๘ ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ (๒)
“ไม่ร้อน หนูแค่ขี้เกียจ” คำตอบของมารดาทำเอาหนูน้อยถึงกับโอดครวญเสียงแผ่ว อยากล้มตัวบนเตียงแล้วเล่นกับเจ้าสี่ขามากกว่าไปโรงเรียนนี่น่า
“หม่าม้า...”
สุดท้ายก็ต้องจับใส่ถุงเท้าแล้วอุ้มไปรอรถที่หน้าบ้าน พร้อมโบกมือส่งหนูน้อยไปโรงเรียน แล้วจึงเข้ามาในบ้านเพื่อหยิบของสำคัญเตรียมไปทำงานในร้านกาแฟ ซึ่งไม่ค่อยจะมีลูกค้าสักเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังขายได้วันล่ะห้าสิบแก้วเป็นอย่างต่ำ
โต๊ะริมกระจกซึ่งอยู่มุมด้านในสุดของร้าน สามารถมองเห็นวิวไร่ผลไม้ที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยได้ค่อนข้างชัด อีกทั้งยังมีภูเขาสูงใหญ่ทับซ้อนกัน หยอกล้อกับปุยเมฆสีขาวที่ลอยต่ำมาหลอกล่อ เพียงแค่มองด้วยสายตาก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
สามารถวาดภาพเป็นฉากทั้งยังเขียนบรรยายได้ไม่รู้เบื่อ การ์ตูนของหล่อนถูกซื้อไปแปลภาษาหลายประเทศ ทั้งยังมีโอกาสถูกนำไปทำเป็นละคร เพราะหล่อนไม่ปิดโอกาสของตัวเอง
เมื่อก่อนมักจะปฏิเสธที่มีคนหยิบยื่นความหวังดีของการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดว่าตนเองยังไม่เก่งพอที่จะได้รับสิ่งเหล่านั้น แต่ตอนนี้หญิงสาวเลือกจะเปิดรับทุกอย่าง พร้อมผลิตผลงานที่ทำให้คนติดใจทั่วบ้านทั่วเมือง
“สวัสดีครับคุณไหม” เสียงทักทายดังขึ้นจนต้องเหลียวกลับไปมอง เธอยิ้มกว้างให้แขกที่มีมิตรไมตรีอันดีให้กันมาโดยตลอด
“พ่อเลี้ยง ถืออะไรมาเยอะแยะคะ”
รีบลุกจากเก้าอี้พลางเดินเข้ามารับตะกร้าใบใหญ่จากมือของชายหนุ่ม ดวงหน้าคมมีหนวดเคราขึ้นตามคางสร้างภาพลักษณ์น่าเกรงขามให้แก่เจ้าตัว ผู้เป็นเจ้าของไร่แสงฉานที่อยู่ติดกับที่ดินบ้านของหล่อน สามารถไปมาหาสู่กันได้ตลอด
พ่อเลี้ยงนคินทร์ กรชวัลที่ผู้คนแถวนี้ต่างให้ความเคารพและยำเกรง ความร่ำรวยของเขาไม่ต้องพูดถึง มีที่ดินกว่าร้อยไร่อยู่ในครอบครอง แต่ก็ไม่ถือตัวหรือเจ้ายศเจ้าอย่าง เป็นกันเองกับลูกน้องทุกคน ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร
สร้างผืนดินเปล่าให้มีคุณค่า สร้างงานและอาชีพให้คนในท้องถิ่นได้ลืมตาอ้าปาก หล่อนจึงให้ความเคารพนับถือคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“ผลไม้ที่ไร่ครับ ผมคัดมาให้คุณไหมกับน้องพิมพ์โดยเฉพาะเลยนะ ของชอบคุณไหมทั้งนั้น” หญิงสาวกวักมือเรียกพนักงานที่มีเพียงคนเดียวให้มาช่วยยกผลไม้ไปไว้หลังร้าน ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าที่มีน้ำใจให้ตนมาโดยตลอด
“ขอบคุณมากค่ะ ให้เยอะขนาดนี้ไหมเกรงใจ ขอทำกาแฟเป็นการขอบคุณนะคะ เชิญเลือกที่นั่งได้ตามสบายค่ะ” ผายมือเป็นการเชื้อเชิญ พ่อเลี้ยงยิ้มกว้างพลางผงกศีรษะไม่ปฏิเสธสักคำ เขามาเพื่อจะได้บอกเรื่องสำคัญแก่หล่อน
และอยากเห็นดวงหน้าหวานของปาลิตา...
ผู้เข้ามาครองใจได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า
“ครับ”
ใช้โอกาสนี้แอบมองหล่อนที่เดินไปหลังเคาน์เตอร์ หยิบจับเครื่องทำกาแฟอย่างชำนาญ บางครั้งที่คนเยอะและพนักงานที่มีเพียงคนเดียวไม่อาจรับมือไหว เจ้าของร้านอย่างปาลิตาก็รีบเข้าช่วยทันที เป็นร้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง
“กาแฟมาแล้วค่ะ” แก้วสีขาวพร้อมจานรองถูกวางตรงหน้าแขกกิตติมศักดิ์
หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเขาตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มยอมขายที่ดินผืนนี้ให้ตนในราคาถูก เป็นเพื่อนบ้านแสนดีตลอดระยะเวลาหลายปี
เปรียบเสมือนพี่ชายใจดี...ในความรู้สึกของเธอ
“สัปดาห์หน้าผมต้องไปดูงานที่นิวซีแลนด์คงไม่ค่อยได้มาหาคุณไหม อยากได้อะไรไหมครับ ขากลับผมจะได้ซื้อมาฝาก” ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้ววางลงเสียงเบา เข้าเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปสักพัก
สิ่งที่นคินทร์นึกเสียดายคือจะไม่ได้เห็นใบงดงามไปอีกพักใหญ่ เขาอยากพาหล่อนไปด้วย แต่เราก็เป็นแค่คนบ้านใกล้เรือนเคียง อีกทั้งหญิงสาวยังมีลูกให้ต้องดูแล
คงไม่เต็มใจไปด้วยกันสักเท่าไหร่
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรเลย ไหมไม่อยากได้อะไรหรอก แล้วพ่อเลี้ยงไปนานแค่ไหนคะ”
“สองสัปดาห์ครับ พอดีผมมีเพื่อนที่นั่นแล้วเขาเก่งเรื่องปลูกกีวี่ กะจะไปเรียนรู้วิชามาปลูกที่ไทยสักหน่อย แต่ถ้าคุณไหมอยากไปที่ไร่ก็ไปได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ไร่แสงฉานยินดีต้อนรับคุณไหมเสมอ” รู้ดีว่าหญิงสาวชอบไปเดินเล่นที่ไร่ ซึ่งที่ประจำของหล่อนมักเป็นใต้ต้นไม้ พร้อมเครื่องมือทำงานคู่ใจที่ต้องขีดเขียนตลอดเวลา
หล่อนคงไม่ทราบว่าเขาเองก็แอบมองตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่บ่อยครั้ง พยายามไม่เข้าไปรบกวนสมาธิ ถึงจะอยากนั่งข้างกายหญิงสาวมากแค่ไหน ก็นึกกลัวว่าจะเป็นการรุกมากเกินไป จนเผลอทำให้ปาลิตาถอยหนี
จึงพยายามเว้นช่องว่างเอาไว้ ไม่รุกมากแต่ก็ไม่ปิดโอกาสของตัวเอง ยังคงพยายามเข้าหาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหล่อนมากนักก็ตาม
“อย่าเปิดทางสิคะ ไหมยิ่งชอบไปซะด้วย”
“ไปบ่อยๆ ได้ครับ หรือสนใจอยู่ตลอดชีวิตก็ได้นะ” หยอดคำหวานพร้อมรอยยิ้มกริ่มที่ปาลิตาไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร พอจะทราบถึงความรู้สึกของนคินทร์ที่มีต่อตน เพราะเขาแสดงออกชัดเจน ยังดีที่มันไม่มากเกินไปจนทำให้หล่อนอึดอัด
“กาแฟอร่อยไหมคะ” ตัดบทจนเขาอึ้งไปชั่วอึดใจ จากนั้นค่อยยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกรอบ พร้อมชื่นชมในฝีมือการชงกาแฟของหล่อน
“อร่อยมากครับ” อยู่คุยกับหญิงสาวอีกครู่ใหญ่แล้วค่อยกลับไร่เมื่อได้รับโทรศัพท์เพื่อคุยเรื่องงาน ร่างบางออกมาส่งหน้าร้านพร้อมโบกมือลาด้วยรอยยิ้มหวานตราตรึง จนนคินทร์นึกอยากครอบครองไว้เพียงผู้เดียว
แต่ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะยอมเปิดโอกาสให้ตนหรือเปล่า ในแววตาของเธอเหมือนมีเรื่องราวบางอย่างซ่อนเอาไว้ จนเขาไม่กล้าจะเข้าใกล้มากกว่าที่เป็น
ไปดูงานคร่าวๆ จนได้ข้อสรุปแล้วนำมาคุยกับทีมของตัวเอง นอกจากตำแหน่งวิศวกรเขายังควบงานบริหารอีกด้วย เคยเข้าไปพูดกับบิดาบ่อยครั้งว่าไม่อยากดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท แค่งานก่อสร้างที่ต้องรับผิดชอบก็มากพอแล้ว ยังต้องมาอ่านเอกสารรายงานเป็นปึกต่อวันอีก
การจะหาคนมานั่งเก้าอี้รองประธานไม่ยาก เพราะบอร์ดบริหารก็มีคนเต็มใจขึ้นมาอยู่ตำแหน่งนี้ เพียงแค่คุณฉันท์ทัตไม่ไว้วางใจผู้อื่น กลัวจะกลายเป็นเลี้ยงงูเห่าไว้ใกล้ตัว ถึงได้ให้ลูกชายของตนแบกภาระอันหนักอึ้งจนแทบไม่มีเวลานอน
อาชาไนยคือคนเดียวที่ท่านไว้ใจ...
“มานี่สิเอลล่า” ห้องว่างด้านล่างถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงานของเขา นอกจากนั้นที่บานไม้หนายังถูกเจาะเป็นประตูสำหรับแมวเหมียวสามารถเดินเข้าออกได้สะดวก
เจ้าเอลล่ากลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านที่ถูกเอาอกเอาใจจากชายแสนเย็นชา มันคลอเคลียจนสามารถขึ้นไปนอนบนเตียงกับอาชาไนยได้ กลายเป็นสัตว์ตัวโปรดอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งอ่านเอกสารและเซ็นทุกอย่างให้เรียบร้อย กลับมีสายโทรเข้าจนต้องละสายตาจากหน้ากระดาษเพื่อหยิบเครื่องมือสื่อสารมารับ เพียงแค่เห็นชื่อก็ต้องถอนหายใจ รู้ว่างานกำลังจะเข้าตัวเองเสียแล้ว
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
‘ไปดูงานมาแล้วใช่ไหม’
“ครับ ผมคงต้องอยู่ที่นั่นสักเดือนจนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง...” จากการไปดูหน้างานรู้เลยว่าค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร เพราะเป็นการสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีกำหนดเวลาแล้วเสร็จชัดเจนในสัญญา แต่กลับมีปัญหาคืออุปกรณ์ที่สั่งไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องหาของใหม่ทั้งหมดแล้วเกณฑ์วิศวกรที่เหลือมาช่วยคุมงาน ไม่อย่างนั้นเกรงว่าอาจไม่เสร็จตามกำหนดเดิม
รู้ทันทีว่าแผนทั้งหมดคงเป็นกำจรที่วางกับดักเอาไว้ หนอนบ่อนไส้ที่เขาอยากขยี้ให้แหลกคามือเสียเดี๋ยวนี้
‘แกน่าจะได้อยู่นานกว่านั้น’ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที มือที่ลูบหัวเจ้าเหมียวหยุดชะงัก รับรู้ถึงลางร้ายที่คืบคลานเข้ามาใกล้
“ทำไมครับ”
‘มีงานอีกชิ้นของกำจรที่ฉันไม่ไว้ใจใครให้ทำนอกจากแก งานนี้ง่ายหน่อยแค่ไปดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เป็นรีสอร์ทของไร่แสงฉาน’ คราวนี้ร่างสูงถึงกับถอนหายใจเมื่อมีงานงอกขึ้นเรื่อยๆ จนหมดอารมณ์จะทำอย่างอื่น
ทราบดีว่าท่านไว้วางใจตน ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ทำงานใหญ่ขนาดนี้ แต่บางทีเขาก็อยากมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ถวายให้งานไปจนหมด ทุกวันนี้เพื่อนแทบไม่คบอยู่แล้วเพราะเอาแต่ปฏิเสธการสังสรรค์ตลอด
“พ่อโยนงานมาให้ผมเยอะไปหรือเปล่า”
‘ฝากหน่อยแล้วกัน อยู่ว่างๆ จะได้ไม่ต้องเพ้อคิดถึงเมีย’ คราวนี้เขาถึงกับเด้งตัวจากการพิงพนักเก้าอี้ตัวหนา พร้อมปฏิเสธเสียงดังผ่านทางโทรศัพท์เมื่อกำลังถูกบิดากล่าวหาอย่างไม่ใกล้เคียงความจริงเลยสักนิด
“ผมไม่เคย!”
เขาไม่ได้คิดถึงปาลิตาสักหน่อย...
“เมี้ยว” เจ้าเอลล่าตกใจเกือบกระโดดหนี แต่ถูกคว้าไว้ได้ทันพร้อมเสียงทุ้มที่ปลอบปะโลมไม่หยุด
“ขอโทษ เสียงดังไปหน่อย” ลูบหัวแล้วเกาคางให้จนมันสงบ ก่อนที่เขาจะเหม่อลอยเมื่อวางสายจากบิดา คิดถึงเรื่องของอดีตภรรยาที่หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีคนพูดถึงและไม่เคยปรากฏตัวในงานสังคมเลยสักครั้ง
หล่อนไปอยู่ที่ไหนกันนะ
