บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เหตุแห่งความแค้น (ตอนต้น)

โรงน้ำชาแคว้นซุน

"นี่ๆ ได้ยินไหมท่านเสนาบดีหลี่แต่งอนุใหม่เข้าจวน"

" ใช่ๆข้าก็ได้ยินมาเหมือนกันได้ยินข่าวว่างดงามราวนางจิ้งจอก"

" ข้าว่าก็คงเป็นข่าวลวงที่หาแก่นสารไม่ได้กระมัง"

เสียงพูดคุยของชาวบ้าน ยังคงดังต่อเนื่อง อยู่ภายในโรงน้ำชา

ปี่...ปี่... เสียงแตรเสียงปี่ดังขับกล่อมตลอดสองข้างทาง ตามมาด้วยขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสีแดง มุ่งหน้าสู่จวนเสนาบดีหลี่

" ดูนั่น ดูนั่น ขบวนเจ้าสาวมาแล้ว"

" ข้าละอยากเห็นหน้า เจ้าสาวซะจริงเชียว ว่าจะงดงามดังคำเล่าลือหรือไม่"

จวนเสนาบดีหลี่

" อ้าว ดื่ม ดื่ม ดื่ม ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งของข้าในวันนี้ เชิญดื่มกินกันให้เต็มที่"

แปะ  แปะ

เสนาบดีหลี่ตบมือเพื่อเรียกสาวใช้ นำของว่างมาเสิร์ฟให้แขกภายในงานเลี้ยง

ผ่านไปแล้ว 1 ชั่วยามภายในห้องเจ้าสาวสี่เหนียงกำลังสอนสิ่งที่ควรทำให้แก่เจ้าสาวใหม่

แอ๊ดดด...ประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับเจ้าบ่าวในชุดแดงเดินโซซัดโซเซ กลิ่นตลบไปด้วยเหล้า หลังจากใช้ไม้เปิดผ้าคลุมเจ้าสาวแล้ว สี่เหนี่ยงก็เดินออกจากห้อง

หลังจากทั้งคู่ดื่มสุรามงคล ลู่เพ่ยก็ถูกเสนาบดีจับจูงมาที่เตียงนอน แล้วบรรจงถอดเครื่องประดับมากมายบนศีรษะ นิ้วมือค่อยๆเกลี่ยปอยผมที่ปกบนใบหน้า ก่อนจรดริมฝีปากที่สั่นระริกเพราะความกระสั่นใคร่ ลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว มือข้างค่อยๆปลดอาภรณ์บนกายของสาวงามออกทีละชิ้น เวลาผ่านไปไม่นานภายในห้องหอสีแดงก็คละคลุ้งด้วยอารมณ์ร้อนแรงของทั้งสองตลอดจนรุ่งสาง

เรือนบุปผา

"อาอิน.....ท่านพี่กลับมารึยัง"

"...คือ...ท่านเสนาบดีอยู่ที่เรือนพิรุณเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ ในขณะที่พูดยังคอยสังเกตนายหญิงของตนอย่างสั่นๆ ก่อนจะเห็นนายของตนขยำผ้าเช็ดหน้าแน่น ตนได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะเกรงจะทำให้นายหญิงของตนไม่พอใจ

" พวกเจ้าไปพักเถอะ...วันนี้ท่านพี่คงไม่มา ข้าเองก็จะนอนแล้ว"

ใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก แต่ใครจะรู้ว่าภายนอกที่เรียบเฉย แต่ภายในกลับร้อนลุ่มจนแทบอยากจะฉีกอกใครสักคน

วันเวลาผ่านไป 1 เดือน เสนาบดีหลี่ยังคงนอนค้างที่เรือนพิรุณ ใครๆต่างก็พูดกันว่า "ลู่อี๋เหนียงช่างโชคดีนัก! " เป็นที่โปรดปราณของท่านเสนาบดี

กลางดึกสงัดความเงียบคืบคลานภายในจวนเหล่าบ่าวรับใช้ชายและหญิงต่างพากันกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานในวันใหม่ก่อนฟ้าสาง ซึ่งแตกต่างกับเรือนบุปผาในเวลานี้ ที่ถึงแม้แสงเทียนจะถูกดับไปแล้ว แต่ภายในห้องยังคงพอมองเห็นบุคคลในชุดดำสนิทที่มีผ้าโผกปิดศีรษะและใบหน้า โผล่ให้เห็นเพียงดวงตาคมด้านหลังสะพายดาบคู่เป็นรูปกากบาท รอบกายแผ่รังสีเย็นเยียบที่ใครพบเห็นต่างรู้สึกหวาดกลัว กำลังนั่งคุกเข่าลงพื้นอีกข้างตั้งชันแขนขวาวางพาดกับเข่าข้างที่ชัน ส่วนแขนอีกข้างลู่ตรงข้างลำตัว บ่งบอกว่าตัวเขานั้นพร้อมรับฟังทุกคำสั่งของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้

ปึก..!

...หญิงสาวโยนห่อยาให้ชายหนุ่มในชุดดำ...."ข้าต้องการให้นางให้กำเนิดบุตรไม่ได้!"

พรึบ! ชายชุดดำหายออกจากห้องนอน ทิ้งไว้เพียงสายลมอุ่น

เรือนพิรุณ

"ลู่อี๋เหนียง ....จะรับอาหารเช้าเลยรึไม่เจ้าคะ"

"อืม" ลู่เพ่ย แต่ไหนแต่ไรมาก็พูดน้อย ยิ่งหลังจากแต่งให้เสนาบดีหลี่ ก็มักเงียบครึมระมัดระวังตัวและคำพูดอยู่เสมอ

วันนี้อาหารที่ยกมามี 2 อย่างซึ่งลู่เพ่ยก็ไม่ติดใจอะไร ยังคงเป็นผัดผักและเต้าฮู้เช่นเดิม ผัดผักแทบจะเรียกว่าเศษผักน่าจะเหมาะกว่า เพราะเรือนพิรุณโดนกลั่นแกล้งและบีบคั้นจากทางฮูหยินเอก ถึงแม้จะบอกว่าท่านเสนาบดีหลี่โปรดปราณ ลู่อีเหนียง แต่ด้วยความที่ท่านเสนาบดีไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือน ทำให้เอาผิดหรือคอยช่วยสิ่งใดไม่ได้ บางครั้งเจามอมอคนสนิทก็อ้างเหตุผลว่าลู่อี๋เหนียงประพฤติตัวไม่เหมาะสมไม่ให้เกียรติฮูหยินเอก มาตบสั่งสอนอยู่บ่อยครั้ง พอท่านเสนาบดีถาม หลี่ฮูหยินมักจะอ้างว่า

" น้องลู่เพ่ย ไม่สบายเป็นลมอยู่บ่อยครั้ง จนล่าสุดล้มกระแทรกขอบพื้น ตนเป็นห่วงจึงส่งเจามอมอมาคอยดูแล"

หลี่ฮูหยินมักหาข้อแก้ตัวได้ทุกครั้งไป และมักจะทำเป็นอ่อนโยนต่อหน้าทุกคนเสมอ จึงทำให้ท่านเสนาบดีหลี่หลงเชื่อทุกครั้งไป

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน..ผัดผักที่ส่งมาไม่ใช่มีเพียงแค่เศษผัก.....แต่!  ยังคงมีตัวยาชนิดนึงที่ผสมอยู่ในน้ำผัก ยาชนิดนี้ผู้ที่ทานจะมีอาการอ่อนเพลียคล้ายคนจะเป็นลมอยู่บ่อยครั้งและจะมีอาการปวดรอบเดือนมากกว่าปกติ รวมถึงเลือดที่ออกเยอะมากเกินไป และที่หนักกว่านั้นคือ ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ และจะตายภายใน 10-15 ปี ยานี้มีส่วนผสมของชะมดเชียง และหญ้าไร้ลูก เมื่อนำมาให้หญิงสาวทานจะทำให้หญิงสาวนางนั้นไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ เป็นยาชั้นต่ำที่เหล่าหอคณิกามักใช้กับหญิงงามภายในหอ ป้องกันมิให้เราหญิงงามท้อง

ลู่เพ่ยหลังจากตักอาหารขึ้น ในขณะที่กำลังจะตักใส่ปากก็ได้กลิ่นยาสิ้นทายาทจางๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่ยังไม่เดินทางไปวัดร้างลู่เพ่ยคงทานยานี้โดยที่ไม่รู้ตัว แต่หลังจากที่ลู่เพ่ยพบกับผู้มีพระคุณที่วัดร้างโดยบังเอิญ 

ที่นอกจากจะเปิดพลังวิญญาณที่ถูกผนึกและยังสอนหลอมโอสถ ตลอดสองปีที่ผ่านมาลู่เพ่ยไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้เลยสักครั้ง แต่ยิ่งพลังจิตวิญญาณหลอมโอสถเพิ่มมากเท่าไร พลังปราณในกายที่มีน้อยนิดในตัวยิ่งถูกดูดออกไปเพิ่มพลังจิตวิญญาณมากขึ้นเป็นเท่าตัว

จากเดิมเคยมีปรานขั้น 3 พอพลังวิญญาณเพิ่มมากขึ้นก็เหือดแห้งจนแทบจะไม่เหลือพลังปรานใกล้เคียงขั้น 1 อีกเลย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ลู่เพ่ยก็ยังคงรอดจากยาพิษสิ้นทายาทอย่างง่ายดาย

ผ่านมา 3 เดือน

"ยินดีกับท่านเสนาบดีด้วยขอรับ ลู่อี๋เหนียงตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนแล้วขอรับ"

เพล้ง! เพล้ง!

เสียงเครื่องเคลือบหลายสิบชิ้นยังคงแตกต่อเนื่องหลังจากข่าวการตั้งครรภ์ของลู่อี๋เหนียงทราบถึงเรือนบุปผา

สารเลว! อีนังแพศยา! กล้าดียังไง.

เพล้ง!

เพล้ง!

"อาฟง" เสียงตะโกนดังแสบแก้วหูที่ใครได้ยินจำต้องเอามือปิด

พรึบ! หลังสิ้นเสียงเรียก บุรุษชุดดำโผล่มาจากความว่างเปล่า

เพี้ยะ!..เพี้ยะ!

"สารเลว!....งานแค่นี้ยังพลาด"

"เป็นข้าน้อยประมาท...ไม่คิดว่านางจะมีความสามารถทางด้านสมุนไพร"

"หมายความว่ายังไง"

"เรียนนายหญิง....ข้าน้อยหลังจากพยามวางยานางหลายครั้ง ก็สังเกตเห็นนางหลบเลี่ยงยาพิษที่วางได้ในทุกครั้ง"

"จนมีครั้งนึง....ข้าน้อยมั่นใจว่านางทานยาพิษเข้าไปแล้ว"

แต่......!!!

"แต่อะไร"

"ข้าน้อยเห็นนางนำสมุนไพรบางตัวขึ้นมาทานเพื่อต่อต้านฤทธิ์ยา"

"ข้าน้อยคิดว่า ไม่มีสมุนไพรใดสามารถถอนพิษได้ จึงคิดว่านางคงแค่อยากยืดชีวิตไว้สักเค่อ อาจจะเป็นพวกสมุนไพรชะลอพิษ ข้าน้อยจึงกำลังจะถอยจากสังเกตการณ์ เพื่อกลับมารายงาน ให้นายหญิงทราบ"

"แต่ในระหว่างที่จะถอนตัว ข้าน้อยเห็นลำแสงสีเขียวออกมาจากห้องพักของนาง"

"ด้วยข้าน้อยพยามเข้าใกล้แสงนั้นแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้"

"ข้าน้อย คิดว่านางคงเป็นผู้ใช้พลังจิตวิญญาณ ที่หลงเหลือจากการปิดผนึกของนครกลางหาวเมื่อ 20 ปีที่แล้วแน่ๆ"

"ผู้ใช้พลังจิตวิญญาณ งั้นเหรอ"

"เจ้าจะบอกเราว่า นางคือคนจากนครกลางหาวงั้นสินะ"

"มีความเป็นไปได้ถึง 9 ในสิบส่วนขอรับ"

หึ! หลี่ฮูหยินส่งเสียงในลำคอก่อนจะสะบัดอาภรณ์หย่อนกายลงนั่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel