บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 แม่และน้องชาย

หลังจากฟื้นเจียวซิ่นก็วิ่งกระหืดกระหอบจับจูงมารดาเข้ามา

“ท่านแม่ดูสิพี่ใหญ่ฟื้นแล้ว”

"มี่เอ๋อลูกแม่ ในที่สุดลูกก็ฟื้น" ฮืออออ

เจียวมี่มองหญิงวัยกลางคนที่แม้จะดูมีอายุแต่ยังคงงดงาม ในตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มองกี่ทีก็ชวนให้ลุ่มหลง

"ทานข้าวสักหน่อยนะลูกเดี๋ยวแม่ไปตักโจ๊กมาให้"  ผ่านไปสักพักก็มี ชามน้ำขุ่นๆที่แทบจะมองไม่เห็นเม็ดข้าว ยื่นมาให้

"ทานนะลูกจะได้หายไวๆ ไม่อิ่มแม่จะได้ตักให้ใหม่"

"ใช่ๆท่านพี่ต้องทานเยอะๆนะขอรับ จะได้หายไวๆพวกเราจะได้ไปหาของป่ากัน"

เจียวมี่ได้แต่โอดครวญในใจ หลังจากซดเข้าไปคำแรก อ๊าาากกกก ไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่าเลย. "ฮืออออ" (เสียงร่ำร้องในใจที่ใครบ้างจะได้ยิน แต่ภายนอกยังต้องรักษาหน้าตาให้คงเดิม ถึงแม้ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างจะคงคลอด้วยน้ำตา)

"เป็นอะไรไปลูก เจ็บตรงไหน ดูสิน้ำตาคลอเลย" ว่าแล้ว ลู่เพ่ยก็ค่อยๆเช็ดขอบตาลูกสาว ที่มีน้ำใสๆกลิ้งหล่น คนเป็นแม่ใจอ่อนยวบกลัวลูกรักจะยังคงเจ็บอยู่

เจียวมี่ซึ้งในความรักที่แม่มอบให้ได้แต่ปลอบตนเองอย่างน้อยในความโชคร้ายฉันยังมีแม่ที่ห่วงลูกยิ่งกว่าตัวเอง และน้องชายตัวน้อยที่คอยส่งกำลังใจให้อย่างสุดใจ

"ลูกนอนพักเยอะๆนะ อยากได้อะไรก็เรียกอาซิ่น แม่จะไปหาของป่ามาทำอาหารเย็น"

"อาซิ่น ดูแลมี่เอ๋อแทนแม่นะ แม่จะรีบไปรีบกลับ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน"

"ขอรับท่านแม่ พี่ใหญ่อยากได้อะไรอีกไหมขอรับ ...."

"ไม่แล้ว ขอบคุณมาก พี่ขอนอนพักสักครู่"

"งั้นซิ่นเอ๋อร์ไปรดน้ำต้นไม้ที่แปลงผักแล้วจะมาอยู่กับพี่ใหญ่นะขอรับ" ว่าแล้วเด็กชายตัวน้อยก็เดินไปที่แปลงผัก และตั้งใจรดน้ำพร้อมกับพรวนดินทีละแปลงๆ

"ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง ขืนเป็นแบบนี้ดูท่าคงได้อดตายแน่ๆ"

ตกเย็นย่างเข้ายามโหย่ว (17.00-18.59)มารดาที่เข้าไปเก็บอาหารป่า ก็ยังไม่กลับมา ทำให้อาซิ่น กังวลใจเป็นอย่างมาก ได้แต่เดินไปเดินมาอยู่บริเวณหน้าห้อง มือทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่น คิดแล้วคิดอีกว่าจะเข้าไปบอกพี่สาวดีหรือไม่

ลูเพ่ย ได้ยินเสียงคล้ายคนเดินไปเดินมาบริเวณหน้าห้อง จึงคิดว่าน่าจะเป็นลู่เจียวซิ่นที่เดิน  แต่เพราะอะไรทำไมจึงดูร้อนรนแปลกๆ เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น

"อาซิ่น ....เกิดอะไรขึ้น" เจียวมี่ตัดสินใจถามออกไป

พออาซิ่นได้ยินพี่สาวถามก็รีบผลักประตูเข้ามาทันทีก่อนจะวิ่งมาที่เตียงพี่สาว มือสองข้างกระตุกกอบกุมมือซ้ายของเจี่ยวมี่แน่น นัยน์ตาทั้งสองข้างคลอน้ำตาจวนเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ " พี่ใหญ่ ..... ทำยังไงดีท่านแม่ยังไม่กลับบ้านเลย นี่ก็ใกล้จะยามโหย่วแล้ว น้องกลัว แม่จะบาดเจ็บ ท่านแม่ไม่เคยกลับช้าเลยสักครั้ง จะกลับมาก่อนยามโหย่วทุกวัน แต่วันนี้ น้องรออยู่นานแม่ก็ยังไม่มา จะทำยังไงดีท่านพี่"

