ตอนที่ 4
พอเอาเข้าจริงหญิงสาวก็รู้สึกประหม่าและกลัวขึ้นมาทันที เมขลาไม่คุ้นกับการที่ต้องเข้าสังคมหรูหรา ไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างให้ในสถานที่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้มีอันจะกินทั้งหลาย เธอกังวลว่าจะทำให้ผู้มีพระคุณต้องขายหน้ากับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแทนที่จะได้รับคำชม
"ไม่ต้องกลัวนะคะ มาดามจะดูแลคุณเอง" แอนนาปลอบเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่มีความกังวลของเมขลา
"ฉัน เอ่อ ฉันไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร คุณ เอ่อ คุณช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมคะ"
"ยิ้มค่ะ คืนนี้คุณสวยมาก เชื่อฉัน ยิ้มเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง" แอนนากุมมือเมขลาเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะรีบจัดการทุกอย่างตามที่มาลัยรัตน์สั่งและพาตัวนางเอกของงานลงไปทันที
ชาร์ลลงมาช่วยมารดารับแขกได้สักพักแล้ว เขากวาดสายตามองหาจนทั่วก็ยังไม่เห็นหน้าเด็กในอุปการะที่เป็นเจ้าของงานวันนี้
"ไหนล่ะครับ เด็กของมัม" ชายหนุ่มกระซิบถามเสียงเบา
"ตื่นเต้นอยากเห็นของดีหรือไง" มารดาเย้าแต่แฝงด้วยความนัยบางอย่าง
"เปล่าครับ แต่ผมเห็นว่าดึกมากแล้วกลัวแขกจะกลับกันเสียก่อน แล้วนี่มัมนึกอย่างไรถึงได้จัดงานต้อนรับซะใหญ่โตขนาดนี้" ชาร์ลมองไปรอบๆ เห็นแขกที่มาในงานล้วนเป็นแต่คนมีชื่อเสียง บ้างก็เป็นลูกค้าของบริษัท แต่ละคนมีงานล้นมือถ้าไม่ใช่มาดามสมิธเชิญเองแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าคงไม่มีได้เห็นหน้าค่าตาแขกวีไอพีเหล่านี้แน่
"หนูเมย์เรียบจบจิตวิทยามาแถมได้เกียรตินิยมพ่วงมาอีก แบบนี้ไม่ให้ฉลองได้อย่างไรกัน" น้ำเสียงหญิงสาวชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
"เก่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ทั้งเก่งทั้งสวยเลยล่ะ แม่ว่าคืนนี้จะแนะนำให้รู้จักกับหนุ่มโสดทั้งหลายที่มางาน รับรองว่าทุกคนจะต้องชอบหนูเมย์แน่ ชาร์ลว่าดีไหมลูก" นางชำเลืองมองหน้าบุตรชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แอบสังเกตพฤติกรรมอยู่เงียบๆ
"สวยขนาดนั้นเลยเลยเหรอครับ" ชาร์ลถามพลางยิ้มต้อนรับแขกที่มาทักทาย
"แม่ให้แอนนาไปพาลงมาแล้ว อ้อ ของขวัญที่จะรับขวัญน้องล่ะ เตรียมมาด้วยหรือเปล่า"
จริงซิ ลืมไปเสียสนิท ของที่มารดาโทรศัพท์ไปสั่งให้หามาเป็นของรับขวัญลูกสาวคนใหม่ ชาร์ลลืมมันไว้ในห้องนอนไม่ได้เอาลงมาด้วย โชคดีที่วันนี้เอมิลี่ไปด้วย เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาหาของเหล่านี้ เพราะนางแบบสาวจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแทนให้หมด ส่วนตัวเองแค่ถือมันกลับมาเท่านั้น
"ผมลืมไว้ที่ห้อง งั้นผมขึ้นไปหยิบมันลงมาก่อนนะครับ"
"เร็วๆ ล่ะ เจ้าของงานกำลังจะมาแล้ว" มารดากำชับเสียงเข้ม ชาร์ลจึงต้องรีบปลีกตัวไปเอา ของขวัญ ที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าข้างในคืออะไร
เมขลาเดินลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง แม้ว่าชุดราตรีที่สวมใส่ในคืนนี้จะมีความยาวแค่หัวเข่า แต่รองเท้าส้นสูงห้านิ้วครึ่งที่นานๆ จะใส่ทีกลับเป็นปัญหาในการเดิน
"ตายจริง ลืมของที่มาดามสั่ง" แอนนานึกขึ้นมาได้ว่าลืมกล่องเครื่องเพชรที่อยู่ในห้องนอนของมาลัยรัตน์ไว้
"งั้นฉันรอตรงนี้นะคะ คุณแอนนาไปเอาของเถอะ" เมขลาหันมาบอกแอนนาที่ทำท่าละล้าละลังว่าจะทำอย่างไรดี เพราะมาเรียโทรศัพท์ขึ้นมาตามสองครั้งว่าให้พาตัวหญิงสาวลงมาร่วมงานได้แล้ว
"งั้นรอแป๊ปนะคะ" แอนนาตัดสินใจพาเมขลามานั่งรอที่โซฟากลางห้องโถง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปหยิบของที่ลืมไว้
เมขลาได้โอกาสพักขาที่เริ่มเมื่อยเพราะใส่รองเท้าส้นสูงซึ่งไม่ชินสักเท่าไร สาวน้อยกวาดสายตามองไปรอบๆ หยิกแขนตัวเองอีกครั้งเพื่อให้รู้ว่าที่ไม่ได้ฝัน ตอนนี้เธออยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลสมิธแน่ และกำลังจะต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนในชีวิต ท่ามกลางสายตาคนอีกมากมายที่ไม่เคยรู้จัก ความกลัว ความประหม่าเกิดขึ้นในใจแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร
เมขลาลุกขึ้นยืนหลังจากที่นั่งพักได้สักครู่ หญิงสาวก็ลุกขึ้นเพื่อจะไปยืนรอแอนนาที่หน้าประตู ทว่ารองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมดันลื่นเมื่อเธอก้าวออกเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ร่างเล็กโอนเอนกำลังจะล้มเพราะเสียหลักแต่โชคดีที่ในจังหวะนั้น
"อุ๊ย..."
เมขลากำลังจะล้มแต่มีมือที่แข็งแรงของใครบางคนคว้าตัวเธอไว้ทัน แผ่นหลังเนียนแนบสัมผัสกับอกแกร่งที่มั่นคง มืออีกข้างโอบรัดตัวเธอไว้ที่เอวสวยได้รูป ลมหายใจของคนที่มาใหม่ซึ่งอยู่ด้านหลังรดลงที่ไหล่สาว
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" เสียงทุ้มสุภาพเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เมขลาขยายามจะขยับตัวออกจากการตกอยู่ในอ้อมกอด สาวน้อยหันหน้าไปยิ้มหวานเพื่อขอบคุณคนที่ช่วยเหลือตนไว้
ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำดูสง่างาม ผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเปล่งประกายชวนให้จับจ้องตลอดเวลา ที่สำคัญริมฝีปากสีแดงที่แสดงถึงความมีสุขภาพดีนั่นต่างหาก ที่ทำให้สาวน้อยรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า เมื่อจินตนาการไปว่าริมฝีปากสวยนั้นสัมผัสลงที่เรียวปากอิ่มของเธอ
"ขะ ขอบคุณค่ะ" เสียงขอบคุณแผ่วเบาอยู่ในลำคอ เมขลาหมดแรงแม้แต่จะพูดคำขอบคุณให้ได้ยินชัดๆ
สุภาพบุรุษแปลกหน้าที่ช่วยเธอไว้ มีมนต์บางอย่างทำให้ความมั่นใจของเมขลาลดลง ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของเขา กระชากหัวใจสาวน้อยให้หยุดมองอยู่กับที่ อ้อมกอดที่เคยอยากอยู่ห่างมีแรงดึงดูดให้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทุกอย่างในร่างกายเมขลาหยุดชะงักและเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งเสน่หา
"ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม" ชาร์ลถามเสียงเบาราวกับว่าถ้าพูดดังกว่านี้ แม่สาวน้อยในอ้อมแขนจะวิ่งหนีหายไปต่อหน้าต่อตาเสียอย่างนั้น
พระเจ้า ใครปล่อยให้นางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนมาเดินเล่นในคฤหาสน์โดยไม่มีใครดูแล เมื่อครู่ถ้าเขามาไม่ทันแล้วนางฟ้าคนสวยล้มไปใครจะดูแล ไม่ได้การแล้ว ชาร์ลอาสาเองที่ขอเป็นคนดูแลนางฟ้านิรนามคนนี้ นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป
"มะ ไม่เป็นไรคะ ขะ ขอบคุณมากนะคะ" เมขลาก้มหน้าไม่กล้าสบตา
นัยน์ตาสีน้ำตาทองที่มองมามีพลังลึกลับ คล้ายกับจะสะกดให้เธอตกอยู่ในอำนาจที่อีกฝ่ายปรารถนา เมขลาไม่ได้กลัวเพียงแต่รู้สึกว่าไม่อาจสู้แรงต้านทานที่ส่วนลึกของจิตใจเรียกร้องได้ หากว่ายังฝืนมองจ้องดวงตาคู่นั้นอีกต่อไป
"คุณมาทำอะไรที่นี่ นั่งพักก่อนไหม ให้ผมดูขาคุณหน่อยว่าเจ็บหรือเปล่า" ชาร์ลไม่รอคำตอบของอีกฝ่ายว่ายินยอมหรือไม่ ถือวิสาสะอุ้มร่างที่อยู่ในอ้อมกอดลอยละลิ่วไปนั่งที่โซหาหรูกลางห้องโถงอีกครั้ง เมขลาทั้งตกใจทั้งอายไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวตกซ้ำยังคว้าบ่าของชายหนุ่มเป็นที่ยึดเหนี่ยวไว้แน่นอีกด้วย
"ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ คุณมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันรอเพื่อนอยู่ค่ะ" เมขลากล่าวด้วยความเกรงใจยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยแทนคำของคุณ ใบหน้าหวานเริ่มร้อนผ่าวเมื่อร่างกายสัมผัสใกล้ชิดอีกฝ่ายมากขึ้น
ใจจริงก็ไม่ได้อยากไล่ให้ไปพ้นหน้า แต่ว่าขอเว้นระยะห่างให้หัวใจมันเต้นเข้าที่เข้าทางเสียหน่อย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ที่พบหน้ากันดวงตาสีน้ำตาลทองคู่นี้ทำให้รู้สึกพ่ายแพ้ต่อการปฏิเสธ และดูท่าว่าจะยินดีโอนอ่อนผ่อนตามในสิ่งที่เขากระทำให้อีกด้วย
"ขาคุณเจ็บหรือเปล่า" ชายหนุ่มคุกเข่าลงที่พื้น เอื้อมมือมาจับที่เท้าของเมขลาอย่างไม่รังเกียจ
รอยยิ้มเมื่อครู่ดึงหัวใจเขาไว้ไม่ให้ไปไหนได้อีก ท่านประธานหนุ่มลืมสิ่งที่ตนตั้งใจจะทำไว้แต่แรก และหาเรื่องที่จะได้อยู่ใกล้เมขลาต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้เบื่อ รอยยิ้ม ดวงตา ใบหน้า ตลอดจนรูปร่างที่น่าทะนุถนอม ทุกอย่างที่รวมกันเป็นเธอดึงหัวใจชาร์ลไว้ได้อยู่หมัดเลยจริงๆ
"มะ ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ" หญิงสาวรีบชักเท้ากลับเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแตะต้องได้
"ถ้างั้นผมดูรองเท้าให้ดีกว่า เผื่อว่าส้นมันมีปัญหาเราจะได้แก้ไขทัน ก่อนที่คุณจะออกไปล้มกลางงานเลี้ยงคืนนี้" ชาร์ลพูดด้วยรอยยิ้มเป็นประกายสดใส แล้วเริ่มลงมือถอดรองเท้าเจ้าปัญหาออกมาพินิจพิเคราะห์ดูอย่างละเอียด
ชาร์ลไม่ได้มีความรู้เรื่องรองเท้าแต่ประการใด แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้อยู่ใกล้นางฟ้าแสนสวยคนนี้ พิจารณาดูแล้วรองเท้าคู่นี้น่าจะเพิ่งซื้อใหม่ หรืออาจจะซื้อมาสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้โดยตรงด้วยซ้ำ
เมื่อก้มลงมองที่เท้าของหญิงสาว ชาร์ลถึงเห็นว่าเจ้ารองเท้าคู่นี้ ทำร้ายให้ผิวเนียนขาวเกิดรอยแดงซึ่งน่าจะเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยกันมาก่อน
"มันกัดคุณ" เขาเอ่ยสั้นๆ แล้วหยิบรองเท้าขึ้นมาดูอีกครั้ง
"จะทำอะไรคะ" เมขลาถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเขาหยิบรองเท้าขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
"คุณคงจะไม่ได้กัดมันก่อนหรอกนะ" สาวน้อยถามทีเล่นทีจริง แล้วรีบขอรองเท้าคืนมาทันที
"เดี๋ยวผมจัดการให้" ชาร์ลคิดว่าเรื่องนี้คนในบ้านของตนคงแก้ปัญหาได้ แต่ติดตรงที่ตอนนี้ส่วนใหญ่ ทุกคนอยู่ในงานเลี้ยงหมด
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันใส่ได้" เมขลารีบดึงรองเท้าคืนมา แต่ชาร์ลไม่ยอมให้คืนแถมยังจับมือที่จะเข้ามาดึงรองเท้าคืนไว้อีกด้วย
ดวงตาทั้งคู่ประสานกันโดยมิได้ตั้งใจ นัยน์ตาสีทองประกายวาววับแสดงถึงความพึงพอใจที่เมขลาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันทำให้แก้มสาวเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที และหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะรู้สึกเขินอายอย่างไม่มีสาเหตุ ยิ่งเขามองนานเท่าไร ร่างกายของเธอก็ยิ่งร้อนวูบวาบราวกับจะเป็นไข้ ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้มาก่อน
"เดี๋ยวผมจะเอารองเท้าไปจัดการให้ คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ" ชาร์ลบอกพลางปล่อยมือที่กุมไว้ออกอย่างช้าๆ
สายตาของชาร์ลมองมือที่ตนเพิ่งปล่อยไปด้วยความเสียดาย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าอยากจะกอบกุมมือของใครไว้ให้เนิ่นนานกว่านี้
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งรอเพื่อนตรงนี้ก็ได้ ขอบคุณมากนะคะ"
