บท
ตั้งค่า

๘ ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ (๑)

ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ

ดวงตากลมมองนาฬิกาสลับกับหยิบยางมัดผมหลากสีจากหน้ากระจกมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ตื่นแต่เช้ามาเตรียมทำอาหารให้บุตรสาวเพื่อไปโรงเรียน แล้วค่อยมาปลุกหนูน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ในมือก็กอดตุ๊กตาเป็ดอ้วนสีเหลืองเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

กว่าจะลากให้ลุกจากที่นอน ไหนต้องมาเฝ้าอาบน้ำแล้วช่วยแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย จึงได้พาเด็กหญิงมานั่งที่เก้าอี้สูงของโต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมหนังสือภาพนิทานเรื่องโปรด เพื่อให้ได้ดูระหว่างกินข้าวเช้าและทำผม

รู้สึกว่าวันนี้ช้ากว่าทุกวัน จึงพยายามเร่งมือสุดชีวิตในการทำทรงผมแสนสวยให้ลูกสาวตัวน้อย ไม่อย่างนั้นรถตู้ที่ทางโรงเรียนมารับจะต้องรอนานแล้วอาจทำให้ไปรับเด็กนักเรียนคนอื่นช้า

“หม่าม้า หนูอยากกินซุปข้าวโพด” นั่งกินข้าวไปได้สักพักก็บ่นแล้วกำลังจะหันมาบอกมารดาที่ยืนทำผมด้วยใจจดจ่อ ข้าวห่อไข่เจียวถูกกินไปกว่าครึ่ง สลับกับดื่มน้ำเปล่าที่วางไว้ข้างกัน ถึงปากจะบอกว่าอยากกินอย่างอื่นก็ตาม

แต่เมื่อมารดาทำอะไรให้ก็ต้องกิน เพราะอาหารทุกอย่างล้วนถูกปากทั้งสิ้น

“ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ม้าจะทำให้นะ แต่ตอนนี้หนูนั่งนิ่งๆ ก่อนได้ไหม ม้าทำผมไม่ได้เลย” พยายามเพ่งสายตาไปที่ทรงผม ตั้งแต่ได้เป็นแม่ก็พยายามเรียนรู้หลายเรื่องที่ตนไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นทรงผมที่เปลี่ยนไปทุกวันในตอนเช้า

เกิดจากการรังสรรค์ผลงานของคนเป็นแม่ทั้งสิ้น

บ้านหลังงามที่ปลูกอยู่บนเนื้อที่กว่าสามไร่ซึ่งแบ่งทำร้านกาแฟด้วย อย่างไรบ้านของเธอก็อยู่ติดถนนเส้นหลัก มีคนแวะเวียนเข้ามาสั่งเครื่องดื่มเป็นประจำ มีทั้งขาจรที่มาท่องเที่ยวและขาประจำซึ่งทำงานอยู่แถวนี้ พอขายได้บ้างแต่ก็ไม่ค่อยสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ

กระนั้นหล่อนก็ยังไม่คิดจะปิดเพราะอยากเปิดเพื่อตัวเองจะได้นั่งจิบกาแฟแล้วมองบรรยากาศโดยรอบระหว่างนั่งทำงาน รายได้จากการขายการ์ตูนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไหนจะรับวาดหน้าปกนิยายซึ่งงานเข้าจนคิวแน่นทั้งปี เรียกได้ว่างานรุ่งทั้งยังสุขภาพจิตดีอีกต่างหาก

เด็กหญิงพิมพ์พิชชา ยุติวิชญ์ พยายามกินอาหารเช้าให้หมดเพื่อที่มารดาจะได้ไม่บ่นว่ากินทิ้งกินขว้าง แต่ถึงปากจะเคี้ยวข้าวก็ยังคงพูดไม่หยุดตามนิสัยของเด็กช่างคุย

“ขอดูทีวีได้ไหมคะ” ดูภาพในนิทานจนหมดเล่มก็เริ่มเบื่อ ตักข้าวเข้าปากพร้อมเสียงที่เงียบซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ชอบสักเท่าไหร่ จึงเอ่ยปากอ้อนมารดาหวังว่าจะได้รับอนุญาต กลายเป็นถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาดจนปากจิ้มลิ้มคว่ำลง

“ไม่ค่ะ”

“ทำไมคะ” กำลังจะหันมาถามแต่ก็โดนจับใบหน้ากลมให้หันกลับไป ปาลิตาทำผมให้ลูกไม่เสร็จสักทีเพราะเจ้าตัวไม่เคยนั่งนิ่ง นอกจากชอบชวนคุยแล้วยังขยับตัวตลอดเวลา จนเธอต้องถอนหายใจไปไม่รู้กี่รอบ สายตาจ้องนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างฝาบ่อยครั้ง ยังต้องเงี่ยหูฟังว่ารถโรงเรียนจะมาเมื่อไหร่

อยากให้วันนี้เป็นวันเสาร์ซะแล้วสิ หล่อนจะได้ไม่ต้องรีบส่งเด็กน้อยไปโรงเรียนอนุบาล ปล่อยให้พิมพ์พิชชาได้ตื่นสายตามใจ แล้วนั่งเล่นกับสุนัขตลอดวันไม่ออกไปไหน

หลังจากคลอดลูกสาวคนนี้ เธอมีอาการซึมเศร้าหลังคลอดหรือที่เรียกกันว่ามาม่าบลู ต้องมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วปลอบปะโลมตลอดเวลา เจอหน้าลูกสาวที่นอนอยู่บนเบาะทีไรก็มักจะร้องไห้แล้วนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ระหว่างตนกับพ่อของลูก

เคยมีครั้งหนึ่งที่หล่อนหนีออกจากบ้านแล้วไปเรียกหาอาชาไนยถึงหน้าบ้าน สุดท้ายเขาก็ไม่อยู่ที่นั่นเธอต้องกลับมาบ้านด้วยหัวใจห่อเหี่ยวมากกว่าเดิม คุณปภาดาเห็นดังนั้นก็สงสารลูกสาวจับใจ จึงพาเธอมาเปิดหูเปิดตาที่เมืองเหนือ

จนปาลิตาถูกใจที่ดินผืนนี้เข้า จึงได้ขอซื้อแล้วลงหลักปักฐานพร้อมลูกสาวตัวน้อย โดยช่วงแรกมีมารดาอยู่เป็นเพื่อน แต่ท่านก็ต้องกลับเมืองหลวงไปทำงาน นานทีจึงมาหาลูกและหลานสักครั้ง ซึ่งคราวนี้สภาพจิตใจของหญิงสาวดีขึ้นเป็นลำดับ

“เราตกลงกันแล้วว่าจะดูทีวีแค่วันละสามชั่วโมง ถ้าหนูดูตอนเช้าม้าจะไม่ให้ดูช่วงเย็น หนูเลือกเอาว่าจะดูช่วงไหน เช้าหรือเย็น” ถึงจะเลี้ยงลูกแบบตามใจ แต่บางเรื่องก็ต้องมีกฎไม่ให้หนูน้อยติดหน้าจอสี่เหลี่ยมมากเกินไป

“เย็นค่ะ” ทำปากขมุบขมิบแล้วพูดเสียงเบา

“งั้นก็เลิกงอแงค่ะ” ผมข้างหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถักเปียแล้วจัดทรงเป็นรูปหัวใจ เธอจึงรีบมาจัดการอีกข้างระหว่างที่ลูกสาวนั่งหลังตรง แอบชะโงกหน้าไปดูจานข้าวที่ตอนนี้ไข่เจียวหมดเป็นที่เรียบร้อย จึงแอบยิ้มกับความน่ารักของเด็กหญิง

ไม่ว่าจะทำอะไรให้กินก็หมดเกลี้ยงจานตลอด

“หม่าม้าขา น้องนอนหลับค่ะ” ชี้นิ้วไปทางสุนัขขนปุยที่นอนหลับบนโซฟา พยายามชวนคุยตลอดไม่ให้เธอได้ว่างปาก

พวกเขามาอยู่บ้านหลังนี้ตอนเด็กหญิงอายุได้สองขวบ ในวัยที่เริ่มพูดได้คล่องและชอบการเดินเป็นอย่างมาก บุกน้ำลุยไฟหรือเจอสัตว์เล็กใหญ่ไม่เคยกลัว ระหว่างที่เดินเล่นอยู่แถวหลังบ้านก็เจอสุนัขมอมแมมชอบแอบมาหลบใต้หลังคายามฝนตก

ตอนแรกเอาข้าวไปให้เพื่อผูกไมตรี นานครั้งเข้าก็มาอ้อนขอเลี้ยงจนเธอต้องพาสุนัขไปตรวจที่คลินิกสัตว์ จัดการอาบน้ำตัดแต่งขนจนสะอาด พร้อมต้อนรับเข้าบ้านแล้วกลายเป็นน้องคนเล็กของบ้านไปในทันที

ยามพิมพ์พิชชาถามหาน้อง ทุกคนก็เข้าใจว่าคือน้องสาวหรือน้องชายที่เป็นคน โดยไม่รู้เลยว่าเด็กหญิงหมายรวมเอาสุนัขมาเป็นคนในครอบครัวด้วย

“ม้าเห็นแล้วค่ะ”

“ทำไมหม่าม้าทำผมให้หนูนานจังเลย แค่มัดเฉยๆ ไม่ได้เหรอคะ หนูไม่อยากทำทรงหัวใจแล้ว เปลี่ยนทรงได้ไหมคะ” นั่งนานก็เริ่มอยากออกไปวิ่งเล่นจึงอ้อนเสียงหวาน แต่ปาลิตากลับต้องปรามเหมือนเป็นการบอกให้ลูกสาวหยุดชวนคุยสักที แม่แทบจะไม่มีสมาธิทำผมแล้ว

“น้องพิมพ์...” เด็กหญิงได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่ามารดาไม่อนุญาต จึงดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วพูดไปเรื่อยตามที่ตัวเองคิด

“เฮ้อ คืนนี้หม่าม้าจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้หนูฟังคะ โอ๊ะ เมื่อวานครูจุ๊บแจงเล่าเรื่องซินเดอเรลล่าให้หนูฟังด้วยค่ะ มีคนแคระทั้งเจ็ดด้วยนะหม่าม้า”

“คนแคระทั้งเจ็ดเรื่องสโนไวท์ หนูอย่าจำมั่วสิลูก”

“หม่าม้าจะเล่านิทานให้ฟังไหมคะ...หนูคิดถึงอาทิวจังเลย อาทิวเล่านิทานสนุก ตอนไหนอาทิวจะมาหาหนูคะ บอกอาทิวให้ซื้อชุดเจ้าหญิงมาด้วยได้หรือเปล่า” ยิ่งพูดก็ไปเรื่อยจนนึกถึงคุณอาที่ชอบมาเล่นกับหล่อนเสมออย่างปวัตร

ความเป็นเพื่อนสนิทของเขาทำให้หญิงสาวกล้าพูดทุกอย่างกับอีกฝ่าย กระทั่งเรื่องลูกที่ตั้งใจปิดบังเอาไว้ไม่อยากให้คนรู้เยอะ เกรงจะไปถึงหูของอาชาไนยแล้วเขาต้องการทวงสิทธิ์เลี้ยงดูบุตร ซึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มคงไม่อยากได้หล่อนเป็นแม่ของลูก

ระยะเวลาห้าปีที่หย่าขาดจากกัน ทำให้ปาลิตายอมรับความจริงและรักตัวเองมากขึ้น

นึกด่าความโง่เง่าในอดีตที่วิ่งไล่ตามความรักอย่างไม่คิดถึงผลกระทบที่เกิด ยอมกระทั่งเป็นตัวแทนของพี่สาว เพียงแค่คิดว่าสักวันจะได้รับความรักบ้าง

ซึ่งความจริงห่างไกลจากคำว่าถูกรักพอสมควร ตอนนี้เธอจึงอยากมอบความรักของตัวเองให้ลูกสาวอย่างเต็มที่

โดยไม่สนใจคนที่เข้ามาหวังพิชิตหัวใจที่ยังไม่มีชายใดได้ครอบครอง

“ชุดเจ้าหญิงหนูมีเต็มตู้แล้วลูก” รีบปรามทันทีเพราะรู้ดีว่าถ้าหลานเอ่ยขอ คนเป็นอาต้องรีบหามาให้แน่นอน

“หม่าม้า หนูอยากคุยกับอาทิว” ยังคงวุ่นวายถามถึงปวัตรไม่หยุด รายนั้นมาที่นี่ทีไรมักตามใจหลานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อห้ามใดที่หล่อนเคยตกลงกับลูกไว้ เขาพาพิมพ์พิชชาทำหมด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เป็นที่รักของหลานสาวได้อย่างไร

“ตอนเย็นม้าจะให้คุยค่ะ ตอนนี้ใส่ถุงเท้าแล้วเตรียมตัวไปโรงเรียนนะ” ผมอีกข้างถูกมัดเรียบร้อย หล่อนจึงเดินไปหยิบถุงเท้ามาให้เด็กหญิง แต่กลายเป็นว่าพิมพ์พิชชาทำท่าคล้ายคนอ่อนแรง คว้ามือมารดามาจับที่ศีรษะ พลางใช้น้ำเสียงบางเบาแบบการละครที่ปาลิตาดูออกทันที

“หนูตัวร้อน หม่าม้าจับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel