บทที่ 6 เหตุแห่งความแค้น (ตอนจบ)
"หาก...เป็นจริงดังที่เจ้ากล่าวมา"
"มิเท่ากับว่า มันเหยียบอยู่บนหัวของข้าอยู่รึ แล้วตำแหน่งเมียเอกจะยังคงอยู่ที่ข้ารึไง มิต้องรอให้ท่านพี่ประเคนตำแหน่งให้มัน หากฝ่าบาททรงทราบมิแคล้วเอามันขึ้นหิ้งแล้วส่งราชโองการลงมาเลยรึยังไง"
"ถึงจะเห็นแก่หน้าท่านพ่อมิปลดข้าลงจากตำแหน่งฮูหยินเอก แต่ไม่แคล้วมันคงได้ขึ้นเป็นผิงชี" (เมียอีกคนที่มีฐานะเทียบเท่าเมียเอก เพียงแต่ก็ยังคงต่ำกว่าเมียเอกอยู่ขั้นนึง)
ปึก! เพล้ง!
"อีนังแพศยา ก็แค่ลูกบุญธรรมถูกทิ้งของพ่อค้า สะเออะมาเทียบข้า อีนังชั้นต่ำ"
เพล้ง!
หลี่ฮูหยินยังคงกวาดเครื่องเคลือบทิ้งอย่างต่อเนื่องพร้อมสบถถ้อยคำหยาบคายมากมาย
หลี่ฮูหยินแต่เดิมเป็นบุตรตรีคนรองของจวนกั้วกงโหวขุนนางภักดีสามรัชสมัยที่ถูกประทานยศเป็นกั้วกงโหว ทำให้หลี่ฮูหยินหรือ หนิงฮุ่ยเจินยิ่งทะนงคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าใครๆ
และมักจะดูถูกผู้อื่นเสมอ มิเว้นแม้กระทั้งน้องสาวฮูหยินรองของตน หลี่ฮูหยินก็รู้สึกรังเกียจในชาติกำเนิดของนางที่เป็นเพียงบุตรอนุ มิอาจเทียบเคียงตนที่เป็นบุตรฮูหยินเอก มีศักดิ์และศรีมากกว่าพวกลูกเมียน้อย
แต่หลี่ฮูหยินมักจะแสดงใบหน้าแห่งความเมตตาให้ผู้อื่นพบเห็นเสมอ และมักทำตัวมีน้ำใจอารีย์ ทั้งที่ในใจตรงข้ามสิ้นเชิง
คนภายนอกจึงเห็นเพียงหลี่ฮูหยินผู้โอบอ้อมอารีย์ เพียงเท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่าฉากหน้าที่แสนงดงามจะอาบยาพิษมากมาย
หลังจากแต่งเข้าตระกูลหลี่ ของเสนาบดีกรมคลังได้ หลี่ฮูหยินก็ใช้ "อาฟง!! ..วางยาอนุทุกนางในจวน ทำให้ไม่มีใครสามารถกำเนิดบุตรให้ท่านเสนาบดีได้
บางรายที่ริลองดี แอบรู้แอบเห็น ก็ถูกกำจัดเงียบๆ ทำเป็นฆ่าตัวตายเพราะตัดพ้อน้อยใจ พร้อมกับจดหมายปลอมๆที่เขียนขึ้น
เนื่องจากเสนาบดีหลี่เป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็ว ทำให้ไม่ได้สนใจพวกอนุที่ตายไป
เขามักคิดเสมอว่า ก็แค่นางบำเรอ ตายไปก็แค่รับเพิ่ม คดีอนุในเรือนตายจึงคร้านจะใส่ใจ
จนหลี่ฮูหยิน ให้กำเนิดบุตรชาย 1 คน และถัดมากอีก 5 ปีก็กำเนิดบุตรสาว ทำให้ตำแหน่งฮูหยินเอกมั่นคงตลอดมา
จนกระทั้ง 18 ปีให้หลังด้วยอายุที่มากขึ้น ถึงความสาวยังคงอยู่ แต่คงมิอาจมัดใจหนุ่มฉกรรจ์ อายุต้นเลข 4 แต่ยังคงความองอาจ สง่างาม และหนุ่มแน่นด้วยใบหน้าราวเด็ก 20 ต้นๆ ของเสนาบดีหลี่ได้
เพราะด้วยเสนาบดีได้พาอนุคนใหม่ที่งดงามดุจนางจิ้งจอกสวรรค์ ผิวขาวดุจทารกแรกเกิดเข้ามาภายในจวน
วินาทีแรกที่หลี่ฮูหยินได้พบดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้น ก็ทำให้เกลียดเข้าสู่ก้นบึงหัวใจ. เพราะดวงตาคู่นั้น มันทำให้คนรู้สึกลุ่มหลงมัวเมาจนแทบจะถอนตัวไม่ได้
หลังจากนั้นมาหลี่ฮูหยินก็ใช้แผนเดิมแบบที่ใช้มาทุกที คือให้ "อาฟง!" องค์รักษ์เงาที่บิดามอบให้วางยาเช่นเดิม
แต่มิคิดว่าจะผิดพลาดเช่นนี้ ยาที่วางไม่ได้ผล นังแพศยาลู่เพ่ยมิได้กิน "ครั้นจะฆ่าให้ตาย ตอนนี้คงมิทันการณ์แล้ว! "
เพราะนอกจากจะทำไรมันไม่ได้ตรงๆแล้ว ยังเสี่ยงทำให้ท่านพี่ทราบเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในจวนด้วย
หลี่ฮูหยินถึงกับใบหน้าแดงจัดด้วยความเดือดดาล
"แต่เดี๋ยวนะ......เหมือนข้าเคยได้ยินข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เกี่ยวกับยาอะไรสักอย่าง..เจ้าทราบรึไม่"
ชายชุดดำนิ่งคิดอยู่นานจนนึกได้และตอบหลี่ฮูหยินออกไป
" เป็นยาเม็ดดับวิญญาณขอรับ! "
" มันเป็นอย่างไร ไหนว่ามาสิ"
หลี่ฮูหยินที่บัดนี้อารมณ์คงทีแล้วกลับมานั่งอย่างสงบที่เก้าอี้ ถึงใจอยากจะยกชาจิบเพียงใดก็ทำมิได้ เพราะตนได้ขว้างทิ้งไปจนหมดแล้ว
จึงให้อาอิน สาวใช้คนสนิทมาทำความสะอาดและผลัดเปลี่ยนชุดป้านชาชุดใหม่ พร้อมอนุญาตให้ อาฟง หรือชายชุดดำลุกขึ้นเพื่อเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับยาเม็ดดูดวิญญาณ
"ขอบคุณ นายหญิง"
ชายชุดดำน้อมกายขอบคุณและลุกขึ้นเล่ารายละเอียดที่ตนรู้ออกมา
"ข้าน้อย! ทราบมาว่าหมอปีศาจแห่งขุนเขาหมื่นราตรี มีพลังวิญญาณและปราณที่สูงส่ง เขาสามารถหลอมโอสถวิเศษขึ้นมาได้จากการทดลองจับชาวนครกลางหาวมาลองยา เพื่อดึงพลังวิญญาณที่หนาแน่นออกจากกายพวกเขาให้มาเป็นของตน"
"จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!! "
"แต่เหมือนการจะใช้ยานี้ได้นั้น จำต้องถ่ายเลือดของผู้มีปราณหนาแน่นเข้าสู่กายของผู้มีพลังจิตวิญญาณเปี่ยมล้น และผู้มีพลังวิญญาณจะต้องมีพลังมิต่ำกว่าระดับ 3!!"
" มิหนำซ้ำหากเป็นผู้ใช้จิตวิญญาณสายอาคม ผู้ผูกเลือดจะโดนอาคมสะท้อน ทำให้ปรานจากผู้มีพลังปรานถูกถ่ายเทให้ผู้ใช้จิตวิญญาณสายอาคมแทน"
"แต่หากเป็นผู้ใช้จิตวิญญาณสายหลอมโอสถ พวกเค้าจะเปาะบางและไม่มีอาคมสะท้อน จึงทำให้พลังวิญญาณถูกดูดมาโดยง่าย"
"ด้วยยาตัวนี้มีข้อเสียที่ร้ายแรงยากจะแก้ไขหรือรักษา คือยาตัวนี้หากใช้กับผู้ใช้จิตวิญญาณหรือผู้ใช้ปรานในขณะตั้งครรภ์ ยานี้ จะส่งผลโดยตรงทำให้บุตรในครรภ์ต้องพิษ ตัวจะดำจนน่าเกลียด บ้างก็ว่าอาจดำกว่าถ่านที่กำลังลุกไหม้ในเตา"
"แต่ที่แย่กว่านั้น เพราะพิษยาดับวิญญาณ ทำให้เส้นปรานที่ควรมีปรานเติมเต็มหรือขุมพลังวิญญาณที่หล่อเลี้ยงเส้นปรานพิเศษที่บ่งบอกธาตุผู้ถือครอง!! ภายในร่างถูกดูดออกทำให้เหือดแห้ง จึงกลายเป็นขยะไร้ค่า ที่มิสามารถแม้แต่จะฝึกปรานได้หรือเปิดผนึกจุดตันเถียรได้"
"มีเพียงทางเดียวที่จะรักษาได้ นั้นคือธาราสววรค์ 12 ชั้นในมิติ"
"ตำนานกล่าวว่า มิติธาตุจะกำเนิดมาคู่กับผู้ถูกเลือก ห้าร้อยปีจะปรากฏเพียง หนึ่งถึงสองคนเท่านั้น"
"และใช่ว่าทุกคนจะมีธาราสวรรค์ 12 ชั้น"
"ในแคว้นซุนเรานั้น มีผู้ใช้มิติธาตุ เพียง 1 และเท่าที่ข้าน้อยได้ยินมา เหมือนในมิติของเขามีเพียง วารีพิสุทธิ ที่ขึ้นเป็นบ่อน้อยเพียงเท่านั้น "
วารีพิสุทธินั้นจะสามารถเพียงนำมาเป็นส่วนผสมในการปรุงยาที่ทำให้ประสิทธิภาพมากขึ้นเพียงเท่านั้น แตกต่างจากธาราสวรรค์ 12 ชั้น ที่นอกจากจะสามารถแช่กายเพื่อชะล้างเส้นเอ็น และเปิดปรานพลังจิตวิญญาณได้แล้ว ยังสามารถสร้างตันเถียรใหม่แทนของเดิมที่เสียหายได้ รวมถึงสรรพคุณอันมากล้นที่มิมีบันทึกในตำราบรรพกาล ก่อนจะหายสาบสูญเมื่อ 20 ปีก่อน(เหตุการณ์มิติปิดตาย ที่นครกลางหาวตัดขาดจากโลกเบื้องล่าง)
"แล้ว! เจ้ารู้เรื่องภายในมิติของท่านผู้นั้นได้เยี่ยงใด ...มันล้วนเป็นความลับมิใช่รึ"
" ข้าน้อยทรายโดยบังเอิญขอรับ"
" เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโรคระบาดทางเหนือ ท่านนักพรตเมิงมอบน้ำวารีพิสุทธิ์ให้กับฮ่องเต้ให้พระองค์ เพื่อมอบให้เหล่าหมอหลวงนำไปปรุงโอสถรักษาชาวบ้าน เนื่องจากผู้หลอมโอสถมีน้อยนิด ทำให้ยาเม็ดที่หลอมไม่เพียงพอกับผู้ป่วย จึงจำเป็นต้องนำน้ำวารีพิสิทธิ์ผสมเพิ่ม เพื่อผลลัพธ์ที่มากขึ้น "
"พอละ .....ลองไปสืบมาว่านางเป็นผู้มีพลังจิตวิญญาณสายใด"
"อินเออร์...ส่งจดหมายไปให้ คุณชายใหญ่! ที่สำนักจันทร์กระจ่างให้รีบเดินทางกลับบ้านด่วน"
" และทางฝั่งคุณหนูรองละเจ้าคะ "
" ยังไม่ต้อง! ออกไปได้แล้ว"
" เจามอมอ!...ส่งคนไปหายาเม็ดดับวิญญาณมา และจงหาคนไว้ เอาที่คล้ายผู้หลอมโอสถ........ถึงเวลาคนผู้นั้นจะมีประโยชน์"
"บ่าวจะรีบจัดการเจ้าคะ"
"เพียงไม่กี่วัน ฟง! ก็สืบข้อมูลได้ตามที่หลี่ฮูหยินต้องการ"
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ได้ยินเพียงสองคนดังที่ข้างหู หลี่ฮูหยิน " เป็นผู้หลอมโอสถ ขอรับนายหญิง"
"ดี! สวรรค์ช่างเข้าข้างเราโดยแท้"
"เตรียมการให้พร้อม หลังจากเจามอมอกลับมา เราจะเริ่มทันที"
"ขอรับ"
2 เดือนผ่านไป
" นี่ๆ พวกเจ้ารู้หรือไม่ ข้านะเคยเห็นลู่อี๋เหนียงหลอมโอสถด้วยนะ " เสียงสาวใช้แอบซุ่มคุยกันตรงทางพุ่มไม้ราวกับต้องการให้ผู้ผ่านทางที่มาได้ยิน
" เจ้าคงตาฝาดเป็นแน่....ผู้หลอมโอสถได้แทบจะนับด้วยนิ้วได้เชียวนะ!
" หากเป็นดังเจ้าว่า ลู่อีเหนียงคงจะได้เป็นถึงฮูหยินรองแน่ๆ"
นายทหารประจำตัวเสนาบดีหลี่ที่แอบฟังอยู่คู่ใหญ่จึงนำความไปแจ้งแกผู้เป็นนาย
" เป็นจริงดังเจ้าว่ามารึ"
"ขอรับ นายท่าน! ดี! ดี!"
"เรียนนายท่าน หลี่ฮูหยินขอพบขอรับ ตอนนี้รออยู่ด้านนอก แจ้งว่าต้องการหารือการสำคัญกับนายท่านขอรับ"
"ให้นางเข้ามา"
หลี่ฮูหยินเดินเข้ามาภายในห้องหนังสืออย่างช้าๆ ก่อนจะทำความเคารพเสนาบดีหลี่ และเดินมานั่งจิบชาที่โต๊ะตรงข้ามสามีอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากเรื่องสำคัญ
"ท่านพี่!! คงทราบแล้วเรื่องที่...น้องเพ่ยเอ๋อเป็นผู้หลอมโอสถ" หลี่ฮูหยินเอ่ยช้าๆพลางสังเกตสีหน้าสามีไปด้วย
" ได้ยิน! มาบ้าง แต่เป็นจริงประการใดพี่ไม่มั่นใจนัก"
" น้องลองตรวจสอบมาแล้วเจ้าคะ เรื่องนี้เป็นจริงแน่นอน นับเป็นข่าวดีของตระกูลเราเหลือเกินนะเจ้าคะท่านพี่"
"ดี ดียิ่งนัก "
เสนาบดีได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมากตัดสินใจ จะให้ลู่อี๋เหนียงขึ้นเป็นฮูหยินรอง ฮูหยินเอกจึงให้เหตุผลไปว่าทำไมเราถึงไม่ให้พลังวิญญาณนั้น มาอยู่กับบุตรชายของเราเพราะอย่างไรเสียเขาก็สามารถทำให้วงศ์ตระกูลเจริญได้ ผิดกับฮูหยินรองที่อยู่ได้แค่ในบ้านไม่สามารถนำเกียรติยศมาให้กับตระกูลได้
ไม่นานท่านเสนาบดีหลี่ก็สามารถเสาะหายาเม็ดดับวิญญาณ จากผู้หลอมโอสถลึกลับมาได้ แต่ผู้หลอมโอสถมิได้บอกถึงผลที่จะเกิดขึ้น บอกเพียงวิธีใช้เท่านั้น
จึงทำให้เสนาบดีหลี่ทราบเพียงการดึงพลังออกจากร่างกาย..แต่มิได้ทราบถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดกับบุตรในครรภ์
เรือนบุปผา
"น้องหญิง พี่ได้ยามาแล้ว" เสนาบดีหลี่ยื่นห่อยาให้หลี่ฮูหยิน ซึ่งหลี่ฮูหยินทราบอยู่แล้วเพราะคนที่ขายยาก็ก็คือคนที่นางให้เจามอมอหามา ส่วนยานางก็เตรียมไว้อยู่แล้ว
เพียงรอให้เสนาบดีหลี่มาตามแผนเท่านั้น หลี่ฮูหยินแสร้งบีบน้ำตาเพื่อขอความเห็นใจให้ลู่เพ่ย สร้างภาพกลัวนางเจ็บไม่กล้าทำ
เสนาบดีหลี่ กล่าวปลอบภรรยารัก ก่อนที่ทั้งคู่จะหวนนึงถึงบรรยากาศเก่าๆ และภายในห้องยังคงกลิ่นกายของทั้งคู่ตลอดย่ำรุ่ง ก่อนเสนาบดีหลีจะมอบยาเพื่อฝากนางจัดการต่อ
7 วันให้หลัง
คุณชายใหญ่ หลี่เฟยหลง เดินทางมาถึงบ้าน ลู่อีเหนียงก็ล้มป่วยหนัก หลายคนได้ทราบเพียงเท่านี้ แต่จริงๆแล้ว!!!
อาหารมื้อนี้ลู่เพ่ยไม่ได้กลิ่นยาพิษเช่นปกติ และหลังจากตรวจสอบทุกอย่างแล้วไม่มีพิษ ลู่เพ่ยจึงตัดสินใจทานทันที
(พิษยาดับวิญญาณ สามารถทราบได้โดยเดินพลังปราณธาตุในกายกับพลังวิญญาณมาไว้บริเวณดวงตา จะสามารถมองเห็นพิษสีเขียวอมแดงที่อาหารได้ แต่ลู่เพ่ยสามาถทำได้เพียงตรวจสอบพื้นฐานโดยเข็มเงิน และนำให้หนูทานเท่านั้น ไม่สามาถเดินปราณตรวจผ่านดวงตาได้)
ใครจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเห็นเกินความคาดหมาย พิษที่โดนไม่สามารถตรวจพบและนอกจากนั้นภายในกายยังเย็นเยียบ เหมือนขุมพลังภายในกายถูกดูด แข็งขาอ่อนแรง แรงที่จะส่งเสียงยังทำไม่ได้
ผ่านไปชั่วจิบชา ฮูหยินเอกเดินเข้ามาพร้อมบุตรชาย และคนรับใช้ชายอีกสองคน ทำการจับลู่เพ่ยตรึงไว้กับเก้าอี้ ก่อนจะใช้ผ้าอุดปาก
เพี้ยะ !!
"ดี!! นักนะนังสารเลว"
"แกคิดว่าเป็นผู้ใช้โอสถแล้ว ฉันจะวางยาแกไม่ได้ใช่ไหม"
" วันนี้ ฉันจะทำให้แกทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น"
ว่าแล้วชายรับใช้ตรงไปกรีดข้อมือของลู่เพ่ยทันที ก่อนจะกรีดมือคุณชายใหญ่ ผ่านไป 1ชั่วยามแล้วทุกๆอย่างก็จบลง ลู่เพ่ยบัดนี้กรอบหน้าหมองคล้ำลง เหงื่อไหลตามแนวไรผม ใบหน้าที่เคยกระจ่างใสกลับหมองคล้ำราวหญิงชาวบ้านกรำงานหนักบาดแผลที่ข้อมือก็เจ็บเป็นพักๆ ลู่เพ่ยเพียงแค่ได้รับการพันแผลอย่างลวกๆ ปล่อยให้นอนที่เก้าอี้อย่างไร้สภาพใครเหลียวแล
ผิดกับ บุตรชายของหลี่ฮูหยิน ที่นอกจากจะไร้บาดแผลเพราะพลังจิตวิญญาณในกายรักษาบาดแผล หลี่ฮูหยินนำตำราหลอมโอสถส่งให้บุตรชายศึกษา
เนื่องจากพลังจิตวิญญาณของลู่เพ่ยอยู่ที่ขั้น 3 ระดับสูง เมื่อเฟยหลงขโมยมาและรวมเข้ากับปรานขั้น 4กลาง ทำให้พลังจิตวิญญาณรุดหน้าสู่ขั้น 4 กลางเช่นกัน ส่งผลให้เรียนรู้การปรุงโอสถได้อย่างรวดเร็ว
"ท่านแม่ ข้ารักท่านที่สุดเลยขอรับ" เฟยหลงถึงจะโตแล้วแต่ยังคงอ้อนมารดาทุกครั้ง ทำให้หลี่ฮูหยินหลงรักเป็นอย่างมาก และตามใจทุกสิ่ง"
"เป็นไงบ้าง หลอมยาได้บ้างรึยัง"
"ได้แล้วขอรับ เพียงแต่ตัวยาความ บริสุทธิ์ยังต่ำอยู่ขอรับ"
"พยามเข้านะหลงเอ๋อร์" หลี่ฮูหยินเอื้อมมือไปลูบศีรษะบุตรชายอย่างรักใคร่
นครกลางหาว
"ท่านพี่!!.....ช่วยเจินเอ๋อร์ของน้องด้วยเจ้าคะ"
"ลูกเป็นอะไรก็ไม่รู้ ร้องทรมาณมา 2 ชั่วยามแล้ว พอน้องแตะตัวลูกก็เย็นเยียบดุจน้ำแข็งก็มิปาน" กวนฮูหยินร้องไห้ฟ้องสามีอยู่ข้างๆ
"นายท่านกวนตรงไปหาบุตรชาย ก่อนจะใช้อาคมตรวจสอบเข้าไปภายในกายบุตรชาย และเห็นเส้นพลังสีเขียวอ่อนเชื่อมต่อดวงจิตสีเขียวเข้มของบุตรชาย "
ทันทีที่ตามเส้นพลังสีเขียวอ่อนไปจนพบภาพเลือนรางของบุตรสาวตนที่นอนหายใจรวยรินที่โลกเบื้องล่าง จะต่างตรงที่บุตรสาวมีสภาพแย่กว่า และนางตั้งครรภ์
หลังทราบสิ่งที่บุตรสาวโดนกระทำแล้วถึงกับเลือดขึ้นหน้า อยากลงไปช่วยบุตรใจแทบขาด
แต่จะเปิดมิติได้ต้องใช้พลังจิตวิญญาณเยอะมาก แล้วตอนนี้เขาสามารถทำได้เพียงส่งพลังช่วยยื้อชีวิตผ่านจิตผูกสายเลือด ของบุตรชายที่เชื่อมกันของทั้งสองนั้น โดยแบ่งความเจ็บทรมานทั้งหมดมาให้ตนและบุตรชาย ซึ่งฉางเจิน ผู้พี่ก็ยินยอมช่วยน้องสาวเต็มที่
หลังแบ่งเบาความเจ็บปวดผ่านจิตผูกสายเลือดแล้ว นายท่านกวนก็ได้ทราบว่าในท้องของบุตรสาวมีแฝดน้อยในครรภ์ แต่โชคร้ายแฝดหญิงในครรภ์กำลังอ่อนแรง ใกล้จะสิ้นใจนายท่านกวนตัดสินใจใช้วิชาต้องห้ามของผู้ใช้อาคม
อาคมเปลี่ยนจิตยืดอายุ โดยแลกกับอายุไขผู้ใช้ 500ปี รวมไปถึง 500ปีต่อจากนี้จะไม่สามารถใช้พลังได้
หลังจากบอกเรื่องราวต่างๆให้ลูกและเมียรู้แล้ว ก็เริ่มร่ายอาคมอย่างร้อนรน
ถึงกวนฮูหยินอยากห้ามแต่ทำไม่ได้เพราะเป็นทางเดียวที่บุตรสาวและหลานทั้งสองจะรอด
"เจินเอ๋อร์!! ดูแลแม่และตระกูลแทนพ่อ เจ้าจงเร่งฝึกวิชาเคลื่อนมิติ ถึงแม้จะเปิดมิติสู่เบื้องล่างไม่ได้ แต่มันมากพอจะแง้มเปิด ให้ส่งจ้านเหล่ยลงไปคุ้มครองน้องสาวเจ้า"
"ส่วนนี้!!! ......นายท่านกวนส่งหยกลายพยัคฆ์ขาวให้ (มันคือหยกอาคมป้องกันแก่กล้าที่สามารถสร้างโล่คุ้มครองผู้ใช้ได้ 1 ครั้งนานถึง 4ชั่วยาม และสามารถสะท้อนการโจมตีทุกแบบได้ แต่หลังใช้แล้วมันจะสลายไป)" จงมอบให้นาง...
หลังนายท่านกวนสั่งงานทุกอย่างแล้ว เขาได้ใช้วิชาเปลี่ยนจิตยืดอายุทันที
(คือส่งดวงจิตของร่างต้นไปฟื้นพลังยังภพอื่น และนำวิญญาณผู้อื่นมาสิงแทน(อนูวิญญาณที่อ่อนแรงในวัฏสงสาร) เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมดวงจิตที่แท้จริงของร่างจะกลับคืนสู่ร่าง หรือร่างต้นเมื่อบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก็คือ 7 ปีให้หลังที่น้องโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส)
จวนเสนาบดีหลี่
ลู่เพ่ยที่เหมือนผ่านประตูผีถึงจะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีใครช่วยตนให้รอดจากความตาย แต่ก็รับรู้ถึงความอบอุ่นในอก
##--------------------------##
##การใช้วิชาต้องห้ามเปลี่ยนจิตยืดอายุคะ ##
1. วิชานี้เป็นวิชาต้องห้ามระดับสูงสุด ผู้ใช้ต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งและจิตใจที่แน่วแน่คะ ที่สำคัญสุดพลังวิญญาณไม่ต่ำกว่าระดับสี่สูงสุดคะ
2. ดวงจิตที่ใช้สับเปลี่ยนนี้สามารถทำได้สองวิธีคะ คือหาดวงจิตใน วัฏสงสาร(การรอเวียนวายตายเกิด)แต่ต้องเป็นดวงจิตที่อ่อนแรงใกล้การดับสูญเท่านั้น
ซึ่งในที่นี้จะมีค่อนข้างมาก เพราะเป็นกลุ่มคนที่โดนจับไปทรมาน บางคนดวงจิตเสียหายจำต้องวนเวียนเพื่อรอฟื้นพลังบางส่วนจึงสามารถลงไปเกิดได้ และอีกส่วนที่ลอยล่องไม่สามารถเกิดได้และไปไหนไม่ได้ลอยเป็นอนูในวัฎสงสาร
(ซึ่งนายท่านกวนรวบรวมเศษวิญญาณตรงนี้คะ เพียงแต่อาคมของท่านสามารถยื้อเวลาได้เพียง 7 ปี เพราะร่างของเจียวมี่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งแต่เดิมดวงจิตนั้นก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ทำให้ถูกผลักออกจากร่างง่ายๆ ถ้ายังจำได้ ที่ไรท์เปิดปมตอนต้น ว่าทำไมร่างเจียวมี่จึงยังคงอุ่นอยู่ ทั้งที่ตายแล้ว เป็นผลของวิชานะคะที่ดึงดวงจิตจริงๆกลับคืนร่าง)
และส่วนอีกแบบคือต้องสละสามจิต 7 ดวงวิญญาณของตนใช้ทดแทนร่างที่จะอายุ โดยสละ 1 จิต(จะเป็นจิตใดก็ได้ เช่นจิตความรู้สึก,จิตประสาท หรือการมองเห็น การสัมผัส การดมกลิ่น การได้ยิน และการรับรส,จิตแห่งกาย หรือการเดินการนั่ง การนอน การวิ่ง หากเลือกสละจิตใดจิต 1 เพื่อทดแทน คนๆนั้นก็จะไม่สามารถทำกิจกรรมนั้นได้ หรือหากสละวิญญาณก็จะต้องกายเป็นคนวิปลาสคะ)
3. สำคัญสุด ผู้ใช้วิชาต้องห้ามจะถูกลดทอนอายุขัย 500 ปีเพื่อนำไปเป็นพลังให้ดวงจิตทดแทนสามารถอยู่ในร่างได้
ส่วนที่ว่าอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของพลังวิญญาณที่ใช้มา (แต่หากร่างต้นบาดเจ็บสาหัส ร่างจะผลักดวงจิตทดแทนออกแทน และดึงดวงจิตจริงกลับร่าง)
ส่วนดวงจิตที่เป็นอนูในวัฎสงสารที่ถูกผลักจะสามารถเดินทางไปเกิดใหม่ได้คะ เพราะอายุขัยที่ได้จากนายท่านกวน คล้ายกับมอบพลังชีวิตให้เค้าคะ ทำให้สามารถเดินทางไปเกิดได้
หลังจากดวงจิตถูกดึงกลับเจ้าร่าง ความทรงจำจะถูกถ่ายทอดทันที แต่ผลสะท้อนของวิชาจะกลับไปหาผู้ใช้วิชา ทำให้กลายเป็นคนไร้พลังไปอีก500 ปี(ผลจะดำเนินทันทีที่ดวงจิตแท้จริงกลับร่างคะ)
รวมๆแล้วความรักหลานของนายท่านกวนนั้นมากมายจริงๆคะ เสียสละตัวเองไป 1,000 ปีเต็มๆ
---------------
หากใครสงสัยทำไมนายท่านกวนตัดสินใจใช้วิชานี้ ####
คำตอบ: เพราะทารกในครรภ์ของลู่เพ่ยไม่สามารถทนกับสภาพร่างกายที่อ่อนแอของมารดาได้ ทำให้น้องเกือบจะตายในท้อง และหากน้องเจียวมี่ตาย น้องชายรวมสายสะดือก็ต้องตายคะ และด้วยสภาพที่มารดาโดนถ่ายเลือดจนซีดและโดนพิษ ถ้าเด็กๆในท้องตาย นางก็ตายคะเพราะนางไม่สามารถขับเด็กที่ตายออกจากท้องได้ อาจตายทั้งกลม นายท่านกวนจึงจำต้องรักษาชีวิต 3 แม่ลูกไว้ด้วยวิชาต้องห้าม
จะว่าโชคดีก็ดี โชคร้ายก็ใช่ ที่ตระกูลกวนนั้นบุตรที่เกิดพร้อมกันในครรภ์มารดามีเส้นสายพลังที่เชื่อมกันคะ(เฉพาะแฝดนะคะ)
ทำให้สามารถตามหาและแบ่งเบาความเจ็บปวดแก่กันได้ หรือดึงความเจ็บมาแทน ( เป็นเหมือนดาบสองคมนะคะ ถ้าขณะใช้พลังอีกคนตาย คนที่รับอีกฝั่งก็ต้องตายเช่นกันคะ)
เกล็ดความเข้าใจเพิ่มเติม
ถ้าถามว่าทำไมไม่เปิดมิติแล้วลงไปช่วยเลยหรือพากลับบ้าน
คำตอบ : พลังนายท่านกวนไม่พอคะ ทำได้อย่างมากแค่ใช้วิชาต้องห้าม เพราะได้เจียดพลังบางส่วนรักษาลู่เพ่ยแล้ว และดึงความเจ็บที่ลูกสาวได้รับมาใส่ตนกับบุตรชายแทนทำให้เสียพลังไป 2 ใน 10 ส่วน
นายท่านกวนจำต้องให้บุตรชายเนียนวิชาเคลื่อนมิติ เพื่อที่จะสามารถแง้มเปิดมิติปิดตายได้ 1 ถึง 2 เค่อ เพื่อให้องค์รักษ์ประจำตัวไปช่วยบุตรและหลาน
ส่วนจะฝึกได้ตอนไหนต้องรอลุ้นนะคะ
