บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไร 1/1

บทที่ 5 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไร

ในงานเลี้ยงครั้งนี้ สตรีวัยเยาว์ทั้งหลายถูกจัดให้ไปนั่งรวมกันตรงลานที่อยู่ไกลออกไป แต่ว่าบัดนี้พวกนางส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นั่นกันแล้ว เพราะต่างพากันไปชุมนุมอยู่ที่ศาลาชมดาวกันหมด ทว่าจ้าวเยว่ก็หาได้สนใจ เนื่องจากสิ่งที่นางสนใจในตอนนี้ ก็มีแต่เรื่องอาหารการกินเท่านั้น

นางถูกจับแต่งตัวตั้งแต่ยามอู่ โดยอยู่ในห้องตลอดและไม่ได้กินอะไรเลย พอจะหยิบอะไรเข้าปากสักหน่อย ก็ถูกช่างแต่งหน้าสะกิด¬เตือนว่าจะทำให้ชาดที่ทาปากเลอะได้ จะดื่มน้ำก็ยังห้ามดื่มมาก¬เกินไป เพราะอาจทำให้ปวดเบาจนวุ่นวายต้องเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนชุดที่นางสวมใส่วันนี้ ก็ไม่สะดวกในเรื่องนั้นนัก ทำให้ตอนนี้หญิงสาวหิวจนแทบจะเป็นลมแล้ว

จ้าวเยว่ก้าวฉับ ๆ ไปยังจุดที่พี่ชายทั้งสองนั่งอยู่ บรรดาบุรุษเห็นสตรีที่งดงามมานั่งด้วย ก็พากันตะลึง ไม่คิดว่าจะมีสตรีนางใดหาญกล้าถึงเพียงนี้ ซึ่งตอนนี้จ้าวเยว่มานั่งลงตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว

“บนโต๊ะของพวกท่านมีอะไรให้กินบ้างเจ้าคะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”

จ้าวเยว่เอ่ยขึ้นแล้วก็มองไปที่อาหารบนโต๊ะของพี่ชาย

จ้าวหลู่เจินมองหน้าน้องสาว ก่อนเอ่ยว่า “แล้วเหตุใดเจ้าไม่¬ไปกินที่โต๊ะของเจ้าเล่า”

“ข้าไม่อยากไปนั่งร่วมวงกับสตรีพวกนั้นเจ้าค่ะ”

นางตอบกลับพี่ชาย น้ำเสียงนั้นคล้ายกับว่ากำลังไม่พอใจสตรีพวกนั้น จนพี่ชายอย่างจ้าวอวี้เฉินขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“แล้วเจ้าไม่ใช่สตรีหรืออย่างไร เป็นสตรีแต่มานั่งที่สำหรับบุรุษ เดี๋ยวก็โดนเอาไปนินทาหรอก”

จ้าวเยว่หันมามองหน้าพี่ชายคนรอง พร้อมกับยิ้มกว้าง

“ช่างปะไรเล่าพี่รอง ข้าจ้าวเยว่ มิเคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”

จ้าวหลู่เจินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มือข้างหนึ่งหยิบจานใส่ขนมกุ้ยฮวาหิมะส่งให้น้องสาวของตน

จ้าวเยว่รับขนมมา แล้วจับเข้าปากเคี้ยวอย่างรีบร้อน สักพักขนมก็ติดคอจนต้องไอออกมา

“ดื่มน้ำชาก่อน” จ้าวอวี้เฉินยื่นถ้วยน้ำชาให้ ด้านในเป็นชา¬หลงจิ่งอุ่น ๆ

นางรับไปดื่มรวดเดียวหมด พอกลืนทุกอย่างลงคอแล้ว ก็หันไปถามพี่ชายทั้งสองต่อ “ท่านคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะยาวถึงเมื่อไรเจ้าคะ ข้าอยากกลับจวนแล้ว ชุดนี้อึดอัดจะแย่”

“น่าจะราวยามห้าย กระมัง ท่านพ่อคงจะกลับเป็นคนสุดท้ายตามเคย” จ้าวหลู่เจินตอบ พลางเงยหน้าขึ้นไปมองพระจันทร์เพื่อความมั่นใจ

จ้าวเยว่ได้รู้คำตอบแล้วก็ทำหน้าตาบูดบึ้งขึ้นมา

“ยามห้าย อีกตั้งหลายชั่วยาม ข้าจะไปทำอะไรที่ไหนได้เล่า”

“เจ้าก็ไปยืนคุยกับสตรีอื่น เหมือนที่สตรีพึงกระทำสิ”

จ้าวอวี้เฉินเสนอในสิ่งที่นางควรกระทำ

“ท่านก็รู้นี่ว่าข้าไม่มีสหายที่เป็นสตรี แล้วท่านจะให้ไปคุยกับใครกันเล่า” ผู้เป็นน้องสาวตอบกลับด้วยความหงุดหงิด

เมื่อเห็นน้องทั้งสองใช้วาจาหยอกล้อกันไปมาไม่หยุด พี่ชายคนโตของจวนก็เอ่ยตัดบทขึ้นมา

“พวกเจ้าพอได้แล้ว ด้านหลังตำหนักมีบ่อเลี้ยงปลาอยู่ เจ้ารีบกินแล้วก็รีบไปเถอะ ที่นั่นอาจจะมีปลาที่เจ้าไม่เคยเห็นก็ได้”

“เจ้าค่ะ” จ้าวเยว่ตอบอย่างตื่นเต้น แล้วรีบยัดขนมเข้าปาก พลางหยิบขนมอีกสองอันใส่ในอกเสื้อด้วย จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินจาก-ไป พร้อมกับมุ่งตรงไปยังด้านหลังตำหนัก

ด้านหลังของตำหนักมีบ่อปลาอยู่จริง ๆ แถมยังเป็นบ่อปลาขนาด¬ใหญ่ที่มีปลาเป็นร้อย ๆ ตัว ตรงกลางมีสะพานโค้งทอดข้าม เพื่อให้สามารถเดินขึ้นไปดูปลาที่กลางบ่อได้ จ้าวเยว่เห็นเช่นนั้นก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง จึงรีบวิ่งขึ้นสะพานไป

ในบ่อมีปลามากมายหลายสี ปลาบางตัวก็เหมือนกับปลาที่-จวน แต่บางตัวก็เป็นปลาที่ดูแปลกใหม่ แบบที่ไม่เคยเห็นที่ใดมา-ก่อน

นางยืนดูพวกมันแหวกว่ายไปมา พร้อมกินขนมที่แอบขโมยมาไปด้วยอย่างมีความสุข สักพักก็คิดขึ้นมาว่าหากมีอาหารปลาก็-คง¬จะดี เนื่องจากจ้าวเยว่นั้นชอบให้อาหารปลาเป็นที่สุด

แต่จู่ ๆ ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินขึ้นมาบนสะพานโค้ง ในมือของเขามีกล่องไม้สำหรับใส่อาหารปลามาด้วย

“ข้าว่าแล้ว ว่าเจ้าต้องมาอยู่ที่นี่” เซียวเฟิงเอ่ยทักจ้าวเยว่ด้วยรอยยิ้ม

“เป็นเจ้านั่นเอง ข้าคิดว่าจะไม่มีใครรู้เสียอีก ว่าข้าอยู่ที่นี่”

จ้าวเยว่ตอบกลับ เมื่อเห็นสหายเก่านางก็ยิ้มให้เล็กน้อย

เซียวเฟิงกระแอมครั้งหนึ่ง ก่อนจะทำท่าทางราวกับผู้รู้แล้วเอ่ยว่า “อืม...ประการแรก ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่อยากอยู่ในงานเลี้ยง ประการที่สอง ไม่มีทางที่เจ้าจะไปสนทนากับสตรีพวกนั้นเป็นแน่ และประการที่สามก็คือ...ข้ารู้ว่าเจ้าชอบปลาเป็นที่สุด”

“เจ้านี่สมกับเป็นสหายของข้าจริง ๆ” จ้าวเยว่ปรบมือและพยักหน้าให้เขาอย่างภาคภูมิใจ

“เหตุใดเมื่อเดือนที่แล้วเจ้าจึงไม่มางานเลี้ยงที่จวนข้า”

เซียวเฟิงถามในเรื่องที่เขาข้องใจมาตลอดหนึ่งเดือน

“ข้ามีธุระน่ะ” จ้าวเยว่ตอบกลับเพียงสั้น ๆ

“อย่างเจ้าน่ะหรือมีธุระ ข้าฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อ”

“ที่จริงก็ไม่ได้มีธุระหรอก เพียงแต่ข้าไม่ชอบพิธีรีตอง เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน”

“สมกับเป็นเจ้า” เซียวเฟิงแกล้งทำท่านับถือให้นาง

“แน่นอน สมกับเป็นข้า” จ้าวเยว่เชิดหน้ารับอย่างภาคภูมิ

“แต่ว่าข้าไม่ได้พบเจ้าหลายปี เจ้าดูงดงามขึ้นมาก” เซียวเฟิงเอ่ยชม เขามองนางไปพลางก็ยิ้มไปพลาง

“เจ้าอย่ามาประชดข้าหน่อยเลย ข้าอึดอัดจะแย่แล้วเนี่ย”

จ้าวเยว่เอ่ยจบก็ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมามากกว่าเดิม

ที่จริงแล้วสิ่งที่เซียวเฟิงเอ่ยออกมานั้น ไม่ได้เป็นการเอ่ยเกิน¬ความจริงแต่อย่างใด เขาเพียงแค่รู้สึกว่านางงดงามมากจริง ๆ งดงามจนไม่อยากให้ผู้ใดได้จ้าวเยว่ไปครอบครอง

ทว่าไม่ได้คิดจะเอ่ยมันออกมาในเวลานี้ พลางส่งกล่องไม้ที่มีอาหารปลาอยู่ในนั้นไปให้หญิงสาว

“รับไปสิ”

“ขอบคุณ” หญิงสาวรับมาด้วยความเต็มใจ ก่อนจะจัดการโปรยอาหารให้ปลาตัวน้อยที่กำลังว่ายตรงเข้ามาหาอาหาร

จ้าวเยว่กับเซียวเฟิงสนทนากันต่ออยู่พักใหญ่ จนถึงเวลาที่เซียวเฟิงต้องกลับไปที่งานเลี้ยง เนื่องจากมีเรื่องต้องสนทนากับขุน-นางด้วยกัน เขาจึงได้ขอตัวกลับไปในงานเลี้ยงก่อน โดยปล่อยให้จ้าวเยว่ยืนดูปลาภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนวันเพ็ญเพียงคน¬เดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel