ตอนที่ 8
"เมื่อเช้าค่ะ ตอนที่ดิฉันเอาเครื่องเพชรเข้าไปคืนท่าน ท่านเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ที่คุณ เอ่อ ซื้อสร้อยเพชรให้นางแบบคนนั้น ท่านร้องไห้แล้วเผลอระบายออกมากับดิฉัน" เมขลาพูดตามเหตุการณ์จริง
"ฉันเข้าใจสิ่งที่มัมคิด ฉันเองก็อยากทำตามที่มัมต้องการเหมือนกัน เพียงแต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไรคะ" เมขลารีบถามด้วยความอยากรู้
เผื่อว่าจะเอาคำพูดของชาร์ลไปถ่ายทอดให้มาลัยรัตน์ฟังอีกที เมื่อรู้ปัญหาว่าติดขัดที่ตรงไหนจะได้แก้ไขถูก และสุดท้ายเรื่องก็จะลงเอยด้วยความสุข
"เพียงแต่ฉันยังไม่พร้อม ไม่ต้องการดูแลใคร ไม่คิดจะหยุดชีวิตไว้ที่ผู้หญิงคนไหนเพียงคนเดียว สรุปก็คือฉันไม่อยากแต่งงาน"
คำตอบของชาร์ลทำให้คนฟังถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เมขลาเข้าใจแล้ว คำว่าพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาคงเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว มิน่าเล่า ผู้มีพระคุณของเธอถึงได้ทุกข์ใจนัก
"คุณไม่คิดจะเปลี่ยนใจจริงๆ เหรอคะ" เมขลาหวังจะกล่อมเขาอีกสักครั้ง วิชาจิตวิทยาที่เล่าเรียนมาเริ่มนำออกมาใช้
"เปลี่ยนใจงั้นเหรอ" ชาร์ลย้อนถามพลางหรี่ตามองคนที่อยู่ตรงหน้า อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะพูดอะไรต่อจึงยืนเฉยให้อีกฝ่ายเสนอความคิดออกมาได้เต็มที
"ค่ะ ความหวังดีของท่านมีแต่เรื่องดีๆ สำหรับคุณนะคะ"
"เช่นอะไรบ้าง"
"ถ้าคุณมีครอบครัวมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง อย่างน้อยท่านก็หมดห่วง หรือถ้าคุณ เอ่อ มีหลานเล็กๆ มาให้ท่านอุ้ม การที่ท่านมีหลานมีเด็กมาวิ่งในบ้าน ยิ่งทำให้ท่านมีความสุขมากขึ้นไปอีก มีแต่เรื่องดีๆ นะคะ"
"แต่งงานมีลูกงั้นเหรอ" ชาร์ลทวนคำพูดของเธออีกครั้ง ให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงสักคน หาแม่พันธุ์มาผลิตลูกเพื่อให้มารดามีความสุข ตลกสิ้นดี
"หัวอกคนเป็นแม่ก็คงอยากเห็นลูกมีครอบครัว มีภรรยาที่มาดูแลคุณแทนท่าน แล้วก็มีโซ่ทองคล้องใจมีหลานให้ท่านอุ้ม คนอายุมากแล้วก็คงหวังสิ่งเดียวคืออยากมีลูกมีหลานอยู่ใกล้ๆ นะคะ"
"แล้วมีข้อไหนเกี่ยวกับฉันบ้าง" ท่านประธานหนุ่มย้อนกลับทันที
"ทุกข้อที่เธอพูดมา มัมมีความสุขแค่คนเดียว แล้วฉันล่ะ ฉันมีความสุขที่ข้อไหน" นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายเจิดจ้าจนเมขลารู้สึกกลัว ถึงกับต้องเมินหน้าหนีและเริ่มรู้สึกว่าควรใช้ทางหนีทีไล่ที่แอนนาบอกมาเสียแล้ว
"มันไม่แฟร์กับฉัน ถ้าจะแต่งงานเพียงแค่ให้มัมมีความสุข" ชาร์ลเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังอีกครั้ง
"มันไม่ใช่แค่เรื่องแฟร์หรือไม่แฟร์นะคะ แต่มันคือเรื่องของความรักความห่วงใยที่แม่มีต่อลูกชายตัวเองต่างหาก" เมขลาอ้าปากเถียงอย่าลืมตัว
"อะไรนะ" ชาร์ลหันขวับมามองหน้าคนพูดทันที
เอาแล้วไหมล่ะ เมขลาโอดครวญในใจ ไม่น่าเลยจริงๆ ไม่น่าไปพูดอะไรให้ชาร์ลไม่พอใจเลย สีหน้าและแววตาที่แสดงความไม่พอใจในคำพูดทำให้ต้องหุบปาก และบอกตัวเองออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดก็จะยิ่งดี
"เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่ามัมรักและห่วงใยแค่ไหน" นัยน์ตาสีน้ำตาลทองกร้าวขึ้นอีกเล็กน้อย ทีแรกว่าจะไม่โกรธ แต่พอฟังประโยคสุดท้ายชักเริ่มอารมณ์เสีย
"ขะ ขอโทษค่ะ ดิฉันพูดจาไม่เข้าท่า พูดไม่รู้เรื่อง ดิฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ" เมขลาตัดบททันที ไม่อยากอยู่ต่อแล้วเกรงว่าขืนพูดอะไรออกไปอีกคำเดียว จะทำให้เรื่องทุกอย่างบานปลายมากไปกว่านี้
"เดี๋ยว" ชายหนุ่มเรียกเสียงเข้ม คราวนี้เป็นทีของชาร์ลบ้างแล้ว คอยดูเถอะ เขาจะไล่บี้ให้จนมุมพร้อมเรียกค่าเสียหายชดเชยที่ทำให้ต้องอารมณ์เสียแน่
"ที่พูดมาทั้งหมดเพื่อต่อว่าฉันว่าเป็นลูกอกตัญญู หรือมีอย่างอื่นแอบแฝงกันแน่" ดวงตาคู่คมจ้องมองมาที่สาวน้อย
ท่านประธานหนุ่มมองออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเกรงกลัวเพียงไร เมขลากำลังสั่น สั่นที่ถูกย้อนถามด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนโกรธ และกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้าอย่างจัง สั่นเป็นลูกนกเช่นนี้ ควรแล้วใช่ไหมที่ชาร์ลจะกดกอดให้หายหนาว และเรียกค่าดูแลเพิ่มเติมจากที่คิดไว้เมื่อครู่
"เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันแค่มาบอกให้คุณรู้ว่า คุณท่านไม่สบายใจเท่านั้น ฉันไม่ได้คิดว่าคุณเป็นอะไรทั้งนั้น" เมขลาเริ่มรู้สึกว่าเนื้อตัวสั่นราวกับเป็นไข้ กลัวก็ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมองนั่นต่างหากเล่า ที่ทำให้ทั้งกลัวทั้งปั่นป่วนไปทั้งหัวใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้
"เธอกำลังทำตัวเป็นนางฟ้าเข้าอกเข้าใจมัมเหลือเกินนะ หรือว่ากำลังจะเสนอตัวมาทำให้ฝันของมันเป็นจริงล่ะ"
"คุณ..." สาวน้อยเม้มปากแน่น พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจไม่ให้โกรธ แม้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะทำให้จี๊ดขึ้นสมองก็ตามที
"ถ้าเธออยากให้มัมมีความสุขจริงอย่างที่พูด ทำไมไม่ลงทุนหน่อย" เขาปรายตามามองเด็กในอุปการะเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อว่า
"หรือคิดซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่มัมทุ่มเทให้กับเธอมาหลายปีก็ได้ เอาไหมล่ะ ถ้าเธอกล้าลงทุน ฉันก็กล้าเสี่ยง"
การท้าทายของชาร์ลมีพลังพอที่จะให้เมขลาตอบโต้กลับอย่างไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย ความมั่นใจที่เคยหายไปเมื่ออยู่ต่อหน้ากลับมาอีกครั้ง เมื่อได้ฟังคำพูดที่กล่าวหาความหวังดีของตนไปในทางลบ ถึงจะเป็นราชสีห์ตัวใหญ่แต่ถ้าไม่มีสมองรู้จักคิด เอาแต่พาลหาเรื่องหรือโบ้ยความผิดไปที่คนอื่นแบบนี้ เมขลาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันอีกแล้ว
"คุณพูดอะไร ดิฉันไม่เข้าใจความหมายที่คุณพูด" ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงและท่าทีของเมขลาแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
"งั้นเราไม่พูดเรื่องเมื่อกี้ แต่มาพูดเรื่องที่มีควรเป็นโดยมีฉันกับเธอดีไหม" ชาร์ลวางแผนบางอย่างในหัวสมองอย่างรวดเร็ว
เขาแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่สนใจค้นหาผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน เมขลาเหมือนสองคนในร่างเดียวจริงๆ เมื่อวานอ่อนหวานน่าทะนุถนอมราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ แต่ดูตอนนี้ซิเธอเหมือนนางสิงห์ที่ไม่หวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น และพร้อมจะตะครุบเหยื่อที่หมายปองจะทำร้ายให้ตายทันทีเลยด้วย ผู้หญิงแบบนี้ซิ ที่น่าจะวัดใจดูหน่อยว่า ราชสีห์หนุ่มที่ใครๆ ก็เกรงกลัว กับนางสิงห์ที่พร้อมสู้สุดใจใครจะแน่กว่ากัน
"ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว" เมขลาสะบัดหน้าหนีทันที
"ไม่มีหรือไม่กล้า เธอเป็นพวกดีแต่พูดใช่ไหม เมขลา ทีหลังถ้าพูดเก่งแต่ทำไม่ได้ อย่าริเอาคำพูดของมัมมาพูดให้ฉันรกหูอีก และจำไว้ว่าถ้าฉันอยากจะทำอะไร ใครก็ห้ามไม่ได้" ชาร์ลยียวนกวนประสาทให้มากที่สุด
"ฉันรู้ค่ะ รู้ว่าคนอย่างคุณคงไม่เคยเห็นใจคนอื่น"
"ถ้าอยากให้ฉันเข้าใจหัวอกของมัม งั้นงานนี้เธอคงต้องลงทุนให้มัมหน่อยแล้วล่ะ กล้าไหมล่ะ" กล้ารับคำท้าของเขาไหม เมขลา ชาร์ลภาวนาให้เธอกล้า
"คุณหมายความว่าไง" หญิงสาวไม่เข้าใจคำพูดที่ชาร์ลเอ่ยมา
"ฉันไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนเกินสองชั่วโมงได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เรื่องนี้งดงามคงจะต้องมีผู้หญิงสักคนมาตามติดฉันยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำตัวเหมือนเป็นว่าที่เมียในอนาคต แต่ว่ามันเป็นแค่การซ้อมต้องไม่มีข้อผูกมัดอะไรทั้งสิ้น และฉันคิดว่าคนที่เหมาะสมที่สุดก็น่าจะเป็นเธอ พร้อมไหมล่ะ พร้อมที่จะช่วยทำให้มัมสมหวังไหม"
ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินข้อเสนอที่แสนจะเอาเปรียบกัน แต่ชาร์ลกลับทำเป็นไม่สนใจและตั้งใจจะยั่วเมขลาต่อไปอีก
"จะตกลงตามนี้เพื่อให้มัมมีความสุข หรือว่าจะทำตัวอกตัญญูไม่ช่วยผู้มีพระคุณที่กำลังมีเรื่องทุกข์ใจล่ะ ถ้าตกลงเราจะได้มาเริ่มทำให้ฝันของมัมเป็นจริงเสียที" ชาร์ลก้าวเข้ามาหาเมขลาด้วยสีหน้าจริงจัง
"ดิฉันทำให้คุณเสียเวลาทำงานมากพอแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เมขลาไม่เล่นด้วยและคิดว่าไม่สมควรอยู่ที่นี่ต่อไปอีก หญิงสาวกล่าวลาและขอตัวกลับยังไม่ทันจะเอื้อมมือเปิดประตูห้อง ชาร์ลก็รีบคว้าแขนของเธอไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว
"จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ" เมขลาขืนตัวไว้ไม่ยอมให้ชาร์ลดึงตัวเข้าไปแนบชิดมากเกินกว่านี้ ดวงตาคู่สวยฉายแววแห่งความกลัวอย่างเห็นได้ชัด ราชสีห์หนุ่มเห็นดังนั้นก็ยิ่งได้ใจ
"แน่ใจว่าอยากให้ฉันปล่อย" เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทองพูดทีเล่นทีจริง แกล้งรั้งตัวเมขลาเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก ในขณะที่อีกฝ่ายใช้สองมือดันต้านอย่างเต็มที่เช่นกัน
"คุณชาร์ล ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นล่ะก็..." สาวน้อยพยายามดิ้นรนหาตัวช่วยให้ตนเองรอดพ้นเงื้อมมือของท่านประธานหนุ่มไปได้
"ไม่งั้นจะทำไม จะฟ้องมัมเหรอ" น้ำเสียงท่านประธานหนุ่มคล้ายกับจะหยอกเย้า
"ใช่ ฉันจะฟ้องคุณท่านว่าคุณรุ่มร่ามกับฉัน" เธอพูดจริงไม่ใช่แค่ขู่
"จะเอาเหตุผลนี้ไปโมเมกับมัม แล้วให้ฉันรับผิดชอบงั้นซิ" เขาพูดหน้าตายแกล้งยั่วโมโห ซึ่งได้ผล
"คุณชาร์ล" เมขลาตะโกนเสียงดังลั่นห้อง มองหน้าคนพูดด้วยความโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก
"ฉันแค่บอกให้รู้ว่าตอนนี้คุณท่านกลุ้มใจในตัวคุณแค่ไหนเท่านั้น ไม่ได้คิดอย่างอื่นและไม่จำเป็นที่ฉันต้องเอาตัวเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ด้วย คุณจะทำอะไรต่อไปมันก็เรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉันทั้งสิ้น"
"แต่เธอต้องเกี่ยวและต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย" ชาร์ลเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าคมดุดันขึ้นมาทันที
"ทำไมฉันต้องรับผิดชอบ ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณกับคุณท่านเท่านั้น" เมขลาย้อนถามกลับไปทันที
