ตอนที่ 6
"พูดจริงหรือเปล่า ถ้าหนูช่วยให้มันเป็นจริงได้ ฉันคงนอนตายตาหลับ"
"คุณท่านบอกมาคำเดียว เมย์ยินดีทำให้ทุกอย่างค่ะ ต่อให้ลำบากแค่ไหนเมย์ก็ยินดี" เมขลารับคำหนักแน่น
ได้ยินเช่นนี้มาลัยรัตน์ค่อยรู้สึกสบายใจ และมีแรงที่จะเดินหน้าต่อทำให้สิ่งที่ฝันเป็นจริงขึ้นมาได้ เมื่อคืนนี้นางสังเกตเห็นแล้วว่า บุตรชายมีท่าทีพึงพอใจเมขลาอย่างเห็นได้ชัด และถ้าเดาไม่ผิดเมขลาเองก็คงจะพึงพอใจชาร์ลเช่นกัน ดังนั้นนางจึงเริ่มแผนต่อไปที่จะทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันทันที
"มาดามคะ" เสียงแม่บ้านคนสนิทเดินเข้ามาขัดจังหวะ นางถือหนังสือพิมพ์มาวางลงที่โต๊ะพร้อมกับรายงานว่า
"ข่าวงานเมื่อคืนมีลงในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับค่ะ แต่ว่า เอ่อ..." มาเรียก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรต่อ ทำให้มาลัยรัตน์เอะใจในท่าทีผิดปกตินี้จนต้องเอ่ยปากถาม
"แต่ว่าอะไร มาเรีย"
"คือ มาดามดูเองดีกว่าค่ะ"
เพียงแค่เห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่มาเรียนำมาวางให้ มาดามสมิธก็เกิดอาการลมขึ้นจนต้องวิ่งหาหยูกยามาปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ เมขลาที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกแปลกใจเหลือเกินว่า ในนั้นมีอะไรถึงทำให้ผู้มีพระคุณลมขึ้นได้ขนาดนี้
สาวไทยนั่งนิ่งฟังมาลัยรัตน์พูดไปสะอื้นไปด้วยความรู้สึกสงสาร หากแต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเหลือคลายความทุกข์นี้ให้ได้อย่างไร ในเมื่อต้นเหตุแห่งทุกข์นั้นคือนายน้อยของตระกูลสมิธนั่นเอง
"คุณท่านใจเย็นๆ ก่อนค่ะ บางทีอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ ส่วนใหญ่นักข่าวก็ชอบใส่สีตีไข่ให้ดูน่าสนใจ ความจริงอาจไม่มีอะไรเลยสักนิด" เมขลากุมมือปลอบใจ พร้อมกับก้มลงอ่านข่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง
นางแบบสาวที่ชื่อเอมิลี่ คาร์ตันสวมชุดราตรีสีแดงงามสง่า ที่คอมีสร้อยเพชรงดงามเป็นเครื่องประดับกาย ข้อความข้างใต้รูปนั้นเขียนไว้สั้นๆ แค่ว่า 'เพชรแทนใจ จากท่านประธานเอ็มเอสกรุ๊ปสุดหล่อ'
"ฉันมันคนมีกรรม มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ" หญิงวัยกลางคนสะอื้นหนักขึ้น
"เห็นลูกคนอื่นแต่งงานมีหลานให้อุ้ม ก็นึกถึงว่าลูกเราจะทำแบบนั้นให้ ที่ไหนได้ลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัยไปวันๆ แล้วเมื่อไรฉันจะได้อุ้มหลานเหมือนคนอื่นบ้าง"
"คุณท่านใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เมย์เชื่อว่าคุณชาร์ลต้องเข้าใจในสิ่งที่คุณท่านหวังดีแน่นอนค่ะ"
"ไม่จริงหรอก หนูรู้ไหม ทุกวันนี้พอพูดเรื่องแต่งงาน ชาร์ลก็จะบ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่พร้อม ไม่อยากแต่งงาน แต่ขยันเป็นข่าวควงคนโน้นคนนี้จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แล้วอย่างนี้ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะอยากเข้ามาหา"
"ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอกค่ะ" สาวน้อยพยายามพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น
"กว่าจะถึงวันนั้นฉันคงลงโลงลาโลกนี้ไปแล้ว ชาร์ลจะรู้ไหม ว่าฉันหวังดีอยากให้ได้เจอคนดีในชีวิต" น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนหมดอาลัยในชีวิต
"คุณท่านอย่าพูดแบบนั้นค่ะ ถ้าลองพูดกับคุณชาร์ลดีๆ ทุกอย่างอาจจะง่ายขึ้นนะคะ หรือบางทีผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะเป็นคู่รักของคุณชาร์ลก็ได้นะคะ"
"ฉันพูดเป็นสิบแล้วแต่ชาร์ลก็ไม่ฟัง เขาคงไม่เข้าใจความหวังดีของแม่หรอก อย่างที่บอกไงหนู ฉันคงมีกรรมถึงได้ทุกข์ใจเป็นปีๆ อยู่แบบนี้"
"โธ่ คุณท่าน" เมขลาสงสารและเข้าใจความห่วงใยของมาลัยรัตน์ ชาร์ลจะรู้ไหมว่ามารดารักและหวังดีขนาดนี้
"ฉันสวดมนต์ภาวนาทุกครั้ง ขอให้ฟ้าเมตตาให้มีใครสักคนช่วยพูดหรือทำให้ชาร์ลเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ว่าการแต่งงานมีครอบครัวมันดีแค่ไหน ดีกว่าการเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้ แต่ฉันมันคงเป็นคนบาปถึงได้ไม่มีใครมาช่วยทำให้ชาร์ลเปลี่ยนใจได้" มาลัยรัตน์สะอื้นอีกครั้ง
"คุณท่าน" หญิงสาวน้ำตาคลอเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสงสาร อยากช่วยแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ เพราะตนเองไม่อยู่ในสถานภาพที่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรับฟังในสิ่งที่มาลัยรัตน์ระบายออกมาเท่านั้น
"ช่างเถอะ เรื่องนี้คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม คนมีกรรมอย่างฉันจะไปเรียกร้องอะไรได้ นอกจากต้องอยู่กับความทุกข์นี้ไปจนตายเท่านั้น" คำตัดพ้อนี้ทำให้คนที่นั่งฟังรู้สึกสงสารมากขึ้น
"เมย์พอจะช่วยอะไรได้ไหมคะ" เมขลาเงยหน้าขึ้นมาถาม
เธอไม่อยากเห็นผู้มีพระคุณต้องเป็นทุกข์มากไปกว่านี้ แม้ยังคิดไม่ออกว่าเรื่องนี้ตนจะช่วยอะไรได้ หรือมีทางแก้ไขให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ยินดีเอ่ยปากอาสาแบ่งเบาความทุกข์ใจนี้จากมาลัยรัตน์ เพราะอย่างน้อยก็คงจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง
"หนูจะช่วยฉันจริงๆ เหรอ" มาลัยรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ถ้าหนูอยากช่วยฉันจริง ก็ช่วยทำให้ชาร์ลเปลี่ยนใจอยากแต่งงานได้ไหม"
"คุณท่าน" เมขลาอึ้ง
"เอ่อ คือ เมย์ เอ่อ" หญิงสาวอึกอักเล็กน้อย เมขลาก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนที่มองมาด้วยสายตาแห่งความหวัง ในหัวสมองคิดไม่ออกว่าจะหาคำพูดเช่นไรมาตอบผู้มีพระคุณในเวลานี้
"เมย์เป็นแค่คนนอก อีกอย่างไม่เคยคุ้นเคยสนิทสนมกับคุณชาร์ลเลยสักนิด เอ่อ ถ้าเมย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เกรงว่าคุณชาร์ลอาจจะไม่พอใจแล้วมันจะกลายเป็นปัญหาระหว่างคุณท่านกับคุณชาร์ลต่อไปอีกนะคะ" เมขลารีบอธิบายคำตอบที่เพิ่งคิดออกมาได้
เปลี่ยนใจชาร์ลให้อยากแต่งงาน คุณพระช่วย เมขลากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีทางเป็นไปได้ สุภาพบุรุษรูปหล่อพ่อรวยเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลทองคนนั้น เป็นที่หมายปองของสาวๆ มากหน้าหลายตา ถ้าเขาคิดจะลงเอยกับใครสักคนก็คงจะไม่ต้องเสียเวลาเฟ้นหามากมายนัก เพราะเพียงแค่เอ่ยปากหรือมีท่าทีสนใจใครจนออกนอกหน้า ขี้คร้านมาลัยรัตน์ก็คงได้ลูกสะใภ้สมใจปรารถนาแน่
แต่นี่เขากลับไม่มีทีท่าจนทำให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นกังวล คำตอบเดียวที่เมขลาเชื่อว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาร์ลยังไม่ยอมลงเอยกับใครสักคนเป็นเรื่องเป็นราวก็คือ หวงความโสดไว้นั่นเอง
"เห็นไหม ในที่สุดเรื่องนี้ไม่มีใครช่วยฉันได้เลยสักคน"
น้ำเสียงที่แสดงความผิดหวังของมาดามสมิธ ทำให้เมขลารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ใจหนึ่งก็อยากจะมีอำนาจวิเศษเสกจัดการเรื่องทุกข์ใจนี้ให้หายวับไปกับตา อีกใจก็ปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถทำได้ ใครจะกล้าไปรบราต่อสู้กับราชสีห์อย่างท่านประธานเอ็มเอสกรุ๊ปกันเล่า
เมขลารู้สึกว่าตัวเท่ามดเมื่อก้าวเข้าสู่ตึกเอ็มเอสกรุ๊ป ตึกสูงระฟ้ากลางเมืองลอสแองเจลิสสถานที่ทำงานของชาร์ล สมิธ ผู้ชายที่ทำให้หัวใจเต้นรัวตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์จนกระทั่งเดินทางมาถึง และกำลังจะต้องพบหน้าเขาอีกครั้งในอีกไม่กี่นาทีนี้
หลังจากที่นั่งเป็นเพื่อนจนมาลัยรัตน์รู้สึกดีขึ้นแล้ว นางก็สั่งการให้คนขับรถพาเธอเอาของขวัญที่ไม่อาจรับไว้ได้มาคืนเจ้าตัวเองถึงที่ พร้อมทั้งโทรศัพท์บอกให้ชาร์ลรู้ตัวก่อนว่าเมขลากำลังจะเดินทางไปพบ จากนั้นก็ขอตัวไปพักผ่อนด้วยสีหน้าที่ยังไม่สู้ดีนัก ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมา กเพราะรู้ว่าผู้มีอุปการะคุณมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ โดยที่ตนไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระหรือความทุกข์นั้นได้เลยแม้แต่น้อย
ขณะที่นั่งรถมาจนถึงที่ เมขลาคิดมาตลอดทางว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร จะเพิกเฉยปล่อยทุกอย่างให้สองแม่ลูกจัดการกันเอง หรือยื่นมือเข้ามาช่วยทำในสิ่งที่มาลัยรัตน์เคยเอ่ยปากไว้ แต่เมื่อคิดถึงคนที่เป็นตัวต้นเหตุอย่างชาร์ลแล้ว ก็ตอบได้เลยว่าไม่มีปัญญาไปต่อกรกับผู้ชายคนนี้แน่ ขนาดแค่เดินทางมายังไม่ได้เห็นหน้าร่างกายก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติแล้ว
เมขลาคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพที่ชาร์ลและเธอพบกันครั้งแรกโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เทพบุตรสุดหล่อที่ลดตัวลงมาใส่รองเท้าให้กับผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้า ภาพที่เขาจับมือเดินท่ามกลางสายตาคนนับร้อยที่มองมาตลอดทั้งงาน
ให้ตายเถอะ หลับตาลงก็เห็นแต่รอยยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลทองที่สบตาครั้งแรก ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่เกาะกุมไว้ตลอดทั้งงาน แล้วยังจะลมหายใจอุ่นๆ ที่เฉียดแก้มสาวยามที่หันมากระซิบพูดด้วยเพียงไม่กี่คำ แค่นี้ก็นอนไม่หลับตลอดคืนแล้ว
"คุณเมขลา" แอนนาร้องเรียกแล้วเดินมาหาที่หน้าประตูลิฟต์
"คุณแอนนา" เมขลาทักทายด้วยความดีใจ
เมื่อวานหลังจากที่ชาร์ลอาสาเป็นคนพาเธอออกมาในงานเองแล้ว เมขลาก็ไม่ได้มีโอกาสพบกับแอนนาอีกเลย ตั้งใจว่าจะขอบคุณเรื่องที่เป็นธุระแปลงโฉมให้ลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ฟ้าในพริบตา
"มาดามให้ฉันมาพาคุณขึ้นไปหานายน้อย" สาวน้อยต่างชาติพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แอนนาถูกชะตากับเมขลาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันและความไม่ถือตัวว่าเป็นคนพิเศษของมาดามสมิธ ทำให้ทั้งคู่พูดคุยกันได้เหมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานานแล้ว
"เมื่อวานฉันยังไม่ได้ขอบคุณ คุณแอนนาเลย" เมขลาเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สดใส
หลังจากที่เมื่อวานชาร์ลพาออกไปปรากฎตัวต่อหน้าแขกที่มาในงาน แอนนาก็หายไปไหนไม่รู้ เช้านี้เมขลาตามหาก็ได้คำตอบจากมาเรียว่า หญิงสาวออกมาทำงานแล้ว เมขลาไม่ได้ถามต่อว่าแอนนาทำงานที่ไหนและจะกลับเมื่อไร แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้พบกันที่นี่อีกครั้ง
"ด้วยความยินดีค่ะ เรียกแอนนาเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องคุณหรอกค่ะ" แอนนากดลิฟต์ส่วนตัวพาเมขลาขึ้นไปชั้นสามสิบสองที่ท่านประธานอยู่ ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ทั้งคู่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเพิ่มขึ้น
"งั้นเรียกฉันว่าเมย์ธรรมดาก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะคะ" แอนนายิ้มรับด้วยความยินดี
