บทที่ 5 คุณไม่รู้จักผมดีพอ
“โอ๊ย ฉันต่างหากล่ะที่เป็นคนขอถ้ารอเขานะ งานเลิกยังไม่ได้เต้นเลยแก” เธอว่าอย่างหงุดหงิดพลางสะบัดผมที่เกล้าอยู่ให้สยายอย่างเป็นธรรมชาติ เริ่มจะหงุดหงิดกับถูกเมินใส่ เพราะเธอไม่คุ้นชินและไม่ชื่นชอบกิริยาแบบนี้จากผู้ชายเป็นที่สุด... แต่เธอต้องทน เพราะเขาคือ 'คนิน' ผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งประเทศหมายปอง!
“อย่างนี้แหละเราท์เตอร์ ไม่ค่อยชินกับการจีบผู้หญิง มีแต่คนเข้าหาเขาน่ะ”
“ดีแล้วค่ะแซม เพราะบาล์มชอบจีบ บาล์มจะต้องจีบเขาให้ได้” แววตามุ่งมั่นทำเอาแซมงงๆ เพราะดูเหมือนจะจริงจังเกินเหตุ
“น้อยๆ หน่อย รักษาความเป็นไทยหน่อยก็ดีจ้าแม่ลูกครึ่ง”
“หุบปากไปเลยพินยา เรื่องของฉัน”
“จ้า อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะ”
“เอ๊ะ ยัยพินนี่ฉันจะ...” ต้องชะงักไว้แค่นั้นเพราะเพื่อนรักอย่างพินยานำเค้กก้อนโตป้อนเข้าให้ เรียกเสียงสนุกสนานอีกครั้ง
ทางด้านการิตาเมื่อเข้ามาในบ้านก็ไม่ขึ้นห้องทันทีเพราะอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อน จึงไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านซึ่งมีม้านั่งสีขาวเจ้าประจำที่เธอชอบมานั่งบ่อยๆ เมื่อหลายเดือนที่แล้ว
“โลกกลมดีนะคุณว่ามั้ย” เสียงห้าวทุ้มนุ่มเอ่ยมาทางด้านหลัง ทำเอาเธอหันแทบจะทันที
“ตกใจด้วย? ผมขอโทษแล้วกันนะ” เขาว่าอย่างยิ้มๆ เหมือนระหว่างเขากับหล่อนเป็นเรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรทั้งนั้น ทำเอาลำคอเธอแห้งผากเมื่อคิดได้ว่าเขาคงมาบอกว่าระหว่างเธอกับเขาอย่าได้รื้อฟื้นเด็ดขาด ฉันจะไปรื้อฟื้นอะไรได้ยังไงฉันกับคุณก็เป็นแค่ฝุ่นที่โดนลมอะไรไม่รู้ให้หอบพัดมาเจอกัน แล้วมันก็กำลังจะแตกสลายล่องลอยไปคนละทิศละทาง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณจะเข้าห้องน้ำเหรอคะเชิญทางขวามือเลยดีกว่า” เธอว่าพลางผายมือไปให้เขา ซึ่งเขาก็มองตามมือเธอแต่ไม่พูดอะไร และไม่ขยับด้วย
“รู้ใจผมซะด้วยไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย”
“ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณจะมีธุระอะไรได้นอกจากมาเข้าห้องน้ำ เพราะแถวนี้ก็ไม่มีอะไรที่คุณจะมาหาสักอย่าง”
“แน่นอนมันไม่มีอะไร แต่มี ‘ใคร’ ต่างหาก” เขาว่าพลางก้าวเท้ามั่นคง ย่างเข้าหาเธอโดยสายตาไม่ได้ละไปจากดวงตารีเล็กที่กำลังสั่นระริกเจือความกลัวตรงหน้า
“บาล์มก็นั่งอยู่ข้างใน ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครให้คุณมาหาได้” การิตาพยายามควบคุมเสียงอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้
“เหมือนว่าคุณจะรู้ใจผมดีจังเลยนะ”
“ฉันก็พูดตามเนื้อผ้า”
“ผ้าที่อยู่บนตัวผมเนี่ยนะ ลองสัมผัสดูดีกว่ามั้ยจะได้ไม่มองแล้วพูดออกมาผิดๆ” ว่าแล้วก็รวบสองมือบางให้แนบกับอกโดยที่สายตาไม่ละไปไหน การเคลื่อนไหวของอกสาวทำให้เขารู้ว่าเธอเหมือนจะหมดลมหายใจลงให้ได้ แม้เธอจะขืนแต่ก็ไม่สามารถทานต่อพลังที่มากกว่าได้
“นี่คุณปล่อยฉันนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ตอนนี้ใบหน้าของเขาห่างกับเธอแค่ชนิดที่ว่าแมลงวันยังบินผ่านไม่ได้
“ก็ไม่แปลกในเมื่อไม่มีใครตาบอด” แม้เสียงจะยังดูอ่อนโยน แต่แววตาคมกลับดุกร้าวขึ้นเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้เธอรับรู้ว่าเขากำลังจะคิดบัญชีเธอซะแล้ว
“คุณ!”
“หือ?”
“คุณต้องการอะไรฉันรู้ดี คุณไม่ต้องกลัวหรอกฉันจะตอบสนองความต้องการของคุณเอง” การิตาหมายถึงว่าที่เขาต้องการให้เธอปิดเรื่องของเขากับเธอ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าโดดเข้าไปสู่หลุมพรางที่เขาไม่ได้ขุดเลยแม้แต่น้อย
“น่ารักจัง รู้ใจผมอีกแล้ว” หัวใจการิตาเหมือนชักกระตุก นี่จะปฏิเสธสักนิดก็ไม่มี คุณนี่มันเป็นเทวดาคืนเดียวจริงๆ สินะ ทำไมมันต้องรู้สึกทนไม่ได้ขนาดนี้ล่ะการิตา
“งั้นคุณก็ปล่อยฉันได้แล้ว” แทนคำตอบเขาโน้มใบหน้าคมลงมาชิดริมฝีปากบางก่อน ใช้แก้มที่มีเคราเล็กน้อยไล้ไปตามริมฝีปาก สร้างความปั่นป่วนไปทั่วท้องของการิตา ก่อนทาบริมฝีปากประทับลงบนริมฝีปากเล็ก เป็นเหมือนการจูบลงโทษที่อ่อนโยนตั้งแต่แรกถ่ายทอดการตัดพ้อทั้งหมดที่เขามี ก่อนปล่อยเธอเป็นอิสระ
“นี่ก็แค่พื้นฐาน หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกยาวนาน มีอะไรให้สนุกๆ ทำเยอะคุณว่ามั้ย”
“สนุกไปคนเดียวสิ ฉันขอร้องคุณอย่าบอกใครนะ” ดวงตาสั่นระริกเหมือนกลัวเหลือเกิน ทำเอาหัวใจกระด้างอุ่นซ่านไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“แล้วผมได้อะไรล่ะ”
“บาล์มไง ถ้ายัยนั่นรู้ว่าคุณกับฉันเคย...นั่นแหละ คุณก็ไม่มีทางได้ครองใจเธอหรอกเพราะพวกเรารักกันมาก”
“งั้นเชียว?” เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่ชอบท่าทางเฉยๆ ของเขา
“ฉันขอตัว ฉันง่วงเต็มที”
“ขอโทษนะครับ เมื่อคืนกวนคุณไม่หยุดเลย คุณบริสุทธิ์ผมเลยรู้สึกว่าเป็นเจ้าของเต็มที่เลยไม่ได้...”
“พอเถอะ! ฉันไม่อยากได้ยิน” เธอตวาดแทบน้ำตาร่วง
“นั่นไม่เห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะพูดตรงไหน”
“ไอ้บ้า คุณมันบ้าที่สุดเลย”
“เพิ่มความดังหน่อยคุณ เดี๋ยวเพื่อนคุณไม่แห่มานะ” เขาประชดแววตาระยับทำเอาเธอแทบกรี๊ดกับวาจาและหน้าตาที่กวนโมโหสิ้นดี
“ปกตินี่ชุดอยู่บ้านคุณเหรอ ผมชอบนะเหมือนจะถอดง่ายดี”
“คุณ!”
“ครับ เรียกอยู่ได้กลัวผมหายไปไหนเหรอ” การิตาพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการนั่งลงที่ม้านั่งอย่างหมดแรง
“วันนี้ดาวสวยมากนะ ผมไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มาทั้งชีวิตเลย” คำพูดของเขาสร้างความแปลกใจจนเธอต้องแหงนมองดาวบ้างแต่ก็พบว่ามันก็เหมือนทุกวัน
“ฉันก็เห็นว่ามันก็เป็นเหมือนทุกวัน ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่” เธอว่าพลางกระโดดขึ้นจนเขาต้องขำ
“ก็ผมมันไม่ได้โชคดีเหมือนคุณนี่ได้เห็นดาวทุกวัน”
“ฉันเนี่ยนะโชคดี? ก็แล้วทำไมคุณไม่เดินออกมาดูทุกวันแค่เนี้ยก็โชคดีทุกวันแล้ว” เขายิ้มอ่อนโยนก่อนจับมือเธอขึ้นมากุม
“คุณนี่มันไร้เดียงสาดีแฮะ ผมชักชอบ”
“โอ๊ย อย่ามาชอบฉันเลย ฉันมันก็แค่คนเปิ่นๆ ไม่มีดีอะไรหรอก” น้ำเสียงเศร้าๆ ก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกดีขึ้นมาได้ การที่ผู้หญิงไม่มีจริตซะบ้างก็เป็นเสน่ห์อีกแบบ เขาลอบคิดอย่างไม่ปิดบัง
“ก็ไม่จำเป็นต้องดีนี่คุณ”
“ก็มันไม่ใช่เรื่องของคุณนี่คุณจะมาเดือดร้อนได้ไง”
“แสดงว่าคุณต้องการให้มันเป็นเรื่องของผมด้วย”
“ต้องขอบคุณดีมั้ยเนี่ย” เธอประชดให้กับการพูดเองเออเองของเขา
“เราท์เตอร์ เราท์เตอร์คะ” เสียงของบารีน่าทำเอาการิตากระเด้งตัวห่างจากเขาทันที
“รีบไปสิ บาล์มเขามาเรียกแล้ว”
“ไม่เห็นต้องทำท่าไล่ไปไกลๆ ขนาดนั้นเลยนะผมว่า” เขาพูดเหมือนไม่พอใจมาก
“มันจะดีมากนะถ้าคุณรีบไป” เขาไม่ตอบแต่เดินกลับไปโดยดี ซึ่งเธอก็โล่งอกเพราะไม่อยากทนอยู่ในสภาพนี้กับเขาแค่สองต่อสองอีกแล้ว