"น้องจะออกไปตามหาท่านแม่พี่ใหญ่ต้องดูแลตัวเองนะขอรับ"

" อาซิ่นจะไป ตามท่านแม่ที่ไหน"

" บริเวณชายป่าขอรับพี่ใหญ่ท่านแม่มักจะไปหาอาหารแถวนั้นเสมอ"

" พี่จะไปด้วย"

" แต่พี่ใหญ่ยังบาดเจ็บอยู่นะขอรับ"

" ไม่มีแต่... พี่มีน้องชายแค่เพียงคนเดียวจะปล่อยให้น้องไปคนเดียวได้อย่างไรถ้าอาซิ่นเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนพี่จะอยู่ยังไง"

ทั้งสองจับจูงมือกันเดินไปบริเวณชายป่าส่วนนอก ก็ยังไม่พบอะไร จนเจียวมี่สะดุดตาเข้ากับกิ่งต้นไม้นึงที่มีรอยเลือดและเศษผ้าขาดเกาะอยู่  เจียวมี่ยื่นมืออันสั่นเทาจับเศษผ้าที่ขาดขึ้นมาดู ได้แต่วนเวียนคิดในใจขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย

หลังจากที่เจียวมี่จับเศษผ้าขึ้นมาดู เจียวซิ่นที่อยู่ข้างๆก็แย่งเศษผ้าจากมือพี่สาวมาดู และร้องออกมาด้วยความตกใจ "ผ้าท่านแม่ เป็นผ้าท่านแม่ขอรับ พี่ใหญ่ " หลังจากพูดจบเจียวซิ่นก็ทำท่าจะวิ่งเข้าไปในป่า แต่ดีที่เจียวมี่ยึดแขนไว้ทัน

"ใจเย็นๆอาซิ่น ท่านแม่ต้องไม่เป็นอะไร" ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ใจกับไม่มั่นใจเอาซะเลย

ทั้งสองจับจูงมือกันแน่นเดินจับจูงพยุงกันและกันเข้าไปภายในป่าปีศาจ ความมืดเริ่มคืบคลาน หนทางข้างหน้าทั้งมืดและวังเวง ถึงจะหวาดกลัวเพียงไหนก็ยังคงต้องมุ่งหน้าเดินต่อไป

ฮูก! ฮูก! ฮูก!  ........เสียงเหล่าสัตว์กลางคืนเริ่มขับขาน ชวนให้วังเวงอยู่เป็นนิจ

แกร๊ก...กร๊อบ. ฝีเท้าที่เก้าเดินเหยียบกระทบใบไม้แห้งกับเศษไม้ใต้ฝ่าเท้า มีเพียงแสงจันทร์บางเบาที่ตกกระทบ ทำให้พอจะมองเห็นเลือนราง ถึงใจอยากจะย้อนกลับไปขอความช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะเดินมาลึกเกินไปเสียแล้ว

หลังจากสองพี่น้องเดินเข้ามาในป่าส่วนในประมาณ 1 ชั่วยาม ตอนนี้สองพี่น้องมองเห็นแสงสีขาวรางๆ ที่ข้างหน้ามันสะท้อนผ่านตาทั้งสี่ของเด็กทั้งสอง  " พี่ใหญ่ ......ทางโน้นขอรับ" เจี่ยวซิ่นชี้มือไปทางหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ

บรู๊ววววววว....อ้าววอู๊วววว...ครึกครึก..  เสียงพุ่มไม้ขยับสั่นไหวรอบตัวเด็กน้อยทั้งสอง พร้อมกับเสียงหมาหอนของจ่าฝูงที่เรียกสั่งการดังขึ้นใกล้ๆ

สองพี่น้องยืนกอดกันแน่น เจียวซิ่นบัดนี้หน้าขาวซีดตัวสั่นงันงก สองมือกระชับกอดพี่สาวแน่น "พี่ใหญ่...ข้ากลัว" 

ส่วนเจียวมี่ที่ตอนนี้เหงื่อเย็นๆออกมือทั้งสองไม่หยุด มือที่จับประคองกอดน้องชายก็สั่นระริก ตอนนี้เจียวมี่รู้แล้วว่ารอบกายเต็มไปด้วยหมาป่า เพียงแต่ยังคงไม่เห็นตัวมัน แต่เพียงแค่เสียงสั่นไหวของพุ่มไม้รอบข้างกับเสียงหอนคำรามที่อยู่ไม่ไกล  ก็ทำให้ทั้งสองถึงกับขาสั่นก้าวขาไม่ออก ถึงใจอยากจะออกวิ่งไปข้างหน้าตามแสงสีขาวที่เห็นตรงหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะวิ่งทันหรือไม่

ไวกว่าความคิดหมาป่าราวๆ 4-5 ตัวค่อยๆก้าวขาออกมาจากพงหญ้า  ตัวของมันสีดำสนิท ตัวใหญ่กว่าหมาป่าทั่วไปถึงสองเท่า ฟันโค้งยาวสองซี่ที่โผล่พ้นปากของมันกับน้ำลายที่ยืดยาวตอนอ้าปาก กรงเล็บสีดำยาวราวแท่งเหล็กให้ความรู้สึกแข็งขาอ่อนแรง  ไหนจะแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้เด็กทั้งสองถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้น  จิตสังหารที่รุนแรงเจียวซิ่นที่ทนไม่ไหวถึงกับกระอักเลือดและสลบไป  ส่วนเจี่ยวมี่เองในตอนนี้ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะลุกหนี เหงื่อไหลตามกรอบหน้าน้อยๆ ได้แต่คิดในใจ(คงต้องตายอีกรอบใช่ไหมเนี้ย สวรรค์ช่วยทีเถอะ)

หมาป่าตัวซ้ายสุดมันขู่ขำราม " กรรร..." ไม่ถึงอึดใจมันกระโดดเข้าใส่อาหารอันโอชะทันที

อ๊ายยยยยยยยย............

2 ชั่วยามก่อนหน้า

แฮกๆ ..แฮกๆ

เสียงหอบหายใจหนักหน่วงกับแรงวิ่งสุดชีวิตของหญิงสาววัยกลางคน "ช่วยด้วย ..ใครก็ได้ช่วยที" เสียงแหบพร่าเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งหนีตลอด 1 เค่อที่ผ่านมา

พรึบ..พรึบ...

เสียงคนชุดดำที่กระโดดจากกิ่งต้นไม้นี้ สู่อีกกิ่งไม้ ที่ไล่ตามหญิงสาววัยกลางคนราวกับแมวไล่หยอกหนู. ที่บัดนี้หนูตัวน้อยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้าป่าลึก  แต่กลุ่มชายชุดดำยังคงสนุกกับการไล่ล่า โดยยังไม่สังหารเหยื่อทิ้ง

โอ๊ย...

แคว๊ก...

เสียงกิ่งไม้กระทบกับผ้าตรงชายชุด ขาดจนขูดเนื้อขาวๆ เลือดสดๆไหลซึมเป็นทาง แต่หญิงสาวยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล

จนในที่สุดหญิงวัยกลางคนก็สะดุดกิ่งไม้ขนาดใหญ่ล้มคะมำ แขนขามีแต่ลอยแผล แต่หญิงสาวยังคงพยามเงยหน้าเพื่อจะยัดยืนลุกขึ้น  ในขณะที่เตรียมจะวิ่งอยู่นั้น

ชิ้ง!....  ประกายแสงสีเงินของปลายดาบคมจ่อที่ตรงหน้าก่อนจะตวัดลง

"ตายซะ ถือซะว่าข้าสงเคราะห์ จะให้แกตายในดาบเดียว"

"นายท่าน ...นายท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ  ข้าไม่เคยมีความแค้นกับท่าน. ได้โปรดปล่อยข้าน้อยไปเถอะ  ลูกสาวกับลูกชายของข้าน้อยยังเล็กนัก พวกเค้าจะอยู่กับใคร"

"ไม่ต้องห่วง  หลังจากแกตายแล้วฉันจะส่งลูกๆของแกตามไปให้ในปรโลก จะได้ไม่เหงา"

ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะได้ใจของชายชุดดำดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ปลายดาบชูขึ้นฟ้า แสงสีเงินสะท้อนแสงจันทร์เข้าตาของ ลู่เพ่ย ในระหว่างที่จะตวัดดาบลงมานั้น........

----------------------------------------------------------------

ยามห้าย (21.00-22.59)

จวนเสนาบดีหลี่

"เรียบร้อย ดีหรือไม่ ส่งพวกมันแม่ลูกลงไปปรภพด้วยกัน จัดการอย่าให้สาวมาได้"

"ข้าน้อย ส่งมือดีไปแล้วขอรับ พรุ่งนี้นายหญิงรอฟังข่าวดีได้เลยขอรับ"

"ดี ข้าจะรอฟังข่าวดี"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel