5.จะไม่ทำถึงขั้นสุดท้าย
หนทางการเรียนรู้เพื่อเป็นดัชเชสของฉันนั้นไม่ยากเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะคุณหัวหน้าสาวใช้ใจดีมากๆ แถมข้ารับใช้ในคฤหาสน์ก็ตั้งอกตั้งใจเชื่อฟังฉันเป็นอย่างดี
สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน หากว่าท่านดยุคไม่ได้มีความเมตตาต่อฉัน
ท่านดยุคแลนซิลช่างเป็นบุรุษที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้มองเห็น แน่นอนว่าเรายังคงนอนเตียงเดียวกันทุกวันเหมือนเดิม และเขายังคงมุ่งมั่นพยายามข้ามเส้นที่เธอขีดเอาไว้..
“ข้าได้จองเรือสำเภาเอาไว้แล้วยูริช สัปดาห์หน้าเราไปล่องเรือด้วยกันนะ”
ล่องเรืออย่างนั้นหรือ ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยนั่งเรือมาก่อนเลย..จะไม่เป็นปัญหาใช่ไหมนะ
“ข้าไม่เคยนั่งเรือมาก่อนเลยค่ะ”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เรือสำเภาลำใหญ่จะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกเมาเรือเหมือนกับเรือลำเล็กหรอก เจ้าจะต้องชื่นชอบการมองดูวิวทิวทัศน์ที่แสนงดงามสองข้างทางแน่ๆ”
ยูริชเงยหน้าขึ้นมาเพื่อมองหน้าของท่านดยุคอย่างไม่เข้าใจ อันที่จริงเขาไม่เคยกล่าวถึงเรื่องการแต่งงานของเราเลย หรือว่าเขาไม่คิดจัดงานแต่งขึ้นมากันนะ
“แล้ว..เรื่องการแต่งงานของเรา..”
เมื่อเธอเอ่ยถามเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ข้าไม่ค่อยเชื่อถือในพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นในงานแต่งของเรา ข้าก็ยินดีจะพาคาดินันเพื่อมาทำพิธีนะ เราจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่สวนด้านหลัง ข้าไม่มีญาติที่ไหน ส่วนเจ้าก็..อยากเชิญใครมาก็สุดแท้แต่เจ้าเลย”
อา..เธอไม่อยากเชิญใครมาสักคนเลย เรียบง่ายเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอไม่ชอบบรรยากาศที่แสนวุ่นวาย..
ไม่มีเรื่องงานแต่งของแลนซิลและยูริชปรากฏขึ้นมาในเนื้อเรื่องของนิยายเลย คงเพราะงานแต่งของทั้งสองคืองานเลี้ยงเล็กๆ ที่แสนเรียบง่ายในคฤหาสน์แห่งนี้ละมั้ง
แต่ในตอนที่เขาแต่งงานกับวาเนสซ่านางเอกของเรื่องนี้ งานแต่งของคนทั้งคู่แทบจะถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ทั้งเรื่องของความใหญ่โตและความอลังการที่ท่านดยุคมุ่งมั่นทุ่มเทจัดงานขึ้นมาเพื่อป่าวประกาศว่าวาเนสซ่าคือดัชเชสของเขา
ทุกอย่างมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยแฮะ และเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะคาดหวังความพิเศษนั้นจากเขาด้วย
“ทำไมทำหน้าเช่นนั้นเล่า หรือว่าเจ้าอยากจะจัดงานแต่งที่วิหาร?”
“มะ..ไม่ใช่ค่ะ ข้าเองก็ชื่นชอบความเรียบง่ายเช่นเดียวกัน เรื่องงานแต่งนั้นเอาตามเดิมเถอะค่ะ จัดแบบเล็กๆที่สวนด้านหลังของคฤหาสน์..ที่นั่นมีดอกไม้ที่ข้าชอบเยอะเลย”
แววตาของแลนซิลอ่อนลงในทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น
“อย่างนั้นเองสินะ ที่สวนด้านหลังปลูกดอกไม้ไว้หลายชนิดที่เดียว เช่นนั้นภรรยาชื่นชอบดอกไม้ชนิดใดกันเล่า”
ยูริชหลับตาลงช้าๆ
“ดอกกุหลาบสีเหลืองค่ะ”
ที่นี่มีดอกกุหลาบหลากหลายสีสันที่ถูกปลูกเอาไว้ และสีที่ยูริชชื่นชอบมากที่สุดคงเป็นสีเหลือง..เพราะนอกจากมันจะมีสีสันที่สวยงามมากๆแล้ว ยังมีความหมายถึงการเริ่มต้นใหม่อีกด้วย
เธออยากให้เขาเริ่มต้นใหม่อย่างงดงามกับสตรีที่คู่ควรอย่างวาเนสซ่า..อยากให้เรื่องราวความรักของท่านดยุคผู้สมบูรณ์แบบและจบลงอย่างมีความสุข
“กุหลาบสีเหลืองอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นความชอบที่เฉพาะตัวมากทีเดียว”
ยูริชของเขานั้นช่างไม่เหมือนสตรีใดเลยจริงๆ ปกติแล้วสตรีจะชื่นชอบกุหลาบที่มีสีขาวและสีแดง แต่ยูริชชอบดอกกุหลาบสีเหลืองที่มีความหมายทางด้านการบอกรักที่ไม่ดีเท่าไหร่
หรือว่าเธอจะหมายถึงชีวิตของเธอในตอนนี้กันนะ การเริ่มต้นใหม่กับเขาอย่างนั้นหรือ?
นั่นยูริชกำลังบอกรักเขาทางอ้อมรึเปล่านะ..ความพยายามของเขามันเริ่มจะสำเร็จบ้างแล้วรึเปล่า
แลนซิลหันหน้าไปเพื่อมองใบหน้าของยูริชซึ่งกำลังนอนอยู่ข้างเขา หากมีคนรู้..เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ว่าที่ภรรยาคนงามที่เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แอนเธีย สตรีที่งดงามจนแทบละสายตาไม่ได้มานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว แต่เขากลับไม่ได้ทำอะไรเธอเลย นอกจากการโอบกอดเธอเอาไว้เท่านั้น
ผู้คนที่ล่วงรู้คงหัวเราะเยาะและก่นด่าเขาว่า..เขาคือไอ้โง่ที่ปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเฉยๆ โดยไม่คิดเก็บเกี่ยวและตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอเลยแม้แต่น้อย..
หรือว่าแท้จริงแล้วเขาคือคนโง่จริงๆ กันนะ
ยูริชพยายามหันหน้าไปมองทางอื่น เมื่อเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อน ราวกับอยากจะดึงเธอเข้ามาให้แนบชิดในทุกจังหวะ และสายตาเช่นนั้นมันอันตรายชะมัดเลยให้ตายสิ..
“จะนอนแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หนทางสุดท้าย..เธอเลือกที่จะหลับตาลงเพื่อหลบหนีสายตาอันแสนเข้มข้นของเขา
“ค่ะ..วันนี้ข้าเหนื่อยก็เลยอยากจะนอนก่อน ราตรีสวัสดิ์นะคะท่านดยุค”
สายตาที่เขาจ้องมองมามันราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อด้วยความหิวโหย ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าเขาจะกระทำการอันใดที่เป็นการเกินเลยแม้แต่นิดเดียว..แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้..จ้องมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้นกันนะ
“..แต่ข้ายังไม่อยากนอนเลยนี่”
ไม่อยากนอนก็ลุกขึ้นไปสิ มาบอกกับเธอทำไมกันเล่า!
“ยูริช..ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความอดทนได้มากมายเท่านี้มาก่อนเลย จนพบว่าข้าสามารถมองเจ้าที่กำลังนอนอยู่ข้างกายได้ โดยที่ไม่แตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ..”
เธอปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา
“แต่ท่านดยุคสัญญาเอาไว้แล้วนะคะว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นการเกินเลย..จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน”
“ก็ใช่นะสิเพราะข้าสัญญาเอาไว้เช่นนั้น แต่ยูริชมันยังมีหนทางอีกมากมายที่เราไม่ต้องทำจนถึงขั้นสุดท้าย..ถึงอย่างไรงานแต่งก็จะถูกจัด และเจ้าก็จะเป็นดัชเชสของข้าอยู่ดี สิ่งนี้ไม่มีอะไรที่มาเปลี่ยนแปลงไปได้หรอก สิ่งที่เราจะทำก็แค่เลื่อนเข้ามานิดหน่อยเท่านั้นเอง..ข้าไม่คิดว่านั่นมันคือเรื่องที่ผิดอะไรเลย”
อา..เขาช่างเป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยมดีจริงๆ คำกล่าวของเขามันทำให้เธออยากตะโกนออกไปเหลือเกินว่าเธอเองก็อยากจะโอบกอดเขาแทบบ้าเหมือนกัน แต่ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกันล่ะ..
“แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็..”
“ข้าจะไม่ใส่มันเข้าไป..ยูริชข้าอดทนมาสองสัปดาห์โดยที่ไม่ได้แตะต้องเจ้าเลย เห็นแก่ความอดทนที่มากมายนั้น ช่วยสงสารข้าสักหน่อยมิได้อย่างนั้นหรือ?”
อย่าเห็นแก่ความหล่อของเขานะยูริช อย่าได้พ่ายแพ้ต่อเสียงในหัวนะโว้ย!!
“ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ต้องการมัน..ไม่เป็นไรยูริชข้าจะไม่ทำจนถึงขั้นสุดท้ายแน่ๆ ข้าจะอดใจเอาไว้เพื่อรอคอยวันแต่งงานของเรา..”
เมื่อกล่าวจบแลนซิลก็โน้มใบหน้าเพื่อจูบปิดปากของยูริชเอาไว้..และนั่นคือจูบแรกที่มันโคตรจะดีในความคิดของยูริชเลย
