บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 อาการผิดปกติ

“คุณเราท์เตอร์ชอบเมืองไทยมั้ยคะ”

“ชอบครับ ชอบมากโดยเฉพาะผู้หญิงไทย ไทยแท้นะครับ” วาจาตรงๆ ของของเขาไม่ได้ตั้งใจจะสื่ออะไรมากไปกว่าการจบบทสนทนา...เพราะตอนนี้เขาอยากออกไปสนทนากับผู้หญิงที่ไม่ใช่เธอ บารีน่า ...หากแต่ว่าการปฏิเสธเธอจากเขานั้น ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องพอ...มันท้าทายและดึงดูดได้มากเลยเชียวล่ะ

“แหม...มาตัดโอกาสบาร์มแบบนี้ ไม่แฟร์กับบาร์มเลยนะคะ...อย่างน้อยไปก็น่าจะให้โอกาสบาร์มได้ลองลงแข่งก่อน" เธอแก้หน้าตัวเองด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี ตามประสาสาวเจ้าเสน่ห์ หมดยุคแล้วมามัวนั่งวางท่างวางตัวเหมือนสาวไทยแท้ไม่สนตอนนี้ไม่เป็นไร...เธอมั่นใจว่าไม่ยาก

เธอคิดเรื่องนี้จนเพลิน โดยไม่เอะใจว่าเขาเอาแต่มองเข้าไปข้างใน การคุยกันมาโดยไม่มีอะไรคืบหน้าทำเอาเธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เพราะถ้าได้คู่ควงคนใหม่ที่หล่อมากแบบเขาถือว่าคุ้มมาก เธอจะยอมลองเสียเวลากับเขาดูก็ได้... บารีน่าบอกตัวเอง

หลังจากที่งานผ่านไปอย่างช้าๆ ก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยคือการกล่าวอะไรระหว่างคู่รัก ซึ่งนาทีนี้ถือว่าทั้งสองเป็นเหมือนศูนย์กลางของงาน

“ไอ้บาล์มแกต้องทำให้เราท์เตอร์ขอแกเต้นรำให้ได้เข้าใจมั้ย” น่านราตรีย้ำกับเพื่อนสาวก่อนขึ้นเวที ซึ่งเธอก็ยิ้มอย่างผู้ชนะแทนคำตอบให้เพื่อนสาว ถึงเขาจะดูเฉยชา...แต่เธอมั่นใจว่า เขาก็ดูสนใจเธออยู่ไม่น้อย

“สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ไม่ว่าจะเป็นทางเพื่อนๆ ของแซมแล้วก็เพื่อนๆ ของน่าน น่านขอบคุณมากนะคะที่ทุกคนสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงาน น่านซึ้งใจมากๆ ค่ะ” เธอว่าพลางซับน้ำตาที่เอ่อซึมเบาๆ โดยมีแซมมี่โอบเอวเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ

“แซมเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ ค่ะ ไม่ว่าเวลาจะนานเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไป เขารักและดูแลน่านมาโดยตลอด ขอบคุณมากนะคะแซมที่ดูแลน่านมาจนระยะเวลาห้าปี สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูเหมือนไม่นานแต่สำหรับผู้หญิงอย่างน่านที่ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมารักได้ขนาดนี้ มันมากจนไม่น่าจะเป็นไปได้ ขอบคุณจริงๆ นะคะแซม” ว่าแล้วน่านราตรีก็จูบที่แก้มของแซมฟอดใหญ่ซึ่งเขาก็จูบตอบเช่นกัน เรียกเสียงแสดงความยินดีของแขกทุกคนดังกึกก้อง

“คุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับผม สวยที่สุดสำหรับผม เป็นนาฬิกาที่ผมใช้เป็นตัวกำหนดชีวิตทั้งหมดของผม แต่งงานกับผมนะน่านมายดาร์ลิง” คำขอแต่งงานที่แทบไม่อารัมภบททำเอาเสียงโห่กึกก้อง ทำนบน้ำตาแห่งความตื้นตันใจก็พังออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร เธอโอบกอดรอบคอเขาแล้วซบหน้าลงไปแน่น เธอรู้ว่าเขารักแต่ไม่คิดว่าเขาจะรักเธอจนถึงขั้นขอแต่งงาน แทนคำตอบทั้งหมดคือการที่เรารักใครสักคนถ้าเขารักเราตอบนั่นคือที่สุด

ภาพบนเวทีทำเอาการิตาน้ำตาไหลพรากปลื้มใจแทนเพื่อน ที่ได้พบกับคนที่เป็นของเธอจริงๆ พอหันกลับมามองตัวเอง คนของเธออยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย ความเหงาแล่นผ่านหัวใจเฉียบพลัน ทำไมมันเหงาแปลกๆ ขนาดนี้เนี่ย โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามือปาดน้ำตาของเธอมีใครคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตลอด เขาคือคนที่เธอคิดว่าเขาคงอยากให้เรื่องมันจบแค่เมื่อวาน

“ซึ้งกับเขาก็เป็นด้วย” วัชรานั่นเองที่ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ ผู้ชายที่มองเห็นเธอเสมอ...ไม่ว่าเธอจะอยู่ในมุมมืดแค่ไหน

“ใช่สิ การิตามันเปิ่นนี่ ไม่เข้าใจอะไรที่มันละเอียดอ่อนพรรค์นี้หรอก” เธอเอ่ยอย่างงอนๆ ที่ดูจริงจังมาก

“อะไรกันเนี่ย เวย์ไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“ใครว่าเวย์ว่าล่ะ ก็มีแค่เวย์คนเดียวที่ไม่เคยว่าก๋าเลย” เธอเหม่อจนเหมือนพูดคนเดียว เพราะมัวแต่คิดเรื่องเขาคนนั้น

“ไม่เอาน่า เพื่อนๆ ก็แค่ล้อเล่นหรอก”

“ได้ไง ทุกคนคงจะคิดจริงๆ แหละไม่อย่างนั้นไม่ล้อกันมาถึงทุกวันนี้หรอก”

“แต่ก่อนไม่เห็นเคยสนใจอะไร วันนี้กินอะไรผิดจนป่วยแล้วมั้งเนี่ย” วันเวย์เอื้อมมือแตะหน้า ผากอย่างอ่อนโยน ซึ่งเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของแววตาคมดุของเขา คนิน! โดยที่เขาโกรธโดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน เพราะแค่ได้เห็นสีหน้าระรื่นของเธอเขาก็แทบยืนไม่อยู่ อยากเดินเข้าไปกระชากร่างนั้นมาอยู่ในอ้อมกอดเดี๋ยวนี้

หลังจากที่แขกเริ่มทยอยกลับ เพื่อนๆ ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อมานั่งดูดาวตามสัญญา มีก็แต่กฤษและวัชราที่ชิงกลับไปก่อนเพราะมีงานแต่เช้า คนินก็ควรจะเป็นเช่นนั้นแต่เขาอยากนั่งดูดาวตามคำชวนของบารีน่ามากกว่า

“เป็นอะไรของแกเนี่ยก๋า ทำไมนั่งมองของโปรดอย่างกับว่าไม่เคยกินมาก่อนแบบนี้” ปาริตาว่าพลางหยิบขนมครกชาววังที่สั่งมาพิเศษสำหรับงานนี้ ที่มีทั้งความเป็นไทยและต่างชาติบ่งบอกว่าเจ้าของงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี

“ไม่รู้สิ ฉันง่วงมั้ง”

“ง่วง? นี่ถ้าติดว่าแกไม่เคยมีแฟนมาก่อน ฉันคิดว่าแกไปนอนกับผู้ชายมาจริงๆ นะเนี่ย” พินยาว่าอย่างขำๆ แต่การิตาชะงักทันใด เหลือบไปมองทางคนินที่ตอนนี้เขาก็มองมาพอดี ซึ่งรอยยิ้มน้อยๆ ในหน้าของเขาทำเอาเธอหน้าชา นี่เขากำลังเยาะเย้ยหรือสมน้ำหน้าอยู่ใช่ไหม

“เฮ้ย ทำไมหน้าซีดอีกแล้วไปนอนจริงเหอะฉันว่า”

“พินนี่แกก็ว่าไป สาวโก๊ะสุดเปิ่นผู้มาดมั่นของเรา ไม่ทราบว่าชาตินี้จะได้ลิ้มรสชาติของคำว่ามีอะไรกับผู้ชายรึเปล่า ฮ่าๆ” ปาริตาเอ่ยอย่างฮาๆ ตามแบบฉบับซึ่งลูกคู่คือบารีน่าทุกครั้ง แต่ครั้งนี้บารีน่าต้องสงวนท่าทีอย่างถึงที่สุด

“เรื่องของฉันเหอะน่า ฉันขอตัวก่อน” เธอว่าอย่างไม่มองหน้าใคร

“แล้วเดินไหวมั้ย ฉันไปส่งดีกว่า” น่านราตรีเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นท่าทีของเพื่อนแล้วต้องมีเรื่องไม่สบายใจอะไรแน่ๆ

“ไม่เป็นไร ฉันถึกอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็เดินออกไปอย่างมั่นคง ซึ่งสายตาคมยังคงมองตามไปจนลับตา และเขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำซึ่งไม่มีใครสงสัยอะไร

“เจ๋งไปเลยไอ้บาล์ม แกได้เต้นรำกับเราท์เตอร์ด้วย” น่านราตรีเอ่ยเมื่อไม่เห็นหลังของคนินแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel