Ep.4 - ทายาทตัวน้อย
“แม่ดีใจด้วยนะลูก หนูต้องดูแลตัวเองด้วยนะ ว่าแต่แพ้ท้องรึเปล่าแอนนาเบล” นางถามพร้อมปล่อยทั้งสองออกจากวงแขนของตัวเอง
“มีแพ้ค่ะ มึนหัวตอนเช้าและอ้วกค่ะ อ้วกจนเพลียเลยค่ะแม่”
“ปกติลูก ตอนแม่ท้องแอนนาเบล แม่ก็เป็นแบบนั้น” นางหันมาลูบแก้มลูกสาวพร้อมโน้มลงมาจุ๊บแล้วพูดต่อ “เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะลูก”
“ผมมีนัดกับโทนี่ครับคุณแม่ เห็นทีจะอยู่ทานด้วยไม่ได้” เขาบอกท่าน ถึงไม่มีนัด เขาก็ไม่อยู่ทาน เพราะเขาไม่ชอบกลิ่นอาหารของพวกมนุษย์
“คุณรีบกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวโทนี่มาจะไม่เจอคุณ” ว่าที่คุณแม่บอกว่าที่คุณพ่อ
“ครับ ผมฝากแอนนาเบลด้วยนะครับคุณแม่ เดี๋ยวผมมารับครับ”
“ไม่ฝากแม่ก็ดูแลดีอยู่แล้วจ้ะเดวิล ไปเถอะลูก เดี๋ยวโทนี่จะรอ”
“ครับ ผมลานะครับ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นยกมือไหว้ท่านแบบไทยอย่างที่ภรรยาสอนก่อนจะเดินจากไป
“เดวิลเนี่ยเป็นลูกเขยที่แม่ปลื้มมากเลยรู้ไหม”
“ปลื้มยังไงคะ”
“หล่อ นิสัยดีไม่พอยังรวยอีก แถมดูแลลูกแม่ดีมากๆ แม่ดีใจมากที่หนูเจอผู้ชายดีๆ แบบเดวิล”
“แม่ก็พูดเกินไป แม่คะ หนูอยากกินมะม่วงน้ำปลาหวาน” หล่อนบอกเมื่อนึกอยากกินขึ้นมา
“เดี๋ยวแม่ให้คนไปดูให้ พอดีว่าแม่เพิ่งสั่งของจากไทยมาเลยนะเมื่อวานนี้ มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้น”
“ค่ะ แม่น่ารักที่สุดเลย”
“ก็แม่มีลูกคนเดียวนี่นะ เดี๋ยวแม่มานะ อยากได้อะไรสั่งเด็กเลยลูก”
“ค่ะแม่” เมื่อแม่เดินจากไปเธอก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาว เมื่อความอ่อนเพลียเล่นงานเลยทำให้เธอเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
พอมาถึงคฤหาสน์ เดวิลก็เห็นน้องชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาจึงชวนโทนี่ไปคุยกันที่ห้องลับ พอเข้ามาในห้องลับแล้วเขาก็สั่งให้หลุยส์จัดการเครื่องดื่มให้เขาและน้องชายคนละแก้ว แน่นอน...เครื่องดื่มที่ว่าคือเลือดของมนุษย์นั่นเอง เดวิลไม่อาจเก็บความดีใจนี้ได้จึงบอกโทนี่ ญาติผู้น้องและหลุยส์ให้ทราบพร้อมกันว่าตอนนี้เขากำลังจะเป็นพ่อคน
“แอนนาเบลกำลังท้องลูกของฉัน” เขาบอกเพียงสั้นๆ แต่ใบหน้านั้นยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ทำเอาคนที่กำลังยกแก้วไวน์ที่ใส่เลือดขึ้นดื่มนั้นยกค้างชะงักทันที
“นายว่าไงนะเดวิล”
“เมียฉันกำลังท้องลูกของฉัน”
“โอ้...พระเจ้า! นายกำลังมีลูกกับมนุษย์”
“ใช่ ฉันกำลังมีลูกกับมนุษย์ และมนุษย์ที่ฉันรักด้วย” เขาบอกเพียงสั้นๆ แล้วกระดกแก้วเลือดดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะกระตุกจมูกแล้วสั่งหลุยส์เมื่อได้กลิ่นของมาเรียมเดินใกล้เข้ามาทางห้องลับ “หลุยส์นายไปจัดการคนสอดรู้สอดเห็นหน่อย มาแค่วันแรกทำตัวอยากรู้แบบนี้ฉันไม่ชอบ”
“ครับท่าน” แล้วหลุยส์ก็หายแวบออกไปทันที
“นายไม่ควรจ้างมนุษย์” โทนี่เอ่ยขึ้น
“ฉันรู้ แต่เมียฉันต้องการเพื่อน”
“นายก็ควรพาคนของเรามาอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“นายก็รู้ว่าเมียฉันเป็นมนุษย์ ถ้าหากพวกนั้นมันทำร้ายเมียฉันล่ะ หิวเลือดขึ้นมาแล้วกัดคอเธอจะทำยังไง” ใบหน้าที่ยิ้มก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
“ฉันถึงบอกนายแต่แรกแล้วว่าอย่าไปหลงรักมนุษย์ แต่นี่นายทั้งรักทั้งหลงและกำลังจะมีลูกกับหล่อนอีก” โทนี่เคยเตือนเคยบอกญาติผู้พี่แล้วว่าอย่าไปมีใจหลงรักมนุษย์อ่อนแอ แต่วันนี้ญาติผู้พี่กำลังจะมีทายาทที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์
“ถ้านายเจอคนที่นายรัก นายจะเข้าใจฉันโทนี่”
“มันไม่มีวันนั้นหรอก ชีวิตของฉันชอบอิสระมากกว่าการผูกมัดแบบนาย”
“เมื่อก่อนฉันก็คิดเหมือนนาย จนมาเจอแอนนาเบล”
หึหึ
“ความรักเหรอเดวิล ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันรักใครแน่นอน”
“ฉันจะรอดู”
“เป็นพันปีนายก็ไม่มีวันได้เห็นวันนั้นหรอกเดวิล แล้วนี่เมียนายไม่กลับมาด้วยเหรอ”
“อยู่ทานข้าวกับแม่และพ่อ ตอนเย็นค่อยกลับน่ะ”
“แล้วนายจะไปรับเธอ ให้ตายสิ การที่นายพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนมนุษย์เพื่อแอนนาเบล นายลำบากไหมวะ ลำบากไหมที่ต้องนั่งรถ ขับรถเพื่อไม่ให้เธอสงสัย ทั้งๆ ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้”
“สำหรับคนที่เรารักแล้วไม่มีคำว่าเหนื่อยหรือพยายามหรอกโทนี่ เอาเลือดอีกไหม” เขารินเติมเลือดให้ตัวเองพร้อมถามญาติผู้น้อง
“ไม่ล่ะ ฉันพอแล้ว”
“อือ...ไม่เปลืองดี” แล้วเขาก็ยกแก้วไวน์ใส่เลือดที่เพิ่งรินใหม่ขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมดแก้ว
“นายนอนกอดมนุษย์ทุกคืนได้ยังไง กลิ่นเลือดของเธอทำให้นายนอนหลับลงได้เหรอเดวิล” โทนี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชายจะอดทนได้นานขนาดนี้ เพราะตอนแรกเขาคิดว่าไม่น่าถึงเดือน พี่ชายก็จะขย้ำคอของแอนนาเบล แต่ผิดคาด ตอนนี้ทั้งสองกำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว และลูกของทั้งสองก็คือหลานของเขาด้วย
“ความรักไงล่ะ ที่ทำให้ฉันผ่านมันมาได้ทุกครั้ง”
“ไร้สาระน่าเดวิล นายมีหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ที่ฉันเจอเมียฉันนั่นแหละ”
“นายเริ่มเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกทีแล้วนะ ต่างแค่นายกินอาหารของพวกมนุษย์ไม่ได้ นายยังดื่มเลือดมนุษย์อยู่”
“ฉันก็คือฉัน โทนี่”
“นายไม่ใช่นายอีกแล้วเดวิล ตอนนี้วิญญาณของนายเป็นของมนุษย์ไปแล้ว เป็นของแอนนาเบลกับลูกไปแล้ว”
หึหึ
เขายิ้มขำในลำคอก่อนจะตอบกลับ
“นั่นสินะ ทุกวันนี้ชีวิตแวมไพร์อย่างฉันอยู่ได้เพราะมีแอนนาเบล เพราะเธอทำให้ฉันรู้คุณค่าของตัวเอง จากเมื่อก่อนเคว้งคว้างไร้จุดหมาย แล้วนายล่ะโทนี่ นายรู้จักจุดหมายของนายรึยังตอนนี้”
“ไม่เห็นต้องมี เพราะเราไม่มีวันตาย นายก็รู้”
“การที่เราเป็นอมตะ มันทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง มีชีวิตก็เหมือนไม่มีชีวิต” คำพูดของเดวิลทำให้โทนี่นิ่งคิดตามแล้วก็ต้องเม้มปากแน่น ใช่...เขามีความรู้สึกพวกนี้ มีความรู้สึกอย่างที่เดวิลพูดมาทุกอย่าง แต่ก็แค่บางครั้งบางเวลาเท่านั้น
“ฉันกลับล่ะ ฉันแค่แวะมาพูดคุยทักทายนายตามประสาพี่น้องเฉยๆ”
“นายไม่อยู่รอเจอแอนนาเบลเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากเจอเมียของนาย”
“นายเนี่ยนะ ยังไงแอนนาเบลก็มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้นาย”
เหอะ!
โทนี่ทำเพียงแค่ขำยักไหล่แล้วลุกขึ้นยืนแล้วก็หายวับไปทันที ตอนมาเขาก็มาแบบนี้ ตอนกลับก็กลับแบบเดิม ส่วนเดวิลก็เดินออกจากห้องลับของตัวเองเพื่อจะไปหาหลุยส์กับมาเรียม ไม่รู้ว่าตอนนี้หลุยส์จัดการกับมาเรียมยังไง
“จำไว้นะ ถ้ายังอยากทำงานที่คฤหาสน์เชค เธอไม่ควรเดินไปแถวนั้น” หลุยส์บอกสั่งมาเรียม ใจอยากขย้ำคอดูดเลือดให้หมดตัวนัก แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขาเลิกฆ่าดูดเลือดมนุษย์สดๆ มานานแล้ว
“ค่ะ ฉันจะจำไว้ค่ะ”
“จำแล้วต้องทำให้ได้ คุณท่านไม่ชอบให้ใครไปใกล้ที่นั่น ถ้าจะให้ดีคือห้ามเดินไปโซนนั้นเลย หน้าที่ของเธอคือไม่ต้องทำอะไรในบ้านทั้งนั้น อยู่เป็นเพื่อนคุณแอนนาเบล ภรรยาของคุณท่านพอ”
“ค่ะ ฉันจะจำไว้”
“ดี! ไม่ใช่แค่จำไว้ แต่เธอต้องทำให้ได้ เพราะฉันเกลียดที่สุดคือพวกอยากรู้อยากเห็น” เป็นเสียงทุ้มของเดวิลที่เอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองเจ้าของต้นเสียงแล้วก้มหน้ามองหลังเท้าตัวเอง
“ค่ะท่าน ฉันจะไม่ไปแถวนั้นอีก”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ”
จากนั้นเดวิลก็เดินจากไปทิ้งให้หลุยส์คุยกับหล่อนต่อ ตอนนี้เขาอยากไปรับแอนนาเบลกลับมาคฤหาสน์แล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงกว่าเอง หล่อนคงกลับดึกแน่วันนี้ หรือไม่ก็ค้างที่นั่นเหมือนทุกครั้งที่ไป ซึ่งไม่ชอบเลยเวลาที่แอนนาเบลค้างที่บ้านนั้น
