บทที่ 13 คนเก่าที่เข้ามาใหม่
การิตานั่งจ้องอาหารตรงหน้าอย่างซึมๆ หลังจากวันนั้นเธอกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เธอคิดว่าสำหรับเขาคงดำเนินชีวิตปกติ แต่เธอกำลังรู้สึกว่าตัวเองขาดเขาไม่ได้ นี่ฉันกลายเป็นควายไปแล้วเหรอที่ขาดเขาไม่ได้ อยากจะโทรหาอยากบอกเขาว่าจำนนแล้วทุกอย่าง แต่สำนึกฝ่ายตรงข้ามกลับบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีแล้วเรื่องของเธอกับเขาจะได้จบลงซะที...เธอแน่ใจเหรอการิตา?? จิตสำนึกอีกฝั่งก็ยังคงตั้งคำถามลอยมา...
“ไอ้ก๋า!!”
“ฮะ...หา? มีอะไรหรอ...” เธอมองหน้าเพื่อนรักอย่างน่านราตรีแบบเอ๋อๆ เพราะจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก
“ก็ฉันเรียกแกตั้งนาน มัวคิดถึงใครอยู่ฮะ...ฉันถามว่าแกเลือกชุดไปงานเพชรน้ำหนึ่งหรือยัง?”
“ยังเลย ไม่เลือกได้มั้ยอ่า...” ว่าไปเธอก็นึกถึงคนที่บอกว่าให้เลือกชุดไปงานด้วยกันขึ้นมา..ตอนนี้ฉันคงไม่ได้สิทธิ์นั้นแล้วสินะ
“ได้ยังไงจ้ะ งั้นพรุ่งนี้แกก็ไปเลือกกับเอ็ดเวอร์ เพราะออกงานด้วยกันจะได้แมทแบบลงตัว แกกับเขาจะได้เป็นคู่ที่เหมาะสมคู่ที่สองในงาน” การิตาขมวดคิ้ว? แล้วใครเป็นคู่ที่หนึ่ง...
“คู่แรกก็คือเราท์เตอร์กับบารีน่า คู่ที่สองก็การิตากับเอ็ดเวอร์ เพราะฉันกับแซมมี่เนี่ยยกให้หนึ่งวันจ้า” เพื่อนรักของน่านราตรีสะดุดที่ใจกับคำว่า ‘เราท์เตอร์’ จนหน้าสลดแต่เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็น
“เอางี้แกก็ไปเลือกชุดพร้อมกับไอ้บาร์มเลยดิ มันจะได้ช่วยแกเลือกด้วยจะได้สวยโดดเด่นกันทั้งคู่” การิตารีบปฏิเสธจนน่านราตรีแปลกใจ
“ทำไมเหรอ หรือว่าแกกลัวเราท์เตอร์ เพราะฉันไม่เคยเห็นแกคุยอะไรกับเขาเลยในทุกครั้งที่เจอ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่มะ?”
“เปล่า...ฉันแค่ขี้เกียจไปเลือก ถ้าเลือกได้ก็ว่าจะไม่ไป”
“ไม่ได้ๆ แกรู้มั้ยว่าใครคือนางแบบเครื่องเพชรในค่ำคืนนั้น ถ้าแกรู้ฉันว่าแกต้องอยากไป” รอยยิ้มที่ดูมั่นใจมากๆ ทำเอาการิตาประหลาดใจ...ใครกันที่ทำให้ฉันต้องอยากไป
“ก็เพื่อนสุดที่รักของพวกเราน่ะสิ แถ่นแทนแท้น...วรรณิสาหรือเพื่อนปอยของเรานั่นเอง!!” มันน่าดีใจตรงไหนฟร้ะ...คนสวยคนดีคนมีความสามารถมาแย่งซีนไปหมดเนี่ย...เลวอีกแล้วสิฉัน
“โอย แกก็รู้ฉันกับปอยไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น”
“ไม่ได้สนิทแต่คำว่าเพื่อนอ่ะแก ปอยมันฝันมาตั้งนานว่าจะได้เป็นนางแบบเครื่องเพชรสักครั้ง เมื่อเพื่อนทำได้เราก็ควรไปร่วมแสดงความยินดีนะ” น่านราตรีปลามแบบไม่ค่อยจริงจังนัก เพราะทราบดีว่าการิตาไม่ค่อยจะยินดียินร้ายกับอะไรอยู่แล้ว
“งั้นเดี๋ยวฉันนัดเอ็ดเวอร์ให้แกนะ”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปเลือกกับเขาเอง...แกไปจัดการคู่ไอ้บาร์มเถอะ”
“แกนี่ยังไงนะ...ทำเป็นเลือกมาก ระวังจะลำบากถ้าไม่มีมาให้เลือก” การิตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนเปิดตำราทำอาหารต่อไปเพราะวันนี้นัดกับทิชางามเอาไว้เรื่องการสอนทำอาหาร ..ไม่ได้แคร์หรอกนะว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันแค่เพียงฉันได้ทำให้คุณก็พอ...คนิน
“ฉันไม่เข้าใจเลยนะว่าทำไมอยู่ๆ แกลุกขึ้นมาทำอาหาร เอ็ดเวอร์เขาชอบผู้หญิงทำอาหารเก่ง เหรอ?” หลังจากหมดความสนใจเรื่องการเลือกชุด น่านราตรีก็หาเรื่องขุดมาซักถามต่อ...ซึ่งก็เป็นคำถามที่เหมือนว่าสะกิดใจคนบางคนนิดๆ ซะด้วย
“ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละ ฉันก็แค่อยากทำอะไรเป็นหลายอย่างๆ จะได้ดูเหมาะสมกับคนบางคนน่ะ” ขณะพูดการิตาพาลนึกไปถึงคนินทำให้เผลอพูดอะไรที่เหมาะสมกับการซักมากๆ จากเพื่อนจอมซักอย่างน่านราตรี
“คนบางคน? ...คนๆ นั้นเป็นใคร?” น่านราตรีมองมาเหมือนคาดโทษเต็มที่
“...ก็คนบางคน ..บางทีก็ไม่ใช่คนบางทีก็เป็นคน..” คนฟังกระโดดมานั่งข้างๆ พลางหยิบหนังสือออกจากสโมสรใบหน้าของคนพูดติดๆ ขัด ก่อนจับใบหน้าเพื่อนมาเพ่งพิศแล้วส่งสายตาว่า ‘จงพูดความจริงมาให้หมด!!’
“แกกำลังมีเรื่องปิดบังฉัน” บทจริงจังทำเอาใบหน้าที่ถูกจับไว้เกือบซีด
“โห่ย อะไรของแกไม่มีฉันเพ้อเจ้อน่ะ...โอยๆ ปล่อย” การิตาว่าพลางเบี่ยงหน้าหนีรังสีอำมหิต
“นี่แกเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่มั้ย? ฉันมีอะไรฉันไม่เคยบอกแกป่ะ” นั่นไงมาไม้นี้..ฉันจะหนีอย่างไร
“เห้ย ไอ้น่านแกบ้าไปแล้ว ฉันมีอะไรฉันก็แค่เพ้อ...ฉันคิดว่าทำไมฉันไม่เจอเจ้าชายในฝันคนนั้นสักที...พวกแกก็เจอๆ กันหมดแล้ว ฉันทำไมถึงยังกินแห้วอยู่ ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ" การิตาทำท่าประกอบแบบเล่นๆ น่านราตรีเห็นท่าทางที่ไม่มีพิรุธอะไรก็เริ่มจะเชื่อๆ แม้ยังระแวงๆ อยู่บ้าง
“แกแน่ใจนะ...ว่าไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่”
“แน่ใจดิ โคตรมั่นใจด้วย เอาเป็นว่าถ้าคนบางคน..คนนั้นเขามีตัวตน ฉันจะบอกแกเป็นคนแรก สัญญา!” ว่าแล้วก็คว้าเพื่อนสาวมากอดอย่างปลื้มใจไม่ว่าจะยังไงความเป็นเพื่อนก็ไม่ได้หายไปไหน...เพราะเพื่อนคือคนสุดท้ายที่จะอยู่ข้างเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“โอ้โหมีดราม่าไม่รงไม่รอกันเลยนะยะ!!” ทิชางามผู้มาใหม่อุทานแบบขำๆ ...แต่ไม่แปลกใจที่จะเห็นภาพแบบนี้ เพราะเพื่อนในกลุ่มชอบมีวินาทีเรียกน้ำตาสม่ำเสมอ
“พอดีเลยมาสอนทำอาหารเหรอ เดี๋ยวฉันออกไปหาแซมมี่เขาซะหน่อย ไปละนะก๋า บายๆ ทิวลี่” น่านราตรีว่าแล้วเดินออกไปอย่างเครียดๆ นิดหน่อย เพราะเธอเริ่มรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลเพราะนึกถึงคำบางคำของเพื่อนรัก เลยต้องรีบไปค้นหาความจริง อย่าให้เป็นอย่างที่ฉันกลัวเลยนะไอ้ก๋า
หลังจากที่จากและไม่ได้ติดต่อกันวันนั้นคนินก็ให้คนติดตามเรื่องราวของการิตาตลอดเวลา และยิ่งรู้มาว่าเธอกำลังเรียนทำอาหารก็ทำให้พาลอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาดีใจที่เขาไม่ได้เลือกคนผิดและมั่นใจว่าการิตาคือผู้หญิงที่จะมาอยู่เคียงข้างเขา...คนเดียวเท่านั้น
“ยิ้มแบบนี้..นานๆ ทีเห็นว่ะ” คนินปรายตามองทางเสียงแทรกขัดจังหวะอารมณ์ดีนิดๆ โดยทำเหมือนไม่ได้สนใจ
“ใครกันน้าที่ทำให้ผู้ชายอย่างคนินเผลอยิ้มได้” เสียงล้อยังดำเนินต่อไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“แกเป็นเมียฉันหรือไง ถึงได้รู้ว่าปกติฉันยิ้มหรือไม่ยิ้ม” คนินว่าพลางแสร้งมองเอกสารในแฟ้มโดยที่สมาธิไม่ได้จดจ่อ
“โอ๊ะโอ้ว ปกติคุณคนินจะพูดคำที่ไม่คุ้นปาก วันนี้เอ่ยถึงเมีย...เอ๊ะ! หรือแอบซุกเมียเอาไว้จริงๆ อย่าให้รู้นะ มีเปิดโปงแน่” เสียงล้อเลียนที่แฝงโดยในว่า ‘ฉันรู้นะว่าใคร’
“ฉันจะมีเมียหรือไม่ แกไม่ต้องสนใจหรอก...สนใจแค่ว่าแกจะมีชีวิตรอดไปหาเมียมั้ยดีกว่า” แฟ้มเอกสารที่ไม่รู้ว่าสำคัญแค่ไหนลอยไปเกือบกระแทกหน้าแซมมี่...โชคดีที่แชมป์รักบี้รับได้อย่างทันท่วงที
“แกรู้ตัวป่ะ อาการแบบนี้เหมือนตอนที่แกเขินเรื่องไปจีบสาวตอนสมัยปั๊ปปี้เลิฟเลยว่ะ ฮ่าๆ” เมื่อได้ยินแบบนั้นคนินก็จะคว้าของใกล้ตัวขว้างอีก...
“แกจะปล่อยให้เรื่องมันแบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ ระวังนะเรื่องมันอาจจะยากขึ้นเรื่อยๆ นะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” พออีกฝ่ายเริ่มจริงจัง คนินก็เริ่มตระหนักและลดของในมือลงอย่างใช้ความคิด
“อย่างนี้แหละเจ้าชายกับเจ้าหญิงกว่าจะลงเอย ต้องผ่านด่านปีศาจมากมาย...แต่ฉันว่าเคสแกน่าจะเป็นด่านนางฟ้ามากกว่า”
“ไม่มีเรื่องอะไรที่มันยากเกินไปสำหรับฉันหรอกว่ะ อย่ากังวล” คนินเอ่ยอย่างสบายๆ โดยไม่แสดงอารม์กังวลนิดๆ บนใบหน้า...แต่เพื่อนรักก็รู้ดีว่าเขาคิดอะไร
“มันก็ใช่สำหรับคนที่ไม่สนใจความรู้สึกใครอย่างแก...แต่แกอย่าลืมนะว่าเพื่อนๆ ของน่านราตรีทุกคนเขารักกันมาก” พอได้ยินแบบนั้นเขาก็หวนนึกถึงคำพูดที่เหมือนว่าเขาเป็นสิ่งของยกให้ใครได้ง่ายๆ ของการิตาทำเอาเขาเริ่มโมโหขึ้นอีกครั้ง
“ไร้สาระว่ะ”
“เออ เดี๋ยวก็รู้ว่าอะไรที่ไม่ได้ดังใจมันเป็นยังไง และก็ฟังเสียงหัวใจตัวเองให้ดีๆ ว่าต้องการอะไรหรือใคร” อยู่ๆ เสียงเรียกเข้าของแซมมี่ก็ดังขึ้น และเห็นว่าเป็นน่านราตรีเขาจึงขอตัวออกไปทันที โดยปล่อยให้ คนินนั่งทบทวนคำพูดของคนจากไป...เสียงหัวใจว่าต้องการใคร? จะมีใครวะ...ยัยบารีน่านั่นตัดออกไปได้เลย..
เมื่อแซมมี่ออกไปซักพักเลขาก็ส่งข้อความมาว่ามีคนมาขอพบ...เขาแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เชิญให้เข้ามาอย่างง่ายดาย
“เซอร์ไพร์ท!! เอาแต่นั่งทำงานน่าดีใจจังเลยนะคะ” วรรณิสาหรือปอย ผู้เข้ามาใหม่ที่คนินไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้เจออีก...เขาตะลึงกับภาพที่เห็นสาววัยทำงานที่ดูน่ารัก อ่อนโยนอ่อนหวาน เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้หญิงที่เขาเคยหลงใหล กับชุดเดรสสีขาวสบายตาเหมือนนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์...นั่นเป็นแค่ความคิดชั่วขณะเมื่อภาพใบหน้างงๆ เวลาคุยกันกับเสียงพูดเจื้อยแจ้วที่ฟังแล้วมีความสุขลอยมา..ทำไมฉันต้องลำบากใจว่าจะเลือกใครก็ในเมื่อคำตอบมันคือคนที่อยู่ข้างในนี้แล้วด้วยวะแซมมี่..หึหึ ยังไงชื่อเธอก็ไม่ได้ไปไหนหรอกการิตา
“ไม่เจอกันแค่สามปี...ไม่ต้องทำเป็นตะลึงขนาดนั้นก็ได้นี่คะเราท์เตอร์” วรรณิสาว่าอย่างเขินๆ พลางนั่งลงอย่างเรียบร้อย เป็นภาพที่คนินเห็นจนชินตา ชินจนชา..
“ก็ผมตกใจ...ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ทำให้เราได้มาเจอกันนะครับ”
“คุณตกใจแต่ปอยดีใจนะคะที่เห็นว่าคุณมัวแต่นั่งทำงานเหมือนเดิม” รอยยิ้มที่แสดงความปลื้มใจมากมายทำเอาคนินสงสัย...จะดีใจอะไรนักหนาวะ
“ถ้าไม่นั่งทำงาน...คุณคิดว่าผมจะทำอะไร”
“ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อน...คุณก็หิ้วสาวๆ ขึ้นมา...ทำอะไรๆ กันบนนี้ หรือไม่ก็นั่งทำงานจนไม่ได้สนใจว่าปอยมาหาคุณ” เธอพูดเหมือนงอนๆ ซึ่งคนินก็รู้สึกได้...แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่เมืองไทยเหรอครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ปอยอยากรู้ว่าตอนนี้คุณยังทำพฤติกรรมแบบนั้นอยู่มั้ย?” แววตาที่เหมือนหวังอะไรบางอย่าง...อย่าหวังอะไรมากไปแล้วกัน คนินลอบคิดเมื่อรับรู้ถึงแววตานั้น
“ไม่แล้ว ผมมีคนทำที่ให้ผมหยุดได้” แววตาฉงนปนผิดหวังฉายออกมาเล็กน้อยก่อนกลบไว้ด้วยรอยยิ้ม..รอยยิ้มที่เขาเคยหลงใหลและใครๆ ก็คิดแบบนั้น
