บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

ทั้งคู่คุยกันถึงเรื่องงานเมื่อคืนจนกระทั่งลิฟต์ขึ้นมาถึงที่ชั้นสามสิบสอง ทันที่ประตูเปิดออกเมขลาก้าวเดินออกมา หยุดยืนมองอาณาจักรส่วนตัวของชาร์ลด้วยความตื่นเต้น

"ท่านประธานรออยู่" ชายชุดสูทสีดำที่ยืนรออยู่หน้าลิฟต์เอ่ยเสียงเรียบ

"ฉันส่งคุณตรงนี้นะคะ" แอนนาหันมาหาเมขลาที่หยุดอยู่ข้างหลังและกำลังมองไปรอบๆ สถานที่

"ทำไมไม่เข้าไปด้วยกันล่ะคะ" สาวน้อยไม่กล้าพอที่จะไปเผชิญหน้ากับราชสีห์หนุ่มเพียงลำพัง อย่างน้อยมีแอนนาเข้าไปอาจจะทำให้เมขลาหลายประหม่าได้บ้าง

"ท่านประธานให้คุณเข้าไปคนเดียว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อ้อ ลืมแนะนำให้รู้จัก คนนี้คือเจสัน โจเซฟเป็นคนสนิทของท่านประธาน เขาจะเป็นคนพาคุณเข้าไปเอง"

แอนนาแนะนำให้เจสันรู้ว่านี่คือเมขลา สีหน้าผู้ช่วยหนุ่มเรียบเฉยไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น รอจนแอนนาพูดจบเจสันจึงเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆ ว่า

"เชิญครับ" แล้วเขาก็หันหลังเดินนำหน้าไป

เมขลาหันมองหน้าแอนนาอีกครั้ง เมื่อแอนนาพยักหน้าว่าให้เดินตามไปเธอจึงค่อยๆ เดินตามไปอย่างช้าๆ แอนนาแตะที่ต้นแขนของเมขลาแล้วกระซิบเบาๆ ว่า

"ไม่ต้องกลัวเจสันค่ะ หมอนี่เป็นผีดิบเย็นชาทุกเรื่อง ส่วนนายน้อยอย่าพูดผิดหูถ้า คิดว่าไม่อยากอยู่ด้วยแล้วให้เดินออกมาทันที" เมขลายิ้มรับขอบคุณในใจรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยแอนนาก็บอกทางหนีทีไล่ให้รู้แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อ หากว่าพ่ายแพ่ต่อชาร์ลอย่างหมดรูป

ท่านประธานเอ็มเอสกรุ๊ปเงยหน้ามองสุภาพสตรีที่เดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ด้วยสายตาที่เป็นประกายอย่างมีความหมาย คนสนิทของชาร์ลพาเมขลามาส่งที่หน้าห้องแล้วปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังอย่างรู้หน้าที่

"นั่งซิ" ชายหนุ่มผายมือให้สาวน้อยนั่งลงที่โซฟารับแขกกลางห้อง แทนที่จะเป็นเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน

"สวัสดีค่ะ คุณชาร์ล" เมขลาพนมมือไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาท พยายามควบคุมความตื่นเต้นของตนไว้ไม่ให้แสดงออกมา เดินตัวลีบไปนั่งที่มุมโซฟาตามคำสั่ง

"มัมบอกว่าเธอมีธุระอยากจะพบฉัน" ชาร์ลเดินมาหยุดตรงหน้าและแอบพิจารณาสาวน้อยใกล้ๆ

ร่างสมส่วนภายใต้เสื้อผ้าธรรมดาใบหน้าไร้เครื่องสำอางค์ใดๆ แต่งแต้ม ผิวเนียนอมชมพูเรียวปากอิ่มสีระเรื่อเย้ายวนชวนให้สัมผัส ทุกอย่างที่เป็นเธอไม่ว่าจะเป็นในแบบนางฟ้ายามราตรี หรือผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงประทินโฉม สวย คำเดียวสั้นๆ ที่ชาร์ลบอกกับตนเองในใจ

นอกจากความสวยแล้วท่าทีประหม่าเคอะเขินที่แสดงออกทางแววตา กระตุ้นให้ราชสีห์หนุ่มอย่างชาร์ลอยากเข้าใกล้ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหล่อนเป็นเด็กของมารดาแล้วล่ะก็ เมื่อคืนนี้เมขลาคงได้อยู่ในอ้อมกอดไปแล้วแน่ นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องข่มความปรารถนาของตนไว้ และแสดงท่าทีเฉยชาออกมาให้ดูว่าไม่มีอะไรพิเศษต่อกัน ทั้งที่ในใจรู้สึกตรงข้ามกับการกระทำตลอดเวลา

"คือ ดิฉัน เอ่อ" สาวน้อยอึกอักไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อน

ความตั้งใจแรกที่มาก็คือจะนำของขวัญมาส่งคืนให้เจ้าของ แต่เมื่อทราบว่าผู้มีอุปการคุณทุกข์ใจเพราะคนที่อยู่ตรงหน้า เมขลาจึงลังเลที่จะพูดเรื่องของตนก่อน หรือบอกให้เขารู้ถึงสิ่งที่มาลัยรัตน์ทุกข์ใจก่อนดี ทั้งนี้ที่ลังเลไม่กล้าเพราะกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วชายหนุ่มอาจจะมองไปเป็นอย่างอื่น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมหรือไม่

"มีอะไรก็ว่ามา ฉันจะได้ทำงานต่อ" ชาร์ลเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ดิฉันเอาของมาคืนคุณค่ะ" สาวน้อยตัดสินใจพูดเรื่องของตัวเองก่อน หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เตรียมมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์วางลงตรงหน้า

"เอามาคืนทำไม ฉันให้ก็คือให้ ไม่ต้องเอามาคืนหรอก" ชายหนุ่มไม่แตะต้องของที่วางตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว

อดคิดในใจไม่ได้ว่าแหวนวงนี้ราคาไม่ใช่น้อย เจ้าหล่อนไม่รู้หรือไงว่ามันมีราคาสูงแค่ไหนกลับเอามาคืนง่ายดายทำเหมือนไม่อยากได้ หรือว่าไม่ชอบแหวน

"ไม่ชอบใช่ไหม ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวฉันจะให้คนเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่เธอชอบแล้วกัน"

ผู้หญิงกับของกำนัลคู่ควรกันอย่างแยกไม่ออก ตัวอย่างเช่นเอมิลี่เป็นต้น เมื่อวานพอได้สร้อยเพชรเป็นของกำนัล นางแบบสาวก็สวมใส่ทันทีโดยไม่ต้องรอเปลี่ยนชุดหรือโอกาสพิเศษ

"ไม่ใช่ค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น ดิฉันเอามาคืนเพราะรับไว้ไม่ได้จริงๆ แหวนวงนี้ราคาแพงมาก ของมีราคาขนาดนี้ดิฉันคงรับไว้ไม่ได้ ขอคืนให้คุณค่ะ" เมขลายืนยันเสียงแข็ง

"รู้ว่าแพงแต่กลับไม่รับ เธอนี่แปลกคนจริงๆ" ชายหนุ่มประชดในทีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคิดต่อไปเองว่าที่ไม่รับเพราะรอแหวนจากใครอื่นหรือเปล่า

"หรือว่าแหวนมันไม่ถูกใจ อยากได้แบบไหนบอกมาซิ ฉันจะให้คนจัดการให้ อยากบอกนะว่านิ้วเธอมีไว้แค่ใส่แหวนหมั้นแหวนแต่งงานเท่านั้น" ปลายเสียงชาร์ลประชดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลทองจับจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่วางตา

"ไม่ใช่ค่ะ เมย์ไม่สามารถรับของจากคุณชาร์ลได้จริงๆ"

"ทำไม" เสียงทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้น

เมขลาเป็นคนแรกที่ปฏิเสธ กล้าดีอย่างไรเอ่ยปากว่าไม่รับในสิ่งที่ชาร์ลให้ ถ้าเป็นคนอื่นมีแต่จะร้องขอเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน แต่นี่กลับบอกว่ารับไม่ได้ ไม่รับหรือว่าไม่อยากได้กันแน่ ยิ่งคิดหัวใจท่านประธานหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แล้วใครกัน ของแบบไหน อะไร ที่เจ้าหล่อนจะรับหรืออยากได้

"แค่คุณท่านเมตตาอุปการะจนดิฉันเรียนจบ ส่งตั๋วเครื่องบินให้มาเปิดหูเปิดตาที่นี่ แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ ของอย่างอื่นดิฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น หมดธุระแล้วดิฉันรบกวนเวลาแค่นี้นะคะ ขอบพระคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ"

เมขลารวบรัดตัดความให้เร็วที่สุด เปลี่ยนใจไม่พูดเรื่องความทุกข์ใจของมาลัยรัตน์ตามที่คิดมาก่อนหน้า รีบลุกขึ้นพนมมือไหว้ลาแล้วก้าวเท้าเดินออกไปทันที ไม่แม้แต่จะสบตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ แค่นี้หัวใจเธอก็เต้นรัวเป็นกลองเพลจนแทบจะหลุดออกจากขั้วหัวใจเดี๋ยวนี้แล้ว

ชาร์ลไม่ทันตั้งรับกับการบอกลาของเธอ หัวใจเหมือนถูกกระชากเมื่อเมขลาลุกขึ้นและก้าวเดินจะออกไปจากห้องนี้ ไม่ซิ เธอต้องอยู่ต่อ อยู่คุยกับเขาให้รู้เรื่อง จะมาแค่นี้แล้วไปเร็วๆ ไม่ได้ เขาไม่ให้ไป แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากร้องเรียกเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน

เมขลากำลังจะเปิดประตูออกไปแต่เพียงแค่ได้ยินว่าใครที่โทรศัพท์เข้ามา สาวน้อยก็หันหลังกลับไปหาชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ ตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นสีหน้าชาร์ลทักทายอีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้มว่า

"ว่าไง เอมี่"

ชาร์ลวางโทรศัพท์ที่เพิ่งสนทนากับนางแบบสาวจบลง หันมาเห็นเมขลายังคงไม่ไปไหนยืนอยู่ที่เดิมคล้ายกับว่ารอจะพูดอะไรด้วย สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อยก็คือ แววตาวับวาวเป็นประกายที่แสดงความไม่พอใจเล็กน้อยจากดวงตาทั้งสองของเธอ

"มีอะไรอีกหรือเปล่า" ชาร์ลเอ่ยถาม

"ดิฉันขอบังอาจพูดอะไรกับคุณสักเรื่องได้ไหมคะ" ท่าทีของเมขลาดูจริงจัง

เมื่อครู่คิดว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของแม่ลูกตระกูลสมิธแล้ว เพราะคิดว่าตนเองไม่มีหน้าที่ไปจัดการอะไรแทนได้ แต่เมื่อได้ยินชื่อผู้หญิงที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องทุกข์ใจ และท่าทีของชาร์ลดูจะไม่รู้สึกใดๆ ต่อความทุกข์ใจนี้เลยสักนิด ทำให้เมขลากล้าที่จะเอ่ยเรื่องที่ติดอยู่ในใจขึ้นมา โดยไม่มีความเกรงกลัวเลยว่ากำลังพูดอยู่กับราชสีห์หนุ่มที่พร้อมจะขย้ำตนทุกเมื่อ

"เรื่องอะไร" ชาร์ลย้อนถามด้วยความอยากรู้

"ก่อนอื่นดิฉันต้องขอโทษที่พูดเรื่องนี้กับคุณค่ะ เพียงแต่ที่พูดเพราะเห็นคุณท่านทุกข์ใจ ท่านร้องไห้เพราะกังวลใจกับเรื่องนี้มาก ดิฉันไม่อยากเห็นท่านเป็นแบบนี้เลย" น้ำเสียงสาวน้อยเครือเล็กน้อย สงสารมาลัยรัตน์จับใจเหลือเกิน แล้วเริ่มพูดในสิ่งที่อยากจะบอกให้ชาร์ลรู้ต่อไปว่า

"คุณรู้หรือเปล่าว่า คุณท่านเป็นห่วงคุณมากโดยเฉพาะเรื่องที่คุณยังไม่ยอมแต่งงาน ท่านอยากเห็นคุณแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นก่อนที่ท่าน เอ่อ ท่านจะไม่มีโอกาสได้เห็น"

ชาร์ลนิ่งไม่มีท่าทีใดตอบกลับมา แต่เมขลาสังเกตเห็นได้ว่าในดวงตาสีน้ำตาทองคู่นั้นมีประกายเจิดจ้าขึ้นมา ซึ่งเดาไม่ถูกว่าพอใจหรือไม่พอใจกันแน่ แต่ว่านาทีนี้หญิงสาวกล้าหาญที่จะพูดทุกอย่างให้มาลัยรัตน์มีความสุข โดยไม่สนใจว่าคนที่ยืนฟังจะโกรธเคืองแต่ประการใด

"ถ้าคุณกลัวว่าท่านจะไม่ยอมรับ เอ่อ คู่รักของคุณแล้วล่ะก็ ดิฉันคิดว่าคุณคิดผิด และอยากเสนอว่าให้คุณพาคู่รักไปพบท่าน เรียนท่านให้ทราบว่าตกลงพร้อมจะแต่งงานสร้างครอบครัวเมื่อไร ท่านจะได้สบายใจและเลิกทุกข์ใจเรื่องนี้เสียทีค่ะ"

"มัมพูดเรื่องนี้กับเธอเมื่อไร" ชาร์ลเอ่ยถามกลับมาเป็นคำแรก

เขาปรายตามองคนที่พูดเรื่องแต่งงานแทนมารดาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยคำถาม เมขลาพูดเรื่องนี้เพราะอะไร เพราะมาลัยรัตน์ระบายความทุกข์ใจให้ฟัง แล้วเธอเอามาถ่ายทอดอีกทีหนึ่งเพื่อให้ชาร์ลรับรู้

หรือว่าเมขลากับมารดามีแผนการอะไรในใจ ที่จะทำให้เขายอมตกลงเรื่องแต่งงานตามความต้องการของมาลัยรัตน์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ คนอย่างชาร์ล สมิธไม่มีวันให้ใครมาจูงจมูกง่ายๆ ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีวันใจอ่อนทำอะไรให้ใครเพราะคำว่าสงสารเพียงอย่างเดียวแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel