บทที่ 4 ชื่อเสียงไม่ดี 2/2
จวนของท่านเซียวโหว
งานเลี้ยงที่จวนของท่านเซียวโหวเริ่มตั้งแต่ยามโหย่ว งานเลี้ยงจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ลานกว้างภายในจวน ทางเดินเข้าไปก่อนจะถึงหน้างาน มีสะพานไม้ทอดผ่านลำคลองขนาดเล็กที่มีฝูง¬ปลาสีสันสวยงามแหวกว่าย
ราวสะพานประดับประดาด้วยบุปผาสีม่วง ขาว และชมพู ตามเสาก็ตกแต่งด้วยผ้าสีม่วงขาวพลิ้วไหวเต็มไปหมด โต๊ะถูกจัดเป็นสองฝั่ง โดยไล่เรียงตามตำแหน่งของผู้มาร่วมงาน มีเพียงโต๊ะของ¬ท่านเจ้าเมืองเท่านั้น ที่จัดตั้งไว้ตรงกลางชั้นบนสุด
อากาศเริ่มเย็นลงในทุกขณะตามช่วงเวลาที่ล่วงผ่าน อาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงสีส้ม ขับให้ภาพงานเลี้ยงดูอบอุ่นและ¬ครึกครื้น แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาในงาน ทั้งเหล่าบัณฑิต คน¬ของ¬ทางการ รวมถึงคหบดีต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามา งานเลี้ยงครั้งนี้เชิญแขกร่วมร้อยคน ภายในงานจึงดูวุ่นวายยิ่ง
เจ้ากรมการคลังจ้าวฝู่กับฮูหยิน นั่งอยู่ตำแหน่งขวามือ ใกล้กับท่านโหวที่สุด
ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมาก ต้องเป็นคนที่ท่านโหวสนิทและไว้เนื้อเชื่อใจเท่านั้น จึงจะสามารถนั่งได้ ส่วนบุตรชายทั้งสองของจ้าวฝู่นั้น นั่งที่ตำแหน่งไกลออกไป ซึ่งมีแต่บุรุษนั่งอยู่ด้วยกัน
ฝั่งตรงข้ามจ้าวฝู่เป็นซูม่อเยี่ย เจ้ากรมทะเบียนราษฎร์ ผู้ซึ่งไม่ค่อยชอบพอจ้าวฝู่สักเท่าไร
แล้วการที่จ้าวเยว่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของซูม่อเยี่ยไปได้
“บุตรสาวของท่านเจ้ากรมการคลังไม่ได้มางานเลี้ยงด้วย¬อย่างนั้นหรือ ทำเช่นนี้ มิเป็นการไม่ให้เกียรติท่านโหวหรอกรึ” ซูม่อเยี่ยเอ่ยขึ้นต่อหน้าจ้าวฝู่และท่านโหว
จ้าวฝู่ที่อุตส่าห์เงียบมานาน และคิดว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นแล้วถึงกับหน้าชา เขาไม่คาดคิดว่าซูม่อเยี่ยจะใช้เรื่องนี้มาเล่นงานตนจึงรีบแก้ตัวออกมาว่า
“วันนี้จ้าวเยว่ไม่สบาย ข้าจึงให้นางพักผ่อนอยู่ที่จวน ต้องขออภัยท่านโหวด้วย”
“หึ! ไม่ใช่เพราะความเกียจคร้านหรอกหรือ จึงไม่อยากมา” ซูม่อเยี่ยเอ่ยพร้อมแสยะปากใส่
“เอาเถอะ ๆ นางไม่สบายก็อย่ารบกวนเลย พวกเราสนใจกับงานเลี้ยงตรงหน้าจะดีกว่า” ท่านโหวตัดบท
ถึงแม้ว่าพวกขุนนางทั้งหลายจะรู้อยู่แล้ว ว่าจ้าวเยว่นั้นเป็นสตรีเกียจคร้าน และเดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไร ทว่าการปฏิเสธงาน¬เลี้ยงครั้งนี้ ได้ทำให้ชื่อเสียงของนางย่ำแย่หนักขึ้นกว่าเก่า เพราะว่างานเลี้ยงนี้ ถือเป็นงานสำคัญ ท่านโหวเป็นถึงขุนนางใหญ่ของฉางอัน และตำแหน่งโหวนั้น ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจรองจากฮ่องเต้กับท่านอ๋องเลยทีเดียว
ณ ศาลาชมดาว
ศาลาชมดาวเป็นที่นั่งของบรรดาหญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนางต่าง ๆ พวกนางถูกจัดให้นั่งที่ตรงนี้โดยเฉพาะ เพราะเป็นจุด¬ที่ชายหนุ่มในงานสามารถมองเห็นพวกนางได้ถนัด ถ้าหากต้องตาต้องใจสตรีนางใด ก็จะสามารถเข้ามาสนทนาด้วยได้
“นี่..เจ้าว่าจ้าวเยว่นางป่วยจริงหรือไม่” สตรีสูงศักดิ์นาง¬หนึ่งเอ่ยขึ้น
“หึ..ข้าว่านางไม่ได้ป่วยหรอก หญิงเกียจคร้านอย่างนั้นคง¬ไม่¬อยากจะมางานเลี้ยงกระมัง” เสียงเอ่ยดังมาจากทางด้านหลัง
เป็นเสียงของซูหลิงเจียว บุตรีของซูม่อเยี่ยเจ้ากรมทะเบียนราษฎร์นั่นเอง
สตรีนางเดิมหันหลังกลับมาถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร ถึงแม้ว่านางจะเกียจคร้าน แต่ครั้งนี้อาจจะป่วยจริง ๆ ก็ได้”
ซูหลิงเจียวส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “ฟ่านถงถง เจ้านี่ช่างไร้¬เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าว่าที่บิดานางเอ่ยนั้นเชื่อถือได้อย่างนั้นหรือ ผู้เป็นบิดาย่อมปกปิดความผิดของลูกตัวเองอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าถึงรู้น่ะหรือ...ก็เพราะว่าเมื่อยามเว่ย ข้ายังเห็นนางออกมาซื้อขนมที่¬ตลาดอยู่เลย”
“หรือที่นางไม่ยอมออกมาพบผู้คน เป็นเพราะว่านางมีรูป¬โฉมที่ไม่งดงาม จึงไม่อยากมารวมกลุ่มกับพวกเรา ด้วยกลัวว่าจะ¬อับอาย” หวังเว่ยเถียนบุตรีของหวังรั่วคหบดีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ของนาง ก็พากันหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน และเชื่อกันไปว่าจ้าวเยว่นั้น น่าจะมีรูปโฉมที่ไม่งดงาม จริง ๆ
“ที่เจ้าเอ่ยนั้นไม่ถูกต้อง ถ้าเจ้าได้เห็นนาง เจ้าจะต้องตะลึงเพราะว่าจ้าวเยว่นั้นมีรูปโฉมที่งดงามยิ่ง” ฟ่านถงถงบอก
“ข้าก็เห็นเช่นเดียวกันกับพี่ถงถง ข้าเคยเห็นนางครั้งหนึ่งที่¬ร้านขายภาพวาด” ซูหนิงน้องสาวของซูหลิงเจียวเอ่ย
ซูหลิงเจียวส่งสายตาดุน้องสาวของตน
“ซูหนิง เจ้าหยุดเอ่ยเดี๋ยวนี้”
“จริงสิ ในฉางอันนี่จะมีใครงามเท่าคุณหนูซูหลิงเจียวอีกล่ะ ต่อให้เป็นจ้าวเยว่ก็เถอะ จะอย่างไรก็สู้พี่หลิงเจียวของพวกเราไม่ได้แน่นอน” หวังเว่ยเถียนเอ่ยยกยอ
ซูหลิงเจียวยิ้มรับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาส่ง¬สายตาไปทางกลุ่มของบุรุษ ที่กำลังยืนสนทนากันอยู่ที่ลานฝั่ง¬ตรง¬ข้าม
ที่จริงแล้วจ้าวเยว่ ผู้ซึ่งไม่สนใจเรื่องของความงามนั้น มีรูป¬โฉมที่งดงามมาก จนมิอาจหาสตรีใดในฉางอันเทียบเทียมได้ด้วย¬รูปร่างแบบบางอ่อนช้อย ทำให้นางดูเป็นหญิงสาวที่หวานหยด¬ย้อย ขัดกับกิริยาที่ซุกซนของนาง
ผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องจากการขัดถูทุกวัน ใบหน้าที่มีเลือด¬ฝาดดั่งสาวแรกรุ่น โดยที่ไม่ต้องแต่ง¬แต้มชาดให้แดงเหมือนกับสตรีนางอื่น ใบหน้ารูปไข่ที่สมมาตรตามแบบของหญิงงาม ทำให้นางดูเพียบพร้อม ราวกับโฉมสะคราญที่เดินออกมาจากภาพวาดของจิตร¬กรเลื่องชื่อ
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างครึกครื้น ขุนนางผู้ใหญ่สนทนาถึงเรื่องจวนเมือง หรือไม่ก็ครอบครัวของตนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เหล่า¬บุรุษต่างก็สนทนาเกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนวรยุทธ์ หรือไม่ก็พวก¬ตำราความรู้ต่าง ๆ ส่วนสตรีเองก็สนทนากันถึงเรื่องความงามและเรื่องออกเรือน
เหล่าสตรีส่วนใหญ่ที่มาในงานนี้ ต่างก็หมายปองเซียวเฟิง บุตรชายของท่านเซียวโหวกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ซูหลิงเจียว เมื่อเซียวเฟิงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางหมู่บุรุษ รูปโฉมที่หล่อเหลาของ¬เขา ก็เป็นที่สะดุดตาของบรรดาหญิงสาวในงานยิ่งนัก
ซูหลิงเจียวพยายามส่งสายตาให้เขาไม่หยุด แต่ชายหนุ่มก็¬มิได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากคนที่เขากำลังมองหาคือจ้าวเยว่ต่างหาก
