3.ยิ้มหวาน
หลังจากที่คุณชายน้อยให้เงินเธอมา เขาก็ยืนกรานว่าต้องการให้เธอเดินทางตามเขาไปที่คฤหาสน์โรสเบลเพื่อเริ่มงานในทันที บ้านของเธอและคฤหาสน์โรสเบลไม่ได้ไกลกันมากนัก ถึงอย่างนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาอาลีนก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางผ่านคฤหาสน์โรสเบล เพราะเธอกลัวว่าเรื่องราวที่ติดค้างในหัวใจจะเด่นชัดขึ้นมาอีกรอบ
“สบายดี..ไหมครับ”
เขาดูแตกต่างจากคุณชายน้อยที่เธอรู้จักอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านของบุคลิกภายนอก น้ำเสียงและแววตา ไม่มีดันเต้ที่แสนอ่อนโยนอีกแล้ว มีแต่คุณชายน้อยที่ดูเย็นชาและแข็งแรงจนไม่มีใครกล้ารังแก
“ค่ะ..ฉันสบายดี”
ที่จริงแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันไม่สบายเลยให้ตายสิ มันมีเรื่องราวแย่ๆ เต็มไปหมด แต่ฉันก็ไม่อยากจะหยิบยกชะตากรรมที่แสนรันทดของตัวเองขึ้นมาพูดคุยเพื่อให้บรรยากาศมันเสียเปล่าๆ
“อย่างนั้นเองสินะครับ”
มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นหรือที่ต้องเผชิญหน้ากับความเสียใจและความเจ็บปวด มีแค่เขาที่รอคอยเธอเพียงฝ่ายเดียวอย่างนั้นหรือ? เมื่อคิดเช่นนั้นในใจของดันเต้ก็เกิดความรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา เขากำมือแน่นและขบกรามเพื่อข่มอาการรวดร้าวในหัวใจ
ในสายตาของดันเต้ รอยยิ้มของท่านอาจารย์สวยงามมากที่สุด เธองดงามและเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน ความสวยงามที่มองดูกี่ครั้งหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่หยุดหย่อน เขาชอบเธอ..ชอบมากจนแอบเก็บไปเพ้อฝัน หลงรักจนไม่อาจห้ามใจและดันเต้คิดว่าเรื่องของเรามันคงจะดำเนินไปตามที่หัวใจของเขาต้องการ หากว่าเขาโตขึ้นและอายุมากขึ้นเขาอาจจะสามารถสารภาพความในใจกับท่านอาจารย์ออกไปแต่ยังไม่ต้องต้องรีบร้อนก็ได้ เรายังอยู่ด้วยกันอีกนาน..ตอนนั้นเขาคิดแบบนั้นจนเธอยื่นจดหมายลาออก
ทำไมกันล่ะ? เมื่อวานเรายังคุยกันว่าเราจะไปเที่ยวที่เมืองหลวงด้วยกันอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้เธอกลับจะจากเขาไป..เมื่อได้ลองนึกย้อนกลับไป ดันเต้พบว่าท่านอาจารย์และพี่ชายของเขามีความสนิมสนมกันมากพอสมควร เขาไม่ได้อยากจะคิดแบบนี้แต่การลาออกของท่านอาจารย์จะต้องมีสาเหตุมาจากท่านพี่แน่ๆ
ท่านแม่ของเขารักท่านพี่มากกว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามท่านแม่จะยกให้ท่านพี่ก่อนเสมอ ท่านแม่คงจะเป็นคนทำให้ท่านอาจารย์ต้องลาออกแน่ๆ เลย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงพยายามเปลี่ยนตัวเอง เขาต้องหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อที่วันหนึ่งพอเธอเดือดร้อนเขาจะได้ยื่นมือเข้าไปช่วยและทำให้เธอเป็นของเขา..
และแล้ววันนั้นก็เดินทางมาถึง
“เจ้ารู้รึเปล่าว่าสาวใช้ส่วนตัวนั้นต้องทำอะไรบ้าง”
มันไม่ได้น่าแปลกใจที่เขาเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกชื่อของเธอ ในยามนี้เธอไม่ใช่ท่านอาจารย์ของเขาแต่ทว่าเธอเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเขาต่างหาก เงินเธอก็รับของเขามาแล้ว เพราะแบบนั้นจากนี้ไปอาลีนตั้งใจว่าจะทำงานให้ดีให้สาสมกับค่าจ้างที่นายน้อยจ่ายมาล่วงหน้า
ไม่มีคุณชายน้อยและท่านอาจารย์อีกแล้ว มีแค่นายท่านและสาวใช้..
“ฉันพอจะรู้เกี่ยวกับหน้าที่นั้นอยู่บ้างค่ะ นายน้อยไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
ก่อนหน้านี้เพราะสมัครงานเป็นอาจารย์สอนหนังสือตามตระกูลขุนนางไม่สำเร็จ ฉันจึงตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับการทำงานเป็นสาวใช้ สาวใช้เองก็มีหลายระดับ และงานที่ฉันหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือการเป็นสาวใช้ส่วนตัวเพราะจะต้องดูแลใกล้ชิดกับเจ้านายมากที่สุด แต่กับ..นายน้อยดันเต้มันคงไม่เป็นอะไร เพราะว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็ก เธอยังคงเชื่อมั่นว่าภายใต้ใบหน้าที่เย็นชาของเขานั่นมันจะมีความอ่อนโยนเหมือนกับในตอนที่เขาอายุสิบห้าอยู่
“ท่านต้องการให้ฉันเขียนหนังสือสัญญาไหมคะ เกี่ยวกับการทำงาน..”
ดันเต้มองหน้าของอาลีนอยู่พักหนึ่ง เขาอยากจะจับเธอกดลงบนกำแพงนั้นแล้วกดแนบริมฝีปากลงไปตามที่ใจของเขาต้องการชะมัดเลย แค่เห็นหน้าเธอแค่ได้รู้ว่าเขาจะได้ครอบครองเธอเพียงผู้เดียว แค่เท่านั้นเขาก็มีความสุขจนแทบสงบสติอารมณ์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“เรื่องนั้นข้าไม่ต้องการหรอก แค่เจ้าสาบานว่าจะรับใช้ข้าแค่เท่านั้นก็พอ การเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้าไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์เพราะอย่างนั้นจงระลึกเอาไว้ในใจว่าผู้ที่จ่ายค่าจ้างของเจ้าคือข้า..เจ้าทำงานรับใช้และทำตามคำสั่งของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
เธอพอจะเข้าใจว่านายท่านดันเต้นั้น กำลังหวาดกลัวสิ่งใดอยู่
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะรับใช้นายท่านดันเต้เพียงผู้เดียวเท่านั้น..”
เมื่อเดินมาถึงคฤหาสน์โรสเบล สิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือการเข้าไปแนะนำตัวกับพ่อบ้าน ท่านพ่อบ้านส่งกุญแจห้องนอนของฉันมาให้มันคือห้องนอนส่วนตัวของสาวใช้ที่ชั้นสองเป็นชั้นเดียวกันกับห้องนอนของนายน้อยดันเต้ หน้าที่ของฉันคือการจัดเตรียมอาหาร เสื้อผ้า และทำความสะอาดห้องนอนของเขา
ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันจะพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแต่ว่านี่คงเป็นความโชคดีมากๆ ที่ฉันไม่ได้เจอท่านเดเมี่ยน เขาไปทำสงครามอยู่และคาดว่าเขาน่าจะกลับมาในอีกครึ่งปี อย่างน้อยฉันก็สามารถอยู่อย่างสบายใจไปอีกครึ่งปีโดยที่ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องหัวใจของตัวเอง
ฉันพยายามวิ่งหนีเขา แต่ทางที่ฉันวิ่งไปมันดันเป็นวนกลมซะงั้น สุดท้ายฉันดันต้องวิ่งกลับเข้ามาในโรสเบลอีกครั้งหนึ่ง..
“นายน้อยดันเต้อารมณ์ร้อนมากพอสมควร เพราะแบบนั้นกรุณาทำตามที่ท่านสั่งอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ”
ฉันพยักหน้าไปตามมารยาทถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจตรงที่พ่อบ้านบอกว่าดันเต้อารมณ์ร้อน? เด็กคนนั้นที่ฉันรู้จักเขาคือคนใจเย็นในแบบที่ใครมาทำร้ายยังไม่โกรธเลย
อะไร..ทำให้คนดีๆ อย่างดันเต้เปลี่ยนไปมากขนาดนั้นกันนะ
ฉันจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดเป็นชุดแม่บ้าน ก่อนจะเดินถือเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าไปในห้องนอนของนายน้อยดันเต้
ฉันไม่ลืมที่จะเคาะประตูก่อน
“อาลีนเองค่ะ ฉันนำเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาให้”
ในห้องนั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงตอบรับเพื่อให้ฉันเดินเข้า
“เข้ามาสิ”
ฉันเปิดประตูเข้าไป และสิ่งที่เห็นคือดันเต้ที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เขากำลังมองหน้าฉันราวกับว่ากำลังโอ้อวดร่างกายที่แสนสมบูรณ์แบบของตัวเองให้ฉันดูชม และนี่มันราวกับผลงานชิ้นเอกของจิตรกรชื่อดัง เขามีเส้นผมสีเหลืองทองที่มันหยักศกเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาปานพระเจ้าทรงปั้นและรูปร่างที่งดงามราวกับคนที่ออกกำลังกายมาอย่างหนัก
ทว่าที่เขากำลังทำเช่นนี้ เขาคาดหวังให้ฉันตกใจหรือว่าหน้าแดงอย่างนั้นหรือ?
ฉันส่งยิ้มให้เขา มันคือรอยยิ้มที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการเปลือยเปล่าของเขาแม้แต่นิดเดียว เขาคงกำลังทดสอบฉันอยู่แน่ๆเลย ว่าฉันจะคิดเกินเลยกับเขารึเปล่า ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะนายน้อยเพราะว่าฉันไม่มีทางคิดเกินเลยกับท่านอย่างแน่นอน
“ให้ฉันไปเตรียมน้ำในอ่างให้เลยไหมคะ ท่านยังชอบอาบน้ำอุ่นอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า?”
รอยยิ้มของอาลีนมันงดงามละผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกตบที่หน้าแรงๆด้วยรอยยิ้มนั้น
นี่ไม่รู้สึกอะไรที่เห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของเขาเลยอย่างนั้นหรือ?
