บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ทำตัวเกียจคร้าน 1/2

ตกเย็นภายในจวนเหลือเพียงจ้าวเยว่กับบรรดาบ่าวไพร่ เนื่องจากท่านพ่อท่านแม่ พากันไปงานเลี้ยงที่จวนท่านเซียวโหวกัน¬หมด รวมทั้งพี่ชายทั้งสองของนางด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงทำ¬ตัว-ราวกับว่าตนเองเป็นกระต่ายที่ออกจากโพรง มาเที่ยวเล่นอย่าง-สนุกสนาน

เริ่มจากตอนกลางวัน แอบหนีออกจากจวนไปซื้อขนมกุ้ยฮวาหิมะที่ตลาด และกลับเข้าจวนโดยไม่ถูกจับได้ ความสำเร็จครั้งนี้จ้าว¬เยว่ภูมิใจยิ่งนัก พอกลับมาแล้ว ก็กินขนมจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ช่วงที่ทุกคนเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยง นางก็เอาแต่นอนแช่¬น้ำอย่างมีความสุข จะมีใครสุขสบายเท่านางคงไม่มีอีกแล้วกระมัง

พี่ชายทั้งสองเห็นว่าน้องสาวของตนไม่ยอมไปงานเลี้ยง เกรง¬ว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเหงา จึงได้เตรียมของเล่นไว้ให้ก่อนไป ของเล่นชิ้นนั้นเป็นแจกันที่ทำจากดินเผาใบหนึ่ง และลูกธนูที่หัวทื่อไปแล้ว อีกราวยี่สิบกว่าดอก ของเล่นที่ว่านี้ ก็คือการปาลูกดอกลงไปในแจกันนั่นเอง

พอทุกคนออกจากจวนไปแล้ว หญิงสาวก็เรียกบ่าว¬ไพร่มา-รวมตัวกันที่สวนหลังจวน

พอทุกคนมากันครบแล้ว จ้าวเยว่ก็¬กระแอมหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ย

“นี่คือของเล่นที่พี่ใหญ่กับพี่รองทำให้ข้า ข้าเห็นว่าเล่นคน-เดียวมันก็คงจะไม่สนุก จึงเรียกพวกเจ้ามาเล่นด้วยกัน”

“สิ่งนี้เล่นอย่างไรหรือขอรับคุณหนู” บ่าวผู้หนึ่งยกมือขึ้นถาม

จ้าวเยว่เดิมมายืนอยู่ตรงหน้าแจกันลูกดอกนั้น แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกราวกับเป็นผู้รู้ จากนั้นจึงอธิบายว่า

“สิ่งนี้เรียกว่าการปาลูกดอก ข้าจะเป็นคนกำหนดระยะทางระหว่างแจกันใบนี้กับจุดที่เจ้ายืน แล้วให้เจ้าปาลูกดอกให้ลงไปในแจกันนี้ ในแต่ละรอบก็จะเพิ่มระยะทางให้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ ใครที่เหลือเป็นคนสุดท้ายคนนั้นชนะ”

“มีรางวัลให้หรือไม่ขอรับ คุณหนู” บ่าวอีกคนเอ่ยถาม

เพราะปกติแล้วเมื่อมีการละเล่นเกิดขึ้นในจวน มักจะมีของ¬รางวัลให้ทั้งนั้น บางครั้งก็เป็นขนม สิ่งของมีค่า หรือบางครั้งก็ได้เป็นเงิน

“มีแน่นอน สักสองตำลึงเป็นอย่างไร” หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะเสนอเงินรางวัลก้อนโตขึ้นมา

เมื่อได้ยินว่ารางวัลคือเงินสองตำลึง บ่าวไพร่ทุกคนต่างก็ร้อง¬เฮกันดังลั่น หมายว่าจะเป็นผู้ชนะแล้วเอาเงินรางวัลมาให้ได้

ทั้งจ้าวเยว่และบ่าวไพร่พากันเล่นปาลูกดอกอย่างสนุกสนาน นาน ๆ ทีจวนเจ้ากรมจะครึกครื้นขึ้นมาบ้าง บ่าวไพร่ในจวนต่างก็เคารพและรักจ้าวเยว่ ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรีที่มีอำนาจน้อยที่สุดใน¬จวน แต่กลับเป็นนายที่ทำให้บ่าวไพร่มีความสุขที่สุด จึงไม่แปลกที่เวลานางหนีออกไปเที่ยว พวกบ่าวไพร่เหล่านี้จะช่วยปกปิดเสมอ

ในแต่ละวันชีวิตของหญิงสาวก็มีแต่เพียงเรื่องกิน เที่ยว เล่น แล้วก็พักผ่อน พฤติกรรมที่เกียจคร้านเช่นนี้ ยากที่จะแก้ไขได้ จนทำให้จ้าวเยว่ในวันสิบหกปี ยังไม่เป็นที่หมายปองของชายใดในฉางอันเลย

พอเอ่ยถึงจ้าวเยว่ขึ้นมา บุตรชายของตระกูลขุนนางเหล่านั้นต่างก็พากับเบือนหน้าหนี ต่อให้นางงามเพียงไร แต่ถ้าเกียจคร้านพวกเขาก็ไม่อยากได้มาเป็นภรรยาหรอก

คนที่ดูจะลำบากใจมากที่สุด เห็นจะเป็นบิดามารดาของหญิง¬สาว เพราะการที่นางไม่เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มสักคน ทำ¬ให้บิดาของนางเสียหน้าเป็นอย่างมาก

พวกขุนนางที่อยู่ฝ่ายตรง¬ข้าม ต่างก็เอาไปนินทากันว่า ท่านเจ้ากรมการคลังมีบุตรสาวเสีย¬เปล่า แต่บุตรสาวกลับไม่เอาไหน ยิ่งพวกที่มีบุตรชายทั้งหลายต่าง¬ก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน ว่าถึงอย่างไรจะไม่ยอมให้บุตรชายแต่งกับจ้าวเยว่เด็ดขาด หากมิใช่พระราชโองการจากฮ่องเต้

เสียงล้อรถม้าบดกับพื้นดังมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงฝีเท้าของม้าที่ฟังแล้วน่าจะวิ่งไม่เร็วนัก และเมื่อรถม้าจอดที่หน้าประตู ท่านเจ้ากรมกับฮูหยินก็ก้าวลงมา

“ท่านพี่ ท่านเห็นหรือไม่ ว่าคนพวกนั้นดูถูกบุตรสาวของเราขนาดไหน” เสียงของจ้าวฮูหยินดังมาจากทางประตูหน้าของจวน

จ้าวฝู่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ภรรยา “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร พวกเราเปลี่ยนนิสัยนางได้ที่ไหนกัน”

“หากขัดเกลานางสักหน่อย ไหนเลยจะทำไม่ได้ ท่านพี่...นี่-นางเลยวัยปักปิ่นมาแล้ว หากยังหาคู่ครองไม่ได้ นางมิต้องเป็นสตรี-ทึนทึกตลอดไปหรอกหรือ”

จ้าวฝู่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเอ่ยกับภรรยาในประโยคต่อมา

“เดิมทีวันนี้ข้าจะให้นางไปพบกับเซียวเฟิง บุตรชายของท่าน¬โหวสักหน่อย คิดว่าตอนเด็กทั้งสองเคยเล่นเป็นเพื่อนกัน ¬ก็-น่าจะมีความหวังอยู่บ้าง แต่ว่านางกลับไม่ไป ข้าหมดหนทางแล้วจริง ๆ”

“โธ่...ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าน้องไม่อยากจะมีคู่ครองก็จะเป็นไร¬ไป พวกข้าเป็นพี่ชาย ย่อมดูแลนางได้”

จ้าวหลู่เจิน พี่ชายคนโตกล่าวขึ้นมาคนแรก เรื่องเลี้ยงดูน้องสาวนั้น เขาย่อมทำได้และยินดีที่จะทำไปตลอดชีวิต

“ใช่ ๆ พวกข้าเลี้ยงนางได้สบาย”

จ้าวอวี้เฉิน บุตรชายคนรองกล่าวเสริมขึ้นมา ชายหนุ่มคิดแบบ¬เดียวกับพี่ชาย หากไม่มีใครคิดที่จะแต่งน้องสาวเข้าจวน เขานี่¬แหละจะเลี้ยงดูน้องสาวเป็นอย่างดีเลยละ

“พวกเจ้าหาได้รู้ไม่ ว่าระหว่างพี่ชายกับสามีนั้นไม่เหมือนกัน แล้วก็เป็นเพราะพวกเจ้านั่นแหละ ที่ตามใจนางจนได้ใจ นางถึงได้เป็นแบบนี้” จ้าวฝู่เอ่ยจบก็เดินเข้าจวนไปก่อนเป็นคนแรก

ทางด้านจ้าวฮูหยินสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้าวเดินตามไป พร้อมกับเอ่ยไปด้วยว่า

“หึ...ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าจะจัดการนางไม่ได้ อย่างไรก็ต้องหาบุรุษสักคนมาเป็นคู่ครองนางให้ได้”

เมื่อได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้น ชายหนุ่มทั้งสองที่เดินตามมาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel