บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ผ่าตัด

รถคันหรูแล่นจอดหน้าบ้านหลังเล็ก ก่อนหญิงสาวจะก้าวเท้าลงจากรถไม่ลืมหันไปหาภูวิช

“ขอบคุณพี่วิชมากนะคะสำหรับวันนี้”

“ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี” สำหรับภูวิชแค่ได้อยู่ด้วยกันกับเธอก็ดีมากเหลือเกิน

“งั้นรินขอตัวเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ”

หลังจากแยกย้ายกันลลิตาเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกโหวงเหวง คืนนี้ภายในบ้านเงียบผิดปกติทุกครั้งที่เธอกลับบ้านแม่จะนั่งคอยตรงโซฟาตัวเก่าเสมอ แต่รอบนี้เงียบราวกับไม่มีคนอยู่ ขณะนี้ใจแอบกังวลนิดหน่อย

เธอไม่ปรารถนาให้มารดาเป็นอะไรทั้งนั้น ชีวิตนี้ของเธอขอแค่แม่สุขภาพแข็งแรงและอยู่ด้วยกันนาน ๆ ก็ไม่หวังอะไรทั้งนั้น

“แม่คะ รินกลับมาแล้ว” เธอพยายามส่งเสียงดังไว้เผื่อมารดาอยู่หลังบ้านแล้วไม่ได้ยิน หญิงสาวพยายามเรียกมารดาตลอดทางเข้าบ้าน ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร เมื่อหาทั่วบ้านไม่เจอจึงเดินเข้าไปในครัว ทันใดนั้นเห็นแม่นอนแนบนิ่งกองบนพื้น

“แม่!!” ลลิตารีบวิ่งเข้าประคองมารดา พลางเขย่าเรียกซ้ำ ๆ หลายรอบ แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่า ไร้การตอบสนองใด ๆ ไม่รอช้ารีบพาไปยังโรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงวัยกลางคน

หญิงสาวนั่งคอยแม่หน้าห้องฉุกเฉินพลางนำมือทั้งสองข้างปิดใบหน้า ปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลอาบแก้มนุ่มทั้งสองข้าง

“ฮือ ๆ รินขอโทษที่ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว” ลลิตาร้องไห้สะอื้นด้วยความกลัวจะสูญเสียแม่อันเป็นที่รักไป

“คุณหมอคะ แม่เป็นยังไงบ้าง” รีบปรี่ตรงไปหาแพทย์เจ้าของไข้ทันทีที่ปรากฏ

“คนไข้ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจด่วนครับ”

“ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเท่าไรคะ”

“เจ็ดแสนบาทครับ เนื่องจากทางเราต้องส่งคนไข้ไปรักษากับโรงพยาบาลในตัวเมืองที่มีอุปกรณ์การแพทย์ครบครันกว่าที่นี่ ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดจึงค่อนข้างสูง”

แพทย์เจ้าของไข้พูดจบก็เดินจากไป ทิ้งเพียงความว่างเปล่าให้ลลิตา ก่อนเธอจะทรุดลงกับพื้นเย็นแล้วปล่อยน้ำตาอีกครั้ง ในใจภาวนาขอให้แม่ปลอดภัย

“แม่คะ รินจะทำยังไงดี” ลลิตาพยุงกายอ่อนล้าไปยืนหน้าห้องฉุกเฉินและปรายตามองข้างใน เธอน้อยใจกับโชคชะตาเหลือเกิน ทำไมทุกอย่างต้องลงเอยเช่นนี้

ณ สนามบินแห่งหนึ่ง

หลี่เหว่ยเดินทางมาประชุมที่ไทยเป็นระยะเวลานานสองเดือน เพื่อดำเนินการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์จากจีนเข้ามาในไทยใน สาขาหลักเข้าสู่เข้าสาขาย่อยในไทย การมาครั้งนี้จึงค่อนข้างใช้เวลานานกว่าที่ผ่านมา

“นายท่านทางนี้ครับ” หวังปิงนำทางหลี่เหว่ยไปยังรถตู้ที่จอดรอข้างนอกเพื่อมุ่งไปที่คฤหาสน์

ขณะรถกำลังแล่นบนท้องถนน ทันใดนั้นคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน เนื่องจากลุงแดงคนขับเกือบชนเข้าไปยังร่างหญิงสาว

“เกิดอะไรขึ้น” หลี่เหว่ยถามขึ้นพลางเลิกคิ้วเข้มขึ้นเชิงสงสัย

“คนวิ่งตัดหน้ารถครับ ผมขอลงไปดูก่อนนะครับ” ลุงแดงตอบคนนั่งเบาะหลังที่ท่าทางน่าเกรงขาม

“อืม ไปเถอะ” หลี่เหว่ยเอ่ยอนุญาตเป็นภาษาไทยอย่างฉะฉานแก่คนขับรถ ก่อนสนใจนั่งดูกราฟในแท็บเลตต่อ

“เป็นอะไรมากไหม” ลุงแดงเดินลงจากรถไปช่วยประคองหญิงสาวที่ล้ม

“ไม่เป็นไรค่ะ รินขอโทษลุงด้วยนะคะ รินไม่ทันมองรถ” ลลิตาพนมมือไหว้คนตรงหน้าอายุราวห้าสิบปี

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นลุงขอตัวก่อนละ”

“ค่ะ” ลลิตามองตามหลังรถตู้คันนั้นจนลับหาย ก่อนรีบไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากเรียนจบหญิงสาวยังไม่มีโอกาสได้หางาน เนื่องจากเพิ่งเรียนจบและยังไร้ประสบการณ์ อีกทั้งเป็นห่วงแม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เลยทำได้แค่รับจ้างทั่วไป

เมื่อเดินมาถึงคฤหาสน์หลี่เหว่ยก็ตรงเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนจากการเดินทางเหน็ดเหนื่อย ทว่าพยายามเท่าไรก็นอนไม่หลับ เนื่องจากคิดถึงผู้หญิงที่เกือบถูกลุงแดงชนเมื่อสักครู่ เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะมองเหตุการณ์แต่มีแรงจูงใจบางอย่างทำให้เขาเงยหน้ามอง แวบแรกได้เห็นหญิงสาวกลับรู้สึกถูกชะตาอย่างน่าประหลาดใจ จนอยากพบเธออีกครั้ง

“เธอเป็นใครกัน” แหงนหน้ามองเพดานห้องด้วยความสงสัยในตัวหญิงสาว

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

ลลิตาทำงานรับจ้างทั่วไปเพื่อนำเงินไปรักษามารดา แม้เงินจะน้อยและไม่พอจ่ายค่ารักษา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย วันนี้เธอมาล้างจานร้านข้าวต้ม เธอทำอย่างขยันขันแข็งไม่บ่นสักคำถึงจะเหนื่อยเพียงใดก็ทำอย่างเต็มที่

“ค่าจ้างเธอวันนี้ พรุ่งนี้มาอีกนะ” เจ้เจ้าของร้านข้าวต้มยื่นเงินให้หญิงสาว

“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเงินค่าจ้างก่อนมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที กว่าจะได้ไปหามารดาก็เกือบเที่ยงคืน

ลลิตาทำแบบนี้เกือบทุกวัน หลังเลิกงานจะไปหามารดาที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ

ระหว่างลลิตากำลังจะไปห้องพักฟื้น ทันใดนั้นไม่ทันระวังเผลอชนเข้ากับร่างใครคนหนึ่ง คราแรกคิดว่าเธอต้องล้มแน่นอนแต่เปล่าเลยเมื่อแขนกำยำของใครคนหนึ่งโอบเอวคอดกิ่ว

หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาเชื่องช้ามองคนตรงหน้า เมื่อสบสายตากันต่างฝ่ายก็รู้สึกอบอุ่นในใจ และหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ก่อนเธอจะดึงสติกลับมาอีกครั้ง ทั้งหันหน้าหนีและผละออกจากอ้อมกอดเขาทันที

“ขอโทษค่ะ” ลลิตากล่าวด้วยภาษาอังกฤษ เธอไม่ทราบคนตรงหน้าเป็นประเทศอะไร แต่เท่าที่เห็นคงไม่ใช่คนไทยแน่นอน คงไม่น่าเข้าใจภาษาไทย เธอจึงเลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเพราะเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วไป

“อืม” หลี่เหว่ยตอบรับเพียงสั้น ๆ ไม่แสดงอาการใดแก่คนตรงหน้า

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ลลิตารีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ต่อว่าอะไร

หลี่เหว่ยทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังเล็กของเธอจนลับหาย เขาจำเธอได้เพราะเป็นผู้หญิงที่ลุงแดงเกือบขับรถชน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel