บทที่ 9 แค่คนรู้จัก
“ไอ้ก๋าแกต้องมาให้ได้เข้าใจมั้ย” การิตามองโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์กับเสียงปลายสายที่บังคับแบบขู่ยังไงชอบกล
“ไม่เอาฉันเหนื่อยอยากพัก” การิตาทวนคำพูดเป็นรอบที่ร้อย เพื่อบอกเพื่อนรักอย่างน่านราตรีว่าไม่อยากไปกินข้าวรวมแกงค์ในครั้งนี้ แต่ก็นั่นแหละไม่มีใครยอมใครแม้จะเถียงกันไปมาเกือบชั่วโมงแล้วก็ตาม
“มาเหนื่อยอะไรวันนี้ แกรู้มั้ยว่างานนี้มีผู้ชายดวงตกมาให้แกทอดสะพานด้วยนะแก!” น้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าเรื่องที่พูดอยู่เป็นสุดยอดของทุกอย่างบนโลกนี้ ทำให้การิตาย่นจมูกแบบไม่เข้าใจว่าทำไมมันดูเวอร์จัง
“แล้วไง”
“ไม่ต้องมาแล้วงงแล้วไง ฉันอยากให้แกมาแกก็ต้องมา” การิตาอยากตะโกนออกไปดังๆ ว่าวันนี้ฉันไปเดินเที่ยวกับผู้ชายมาจนเมื่อยไปหมด ไหนจะมานัดเย็นนี้ไปรวมแกงค์อีก ฉันคงจะไหวสินะ อยากร้องไห้ดังๆ
“แกไม่อยากมีเวลาส่วนตัวกับแซมบ้างไงวะ มาหาก้างไปขวางตลอด”
“แกพูดแบบนี้แกไม่รักฉันแล้วใช่มั้ยอ่ะ ฮือ!” การิตาส่ายหน้าให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อน
“แกอย่ามาดราม่าว่ะ ฉันขี้เกียจตามไปเช็ดน้ำลาย”
“น้ำตาเว้ย! มีเพื่อนแบบแกนี่ไม่ได้ดั่งใจเลย เชอะ! รีบมานะถ้าแกไม่มาฉันตามฆ่าถึงคอนโดแน่” ไรของมันเนี่ย?
ไม่กี่ชัวโมงต่อมาการิตาก็มาถึงบ้านของน่านราตรีที่ดูเหมือนวันนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งเธอก็เลือกมาสายตามสเต็ปเพราะมาเร็วก็รู้ตัวเองดีว่าช่วยอะไรใครไม่ได้
“แหมๆ เสด็จได้สักทีนะแก ฉันนึกว่าจะต้องเอาราชรถไปเกยแกมาซะแล้ว” น่านราตรีว่าเหมือนกระแหนเพื่อนตามประสา โดยข้างกายยังมีแฟนที่น่ารักเคลียคลออยู่ข้างๆ
“เอ้ย มีโปรแบบนั้นด้วยเหรอทำไมไม่บอก ฉันจะได้ยังไม่มา”
“โอย มาซะขนาดนี้ถ้ารออีกฉันว่าแกคงไม่ต้องมาแล้วย่ะ” ปาริตาว่าอย่างกัดๆ ตามแบบฉบับ
“อ้าว บาล์มว่าไงเราท์เตอร์เขาจะมามั้ย” เจ้าของบ้านถามอย่างตื่นเต้น
“ระดับฉันแล้ว ไม่มาก็แปลกละ” ท่าทางที่ดูมั่นใจสุดขีดของบารีน่าทำเอาทุกคนต้องส่ายหน้า มีแต่แซมมี่เท่านั้นที่รู้ดีว่าคนอย่างเราท์เตอร์แค่ปฏิเสธผู้หญิงไม่เป็นแค่นั้น
“แค่งานเลี้ยงแกงค์ตามประสาทำไมมันต้องมีอะไรมากมาย เชิญใครมาเยอะแยะทำไมวะ” การิตาว่าพลางนั่งลงบนโซฟาสีคุ้นตา
“ก็เราจัดฉากให้มันดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรแบบนี้ไง เพื่อบารีน่าของเรา” น่านราตรีกับบารีน่าใช้มือแตะกันอย่างรู้งาน
“ช่างพวกแกเหอะ แล้วพี่ทิวลี่มันไม่มาเหรอ”
“รายนั้นเขาก็คงหวานกับแฟนไม่อยากกวนหรอก พินนี่ก็เพิ่งคืนดีกับแฟนงานนี้มีแต่โสดๆ” ท่าทางที่ดูเหมือนกำลังวานแผนใหญ่จนดูน่าแปลกใจของเพื่อนๆ ทำให้การิตาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากทุกคนเริ่มต้นสู่โต๊ะอาหาร คนสำคัญที่ใครๆ รอคอยก็มาถึง....ผู้ชายที่เพอร์เฟคราวกับเทพบุตรกรีกทว่าผิวพรรณดูขาวสุขภาพดี ส่วนสัดของชาวอิตาเลียนแววตาคมดุสีน้ำตาลเข้ม ส่งกระแสพลังยามจับตามองเหมือนกับดึงดูดเอาไว้ เป็นพันธนาการสุดล้ำลึก ...ซึ่งทำให้การิตาถูกบีบเข้าไปถึงหัวใจ เธอลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าเขาจีบเพื่อนเธออยู่ ไม่สิ...เพื่อนฉันจีบเขาอยู่!
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอ” คนินมองหน้าทุกคนอย่างขอโทษแบบสุภาพ โดยเฉพาะกับบารีน่าที่ยิ้มอย่างสง่าเพื่อเป็นสัญญาณว่า ‘ไม่เป็นไรค่ะ’ ซึ่งคนมองเขาตลอดอย่างการิตาเจ็บลึกๆ เพราะเขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองมาที่เธอเลย...แม้สักนิด เขาอาจจะยังไม่เห็นเธอก็ได้น่าการิตา...
“งั้นเริ่มรับประทานกันดีกว่านะคะ” ผู้เหมือนเป็นประธานของงานกล่าวอย่างเหมือนกับเฟคเต็มที่ในสายตาของการิตา ทำไมเพื่อนฉันมันจริตกันเยอะจังวะ
“เราท์เตอร์คะ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยคะบาล์มโทรไปกวนรึเปล่า” บารีน่าถามเสียงหวาน ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นกลับมาจากฝ่ายตรงข้าม
“ไม่หรอกครับ ได้มาพบคุณบาล์มผมว่าหายเหนื่อยขึ้นเยอะ” นี่อย่าบอกนะว่าการที่ได้อยู่กับฉันทั้งวันมันทำให้คุณเหนื่อยมากน่ะ! การิตาคิดอย่างเคืองๆ แบบใช้หูแนบฟังเต็มที่แม้ท่าทางที่กำลังกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเหมือนจะไม่สนใจใครเลยก็ตาม
“อุ้ย พูดแบบนี้แกล้งให้บาล์มดีใจเล่นใช่มั้ยคะ”
“ใครว่าล่ะครับ ผมเป็นคนจริงใจพูดอะไรก็คิดแบบนั้น” ประโยคหลังเหมือนจงใจพูดกับอีกคนมากกว่า ซึ่งการิตาหันขึ้นมาสบตากับเขาพอดี ซึ่งก็หลบอย่างเร็วพอดีเช่นกัน
“ดีใจเลยนะคะ ปริมว่า...วันหลังคุณเราท์เตอร์ลองออกไปเที่ยวหรือเดินเล่นกับบาล์มเขาดูสิคะ รายนี้คุยเก่งหายเหนื่อยกว่านี้แน่ๆ” ปาริตาว่าอย่างจริตแบบสดใสไม่แพ้กัน
“ขอบคุณครับ ไว้ว่างๆ ผมจะลองดูนะครับ ระยะหลังมานี่เที่ยวไม่ค่อยสนุก” คำพูดของคนตาคมทำเอาคนที่กำลังโซ้ยยำทะเลแทบสะอึก แล้วมาชวนฉันไปเที่ยวทำไมกันล่ะ...เชอะ! โกรธอะไรฉันกันเนี่ย
“ลองชิมนี่ดูนะคะอร่อยมากเลยค่ะ” บารีน่ากับคนินผลัดกันเอาอกเอาใจกันจนน่าหมั่นไส้สำหรับการิตา จนเธอแทบอยากลุกไปให้ไกลแต่ก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตากินเป็นแบล็คกราวน์ของงานที่ไม่สำคัญอะไร ซึ่งคนินก็ลอบมองปฏิกิริยาของเธอบ่อยๆ เขาแค่อยากแกล้งเธอเล่นๆ อยากรู้ว่าผู้หญิงที่เหมือนเด็กคนนี้จะแสดงอะไรที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนออกมาบ้าง...แค่นั้น
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผู้มาใหม่ก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางการแปลกใจของทุกคน ยกเว้นคนที่จัดฉากไว้อย่างดีของแซมมี่และน่านราตรีที่กล่าวต้อนรับผู้มาใหม่อย่างยินดี เขาเป็นผู้ชายตัวสูงมากเท่ากับคนินเลยทีเดียวแต่ที่แตกต่างคือตาสีฟ้าและผิวที่ขาวจนซีดจนเหมือนผู้ชายที่ดูแลตัวเองอย่างดี ดีจนเหมือนเจ้าสำอางซึ่งการิตามองว่าไม่ชอบเอาซะเลย ชอบคมๆ แบบคนินมากกว่า แต่ก็แปลกใจไม่ได้ว่าการได้มองผู้มาใหม่นั้นเป็นเรื่องที่น่ามองอย่างมาก เขามีนามว่า ‘เอ็ดเวอร์’ ตามการแนะนำของเพื่อนรักซึ่งเป็นการแนะนำที่เหมือนจะเน้นที่เธออย่างจงใจ อย่าบอกนะว่าเขาคือผู้ชายดวงตกคนนั้น
“สวัสดีครับคุณคนสวย” การิตาไม่เชื่อสายตาว่าเขากำลังพูดอยู่กับเธอ ไอ้ฝรั่งนี่มันเอาอะไรมองฉันกันนะ ฉันสวยตรงไหนวะ
“พูดกับฉันเหรอคะ”
“แน่นอนครับ วันนี้คุณแต่งตัวสวยมาก” การิตามองเสื้อยืดสีดำของตัวเองอย่างงงๆ และไม่เข้าใจจนกระทั่งมองกางเกงขาสั้นธรรมดาตามแบบฉบับ ‘ว่ามันสวยตรงไหน’
“เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะคือฉันเนี่ยไม่เรียกว่าสวยหรอกนะคะ....” การิตาต้องชะงักไว้แค่นั้นเพราะเพื่อนรักกำลังเหยียบเท้าเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘รู้มั้ยเหยียบไว้เลยนะ’
“อย่าถือก๋าเขาเลยนะคะ คนนี้เขาติดตลกน่ารักๆ น่ะค่ะ” ซึ่งก็ได้ผลฝรั่งตาสีฟ้าไม่ได้ติดใจอีกต่อไป กลับชวนการิตาคุยอย่างถูกคอซึ่งต่อมาเธอก็รับมุกกับเขาอย่างสนุกสนานเพราะเธอเป็นคนเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว โดยไม่รู้เลยว่าสายตาคมคู่หนึ่งกำลังมองอย่างไม่ชอบใจ
“ปกติคุณก๋าชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” สำเนียงไทยแปร่งๆ ของเอ็ดเวอร์ทำเอาคนที่มัวเอาแต่แอบมองคนินสะดุ้งเล็กน้อย
“ก็กินได้หมดแหละค่ะ ไม่เรื่องมาก” รอยยิ้มสดใสที่แสดงออกว่าคิดอย่างนั้นจริงๆ ทำให้ฝรั่งตาสีฟ้าคิดที่จริงจังกับเธอจริงๆ จากทีแรกที่ทำเพราะเพื่อนอย่างน่านราตรีขอร้อง
“งั้นว่างๆ ไปหาอะไรกินกันนะครับ”
“นายว่างขนาดนั้นเลยเหรอเอ็ดเวอร์” แต่แทนที่คำตอบจะเป็นของคนถูกถามกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ไม่บ่งบอกอารมณ์แทน
“อ้าว ท่านประธาน เวลาว่างของผมก็พอจะมีนะ” เอ็ดเวอร์ตอบตามความจริง แต่กลับสร้างความฉุนในแววตาของคนินอย่างช่วยไม่ได้
“งั้นฉันจะเพิ่มงานให้นายอีกสักมากๆ ก็คงจะดี”
“โอ้ โนๆ ทำแบบนั้นได้ยังไง ไอก็ต้องการพักผ่อนน่าเราท์เตอร์” เอ็ดเวอร์ว่าอย่างขำๆ ต่อไป เพราะความเป็นเพื่อนกับเจ้านายคนนี้มานานทำให้เขา ไม่คิดว่าเพื่อนจะแกล้งอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
“เอ่อ เอ็ดเวอร์คะ ฉันชอบนะเรื่องอาหารแต่ว่าฉันไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ” การิตาจำยอมต้องพูดแบบนั้นเพราะแคร์ ‘เขา’ ซึ่งสร้างความพอใจลึกในดวงตาคมดุที่จ้องอยู่แทบตลอดเวลา
“ว้า แย่จังแต่ผมก็จะรอวันที่คุณว่างนะครับ” รอยยิ้มจริงใจของเอ็ดเวอร์ทำเอาเธออึดอัด เพราะรอยยิ้มจริงใจของเขาเป็นสารตั้งต้นของแววตาวาวโรธของคนินได้เป็นอย่างดี
