บทที่ 14 คนสำคัญของผม
หลังจากที่ดีใจจนพูดเป็นภาษาคนไม่ได้การิตาก็ได้แต่นั่งทำใจมองเมนูอาหารล่าสุดที่ทำเสร็จร้อนๆ จากเตาด้วยใจเต้นระทึก ‘ตั้งใจทำอาหารล่ะ รอกินอยู่ จุ๊บๆ" นอกจากจะดีใจเธอยังขำผู้ชายนิ่งๆ อย่างเขามีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ? เป็นคำถามที่เธอถามไปยิ้มไปในใจเพียงคนเดียว มีก็แต่ ทิชางามที่ยืนมองตั้งนานแต่ไม่ได้สะกิดอะไร..เพราะเข้าใจดีว่าอารมณ์แบบนี้คงไม่อยากโดนขัดและที่สำคัญเธอมีนิสัยแตกต่างจากเพื่อนๆ ในแกงค์คือ...ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
“ทิวลี่ๆ แกว่าอย่างฉันนี่ใส่ชุดสีอะไรสวยอ่ะ แล้วเป็นแนวไหนถึงจะเวิร์คแล้วก็ดูดีมากๆ อะไรแบบนี้อ่ะ” ทิชางามผู้ไม่สนใจเรื่องชาวบ้านเมื่อมีเรื่องชาวบ้านเข้ามาให้สนใจ...ก็เริ่มสงสัย
“อย่างแก...ไม่น่าจะตั้งคำถามว่าใส่อะไร ควรจะถามว่าคิดอะไรถึงอยากจะสนใจเรื่องการแต่งตัวขึ้นมาฮะ?” การิตาอึ้งรับประทานสักพักก่อนตอบไปอย่างเนียนๆ
“ก็งานเพชรอะไรนั่นไง ฉันไม่รู้จะใส่อะไรไปเลยอยากถามผู้เชี่ยวชาญดู”
“โอ๊ย เรื่องนี้ต้องไปถามไอ้บาร์มมันน่ะตัวเก่ง ไอ้น่านก็น่าจะจัดการให้แกอยู่”
“อ๋อ แล้วถ้าเป็นชุดที่ไม่ได้ไปงานเพชรล่ะแบบชุดโอกาสทั่วไป ตามความรู้สึกแก แกคิดว่าฉันเหมาะกับแบบไหน?” ทิชางามมองการิตาไปมาๆ รอบๆ ตัว
“เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ก็กางเกงขาสั้นฉันว่าเหมาะกับแกที่สุดแล้วนะ แบบที่แกแต่งทุกวันนี้น่ะ” การิตาก้มมองตัวเองก่อนส่ายหน้า
“ฉันจริงจังนะเว้ย!” เธอโอดครวญแบบอ้อนๆ
“จริงๆ แกเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว ใครๆ ที่ได้ใกล้แกก็จะมองว่าแกน่ามอง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครคนนั้นที่แกอยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา อยากสวยเพื่อเขา อยากทำอาหารเพื่อเขา เป็นใคร...แต่ฉันว่าเขาน่ะรักที่แกเป็นแกตั้งแต่แรก เรื่องบางเรื่องเราเติมเต็มให้ความรักได้...แต่อะไรที่มันบ่งบอกว่าเป็นเราตั้งแต่แรกก็ควรจะคงอยู่ โอเคนะ!” รอยยิ้มที่จริงใจแต่ไม่คาดคั้นและก็เป็นแบบนั้นมาเสมอทำให้การิตารู้แล้วว่าปัญหาเรื่องนี้ควรจะปรึกษาใคร
และแล้วงานที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง...สำหรับการิตาคงจะเรียกว่ารอคอยเฉยๆ ก็คงไม่ได้ต้องเรียกว่าตั้งตาคอยเลยดีกว่า เพราะเธอจะได้มาเห็นหน้า “เขา” หลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายวัน ที่เลือกไม่ไปเลือกชุดพร้อมเขาก็เพราะเป็นความต้องการของเขาที่เธอไม่รู้จะเอาคำตอบไปเพื่ออะไร หลังจากที่ได้เรียนรู้ทุกซอกของหัวใจตัวเอง ผู้หญิงที่ทำอะไรตามความรู้สึกคิดอะไรก็พูดแบบนั้นก็เลือกที่จะทำตามความรู้สึกโดยที่ไม่ได้คำนึงว่าความรู้สึกครั้งนี้จะเกิดผลกระทบอะไร...มันอาจจะฟังดูเลวๆ แต่ฉันก็คิดนะว่า...ถ้าการที่ฉันหลีกทางให้คนอื่นที่ฉันไม่มั่นใจว่าเขาจะดูแลคนที่ฉันรักได้หรือเปล่า...ฉันก็คงงี่เง่าเต็มที่และที่สำคัญฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไร...เลวอีกนิดแล้วมีความสุขก็น่าจะดีนะ
“ว้าว คุณก๋าทำผมเขินจนไม่กล้าเดินข้างๆ เลยนะครับเนี่ย” เอ็ดเวอร์เอ่ยทักทันทีที่มาถึงซึ่งคนอื่นๆ ก็ทยอยมาทางเธอกับเขาเหมือนกัน ..ณ งานเพชรน้ำหนึ่งล้ำค่า...ประดับฟ้าราตรี
“ไอ้ก๋า! นี่ฉันไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าเป็นแกอ่ะชุดโคตรเริด! แกไปเช่าร้านไหนมายะ” ปาริตาถามอย่างกระตือรือร้นและออกมาจากใจพลางสำรวจชุดละเอียดยิบ
“ฉันไม่ได้เช่าเองอ่ะ” การิตาพูดไปตามความเป็นจริง ..และเจ้าของชุดที่ฉุดให้การิตาสง่ามากในคืนนี้กำลังเดินเคียงคู่มากับบารีน่าสาวงามหมายเลขหนึ่งที่โดดเด่นในงานกับชุดราตรีสีเงินเรียบหรูยิ่งได้คู่กับผู้ชายที่ใส่อะไรก็ดูดีอย่างคนิน...ไม่ต้องเอ่ยก็ทราบกันดีว่าเหมาะสมเพียงใด
“นั่นแน่ อย่าบอกนะคะว่าเอ็ดเวอร์น่ะ ตาถึงมากๆ เลยค่ะ ไม่ทราบว่าตัดจากร้านไหนเหรอคะ วันหลังปริมจะได้แวะไปบ้าง...วันนี้ยกให้ก๋าเขาหนึ่งวัน” ว่าพลางหัวเราะไปด้วยทำเอาเอ็ดเวอร์ที่ตั้งใจปฏิเสธเก้อๆ ไปแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“การิตาวันนี้เธอแต่งตัวแย่งซีนเราป่ะเนี่ย” บารีน่าพูดปนขำแบบไม่จริงจังเพราะเธอมั่นใจว่าในงานนี้ไม่มีใครสู้เธอได้อีกแล้ว ...ทางด้านคนินก็มองภาพสาวน้อยในชุดที่เขาเลือกได้อย่างลงตัวและสง่างาม ผิวขาวใสตัดกับชุดสีน้ำเงินกำมะหยี่ประดับมุกเล็กน้อยตรงทรวงอกอย่างพึงพอใจ...คุณจะรู้มั้ยว่าไอ้มุกนั่นน่ะผมงมเองกับมือ...
“ก็นิดนึงมั้ง คนเลือกให้เขารสนิยมดีน่ะ” การิตาว่าพลางมองยิ้มไปให้คนินอย่างรู้กัน แต่ไม่มีใครรู้ทันเพราะคิดว่าการิตาเยาะคนินแทนเอ็ดเวอร์ที่เลือกชุดให้เข้ากับเธอมากกว่าเขาที่เลือกให้บารีน่า...นั่นเป็นมุมมองเทียมๆ ของใครๆ นั่นเอง
“ตายแล้วปากดีขึ้นเป็นกองเพื่อนฉัน เอาแล้วไงคะเราท์เตอร์อย่าไปยอมนะคะ ฮิฮิ” ปาริตาแซว อย่างขำๆ พร้อมลูกรับอย่างพินยาและทิชางามที่พร้อมใจกันสามัคคี มีแต่บารีน่าที่ขัดใจเพราะคนินไม่มีทีท่าว่าจะปกป้องเธออย่างที่ควรจะเป็น
“เราท์เตอร์ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอคะ” น่านราตรีที่ดูเงียบเป็นพิเศษอยู่นานสองนานก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ ยิ้มๆ ...ซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย
“คำบางคำไม่พูดก็เข้าใจครับ” เรียกเสียงแซวเฮฮาได้เป็นเกลียวยกเว้นบารีน่าที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ..ถ้าคุณไม่หล่อและรวยฉันไม่เสียเวลากับคุณนานขนาดนี้หรอกคนิน...
ส่วนทางด้านการิตาก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของบารีน่าที่มีต่อคนินและได้เห็นอะไรบางอย่าง...ถ้าเธอรักเขาเธอจะไม่แสดงอาการแบบนี้ออกมาหรอกบารีน่า...ฉันไม่ยอมปล่อยเขาให้เธอไปแน่นอน
“แต่คำบางคำ..นอกจากไม่พูดแล้วยังไม่ทำ..มันก็เหมือนจะย้ำว่าปัดความรับผิดชอบนะคะ” น่านราตรีเอ่ยอะไรที่ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
“ไม่เอาน่าน่านผมว่าเราไปพบคุณหญิงกันดีกว่านะ” แซมมี่รีบกู้สถานการณ์ที่ดูจะเลวร้ายไม่ให้ร้ายแรงไปกว่านี้
“ไอ้คำว่าปัดความรับผิดชอบ..น่าจะใช้กับคนที่ชอบทำอะไรให้คนอื่นต้องปัดไม่ได้ไล่คำพูดไม่ออกมากกว่านะครับ”
“เราท์เตอร์! ไปเถอะครับน่าน” แซมมี่ปรามเพื่อนรักและรีบกึ่งลากคนรักออกจากตรงนั้น...เพราะดูเหมือนถ้าน่านราตรีเก็บอารมณ์ไม่ได้สถานการณ์ก็คงเอาไม่อยู่
“พูดเรื่องอะไรกันทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” บารีน่าหันไปถามคนินตรงๆ แต่เขาก็เอาแต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่าให้ฉันรู้นะคะว่าคุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่” บารีน่าพูดพอให้ได้ยินกันสองคนแต่บุคคลที่สามอย่างการิตาก็ยังจ้องมาแบบอยากรู้สุดๆ
“การปิดบังคุณผมไม่เห็นว่ามันจะมีผลอะไรกับชีวิตเลย แต่ผมแค่คิดว่าถ้าบอกไปมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่ดี” บารีน่าพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง..ทั้งๆ ที่อยากตบหน้าสักฉาดสองฉาดเอาให้หายเจ็บใจ
“พินนี่ว่าพวกเราทุกคนเข้าไปหานั่งในงานกันดีกว่าเนอะ” พินยาผู้เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ที่ดูจะกลืนลำบากๆ สักหน่อย และทุกคนก็คล้อยตามรีบเข้าไปนั่งในงานเพราะไม่อยากทนอยู่ในสถานการณ์อึนๆ มึนๆ พิกลนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครทราบว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่มีใครอยากรู้จนจะเสียบรรยากาศของงาน
ท่ามกลางงานเพชรน้ำหนึ่งล้ำค่า...ประดับฟ้าราตรี เป็นงานการประมูลครั้งสำคัญของวงการเครื่องเพชร นอกจากจะเป็นศูนย์รวมความล้ำค่าของเครื่องเพชรจากศูนย์อัญมณีทั่วโลกแล้ว ยังเป็นงานที่ประกาศความมั่งคั่งของบุคคลอีกด้วย เพราะผู้คนในงานล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือชื่นชมความงดงามของบรรดาเครื่องเพชรแล้วยังมางานนี้เพื่อประมูลเพชรให้มีราคาสูงสุดเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลและต่อตัวเองให้เป็นที่รู้จัก...แต่สำหรับคนินเขาได้รับเชิญมาเพื่อเป็นแขกกิตติมศักดิ์ เนื่องจากครอบครัวของเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สะสมเครื่องเพชรมาชั่วอายุคนกลายเป็นตระกูลที่มีเครื่องเพชรมหาศาลกลายเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันมา คือการมาร่วมงานประมูลเครื่องเพชรและประมูลเครื่องเพชรที่คิดว่าดีที่สุดกลับไป แต่สำหรับคนอื่นๆ ก็เพื่อมาชื่นชมความสวยงาม จะมีพิเศษก็แต่แซมมี่และน่านราตรีที่มางานนี้เพื่อหาเครื่องเพชรสวมในงานแต่งงานโดยเฉพาะ...
“อ้าว คุณคนินสวัสดีค่ะ แหมดิฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าทางฝ่ายคุณหญิงต้องส่งคุณมาเป็นตัวแทนท่าน” คุณหญิงผ่องอำไพเพื่อนสนิทของคุณหญิงกนกแก้วแม่ของคนิน เอ่ยทักคนินเหมือนคนคุ้นเคยแต่สรรพนามช่างดูห่างไกลเพราะคนินไม่ชอบนับญาติกับใครยิ่งเขาก้าวมา ณ จุดนี้ได้ก็เพราะความทะเยอทะยานแรงกล้า...ที่เขาไม่เคยอธิบายให้ใครฟัง ..รู้ไว้แค่ว่าเขาคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ทำตามคนรุ่นเก่าคือการสืบทอดกิจการของคุณปู่ที่เกี่ยวกับการโรงแรมและการท่องเที่ยว และช่วยในการบริหารกิจการเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเลถือว่าเจ้าของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของทางฝ่ายคุณหญิงกนกแก้วที่ชอบงานทางด้านสังคมมากกว่า..ภาระทำตามทางฝ่ายคุณตาและคุณปู่ก็เป็นของเขาไปโดยปริยาย ...แต่ชื่อเสียงของเขาตอนนี้ที่เด่นสุดคือเจ้าของงานวิจัยทางด้านเกษตรกรรม..คือการปลูกพืชในดินแห้งแล้งและเสื่อมสภาพ ไม่มีใครทราบเรื่องนี้นอกจากคนในวงการและผู้ที่สนใจ...เขาใช้ชื่อในการวิจัยครั้งนี้ว่า ..” รอยเท้าโค”
“ถ้านึกอยู่แล้ว..ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับ” เอาแล้วมั้ยล่ะ..นอกจากเขาจะเป็นคนปากไม่ดีแล้ว...ยังไม่ดีแบบไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลาอีกด้วย
“เราท์เตอร์เสียมารยาท!” บารีน่าอายแทบแทรกแผ่นดินแต่ก็ยังปรามเขาด้วยท่าทางขุ่นๆ
“ผมก็เป็นของผมแบบนี้ คุณรับได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม” บารีน่าอยากกรี๊ดๆ ให้หายบ้าแต่ก็ทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มแย้มเพราะอยู่ต่อหน้าคุณหญิงผ่องอำไพ
“งั้นยังไงก็เชิญรับประทานอาหารกันตามสบายแล้วกันนะคะ ขอตัวไปรับแขกก่อน” หลังจากที่คุณหญิงคล้อยไปทุกคนก็นั่งประจำตำแหน่งมีเพียงน่านราตรีกับแซมมี่เท่านั้นที่ไม่ได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยเพราะเลี่ยงไปทำการประมูลเครื่องเพชรที่เลือกเอาไว้...แต่สำหรับคนินเพชรที่เขาต้องการเป็นของเขาตั้งแต่วันที่เอ่ยปาก
“เราท์เตอร์คะ คุณมางานเครื่องเพชรและซื้อไปทุกปีเลยเหรอคะ แล้วแบบนี้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนเหรอคะ” ปาริตาถามแบบอยากรู้จริงๆ ซึ่งการิตาที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาสักอย่างเริ่มเงี่ยหูฟังอีกครั้ง...
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณยายท่านชอบ ผมก็ทำตามใจท่าน...แต่ปีนี้ผมตั้งใจว่าจะเก็บเอาไว้ใช้เอง” พูดแล้วก็มองไปทางการิตาแต่เสียดายที่เธอไม่ได้มองมาเพราะมัวแต่มองอาหารบนโต๊ะเพราะของกินสำคัญสำหรับเธอมาก ..จนคนินต้องส่ายหน้าในใจ
“เฮ้ย ใช้เครื่องเพชรเนี่ยนะคะ...อย่าบอกนะว่าคุณคือนางแบบคนสวยของงานน่ะค่ะ” ปาริตาว่าพลางหัวเราะซึ่งเรียกร้องให้การิตาหันมามองและรู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ ซึ่งคนินก็สังเกตเห็นเป็นอย่างดี
“มุกแป้กครับ” คนินก็พลอยหัวเราะไปด้วยพลางมองที่การิตาที่มองกลับมาว่า ‘หัวเราะอะไรกัน’
“อย่าบอกนะคะว่าเราท์เตอร์จะซื้อเพชรให้ผู้หญิงคนสำคัญ” บารีน่าถามเข้าเรื่องทันทีเพราะเธอมาดหมายว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นเธอ
“คำตอบมันก็อยู่ในคำถามนั่นแหละครับ” ว่าแล้วก็หยิบไวน์ขึ้นดื่มอย่างใจเย็น
“แหม อยากรู้จังเลยนะคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ปาริตาออกเสียงเชียร์เพราะมั่นใจว่ายังไงก็ไม่พ้นบารีน่าเพื่อนรักของเธอ
“ผมว่าคุณปาริตาก็รู้จักดีนะครับ ดีมากด้วย” เมื่อคนินเอ่ยแบบนั้นและหันไปมองทางการิตาซึ่งเธอก็หันมาพอดี..เธอจึงแสร้งตักอาหารเข้าปาก ส่วนทางบารีน่าเมื่อเห็นคนินยืนยันแบบนั้นก็เริ่มมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
“น่าอิจฉาคนที่ปริมรู้จักจังเลยนะคะ” ว่าพลางหัวเราะคิกคักพลางพยักพเยิดให้เพื่อนรักอย่างบารีน่า การิตาก็ได้แต่มองแบบเคืองๆ มาทางคนินเขามองตอบแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“บาร์มชักจะอยากเห็นเพชรที่คุณประมูลเร็วๆ แล้วล่ะค่ะเราท์เตอร์” บารีน่าพูดแบบไว้เชิงนิดๆ ซึ่งคนินมองว่าความน่ารักแรกๆ ที่เธอมีเริ่มจืดจางลงไปทุกวันๆ ..น่าเบื่อชิบๆ
“งานนี้แหละครับที่คุณบาร์มจะมีโอกาสเห็น”
“แล้วโอกาสต่อไปจะได้เห็นอีกเมื่อไหร่คะ” ปาริตาต่อให้อย่างรู้กัน
“อันนั้นผมก็กำลังวางแผนอยู่ครับ” คนินหมายถึงงานแต่งงานระหว่างเขากับการิตา แต่สองสาวกลับเข้าใจไปอีกทาง...รวมทั้งการิตาด้วย ..ใจเย็นไว้การิตาถ้าเขาเลือกคนอื่นเธอก็ต้องยอมรับได้ ฮึ!
แต่แล้วเสียงประกาศบนเวทีก็เรียกความสนใจให้ทุกคนต้องจบการสนทนาแค่นั้นเพราะนาทีสำคัญคือการเดินแบบโชว์เครื่องเพชรในค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มขึ้น...คนินไม่ทราบว่าใครคือคนเดินแบบเครื่องเพชรของเขาในค่ำคืนนี้ ...และเขาได้ถูกเชิญให้เข้าไปอยู่ในจุดของผู้ร่วมประมูลเพื่อชื่นชมเพชรล้ำค่าที่ตนเองประมูลไว้ และภาพที่เขาเห็นคือวรรณิสานางแบบคนสำคัญกับเครื่องเพชรที่เขาเลือก...บ้าจริง!! อยากหักคอนางแบบให้ตายเลย
นอกจากคนินจะโมโหแล้วคนที่อึ้งคือบารีน่าและการิตาเมื่อพิธีกรประกาศว่าเครื่องเพชรชุดนั้นเป็นของคนิน มันสวยงามมากแต่เจ้าของลำคอระหงที่สวมเอาไว้ทำให้บารีน่าอยากกรีดร้อง เพราะลึกๆ เธอไม่ค่อยชอบวรรณิสาผู้หญิงขี้อิจฉาเงียบๆ ที่เธอทราบดี ส่วนการิตาเธอรู้สึกอิจฉาวรรณิสามาโดยตลอดทำให้วันนี้อิจฉาเข้าไปใหญ่...อย่างน้อยเธอก็มีโอกาสได้สวมเครื่องเพชรของคนิน...
หลังจากการเดินแบบเสร็จสิ้นคนินแขกคนสำคัญของงานก็ถูกเชิญให้ขึ้นไปกล่าวอะไรบนเวที ทันทีกับคำถามแรก...
“คุณคนินรู้สึกยังไงกับการเดินแบบเครื่องเพชรในค่ำคืนนี้ครับ”
“ผมคงไม่เสียมารยาทพูดว่ารู้สึกแย่มากหรอกครับ” คำตอบของเขาทำเอาคนอึ้งทั้งงานตามมาด้วยเสียงฮือฮา คนที่หน้าชาคือคนที่ยืนสวมเครื่องเพชรอยู่ข้างๆ เขา..วรรณิสา
“เอ่อ คุณคนินนี่อารมณ์ขันตลอดเลยนะครับ ทราบมาว่าเครื่องเพชรชุดนี้เป็นของคนสำคัญ..สำคัญยังไงแค่ไหนหรือครับ”
“สำคัญระดับแม่ของลูกครับ” คนินพูดโดยไม่มองหน้าใคร..แม้แต่การิตาซึ่งเธอจ้องที่เขาตลอดเวลาด้วยความน้อยใจ ฉันพยายามเข้าข้างตัวเองแล้วนะ..แต่พยายามต่อไม่ไหวจริงๆ
“แสดงว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ใช่ไหมครับ” พิธีกรยังถามระคนตื่นเต้นต่อไป
“อาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับใครบางคนครับ” คนินว่าพลางมองที่วรรณิสาซึ่งเธอก็มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจภายใต้รอยยิ้ม
“ได้ข่าวว่าคุณคนินเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคุณวรรณิสาไม่ทราบว่าผู้หญิงคนสำคัญของคุณคนินคือเธอหรือเปล่าคะ” นักข่าวสาวที่ถูกจ้างมารีบถามจากด้านล่างเวทีทันทีที่มีโอกาส
“ไม่ทราบว่าคุณไปเอาข่าวมาจากไหนนะครับ แต่ข่าวก็ถือว่ากรองดีใช้คำถูกต้อง ..ยอมรับครับ ‘เคย’ มีความสัมพันธ์กัน แต่ปัจจุบันเป็นแค่อดีตครับ” คำตอบของคนินยิ่งทำเอาวรรณิสาแทบปั้นหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ซึ่งบารีน่ามองอย่างสะใจ
ทางด้านการิตาเมื่อทราบว่าวรรณิสาคือแฟนเก่าคนที่เขาบอกว่ารัก...เธอก็แทบล้มทั้งยืน ชาตินี้ฉันไม่มีทางชนะเธอได้เลยสินะ...ปอย เพราะเธอเข้าใจว่าที่คนินทำแบบนี้เพราะแค่ประชดประชันแค่นั้น..เพราะคนสำคัญก็คือคนที่สวมเครื่องเพชรอยู่นั่นเอง
“แล้วมีโอกาสมั้ยคะที่อดีตจะกลายเป็นอนาคตได้” นักข่าวสาวยังคงถามต่อ
“มั่นใจครับว่าไม่มีทาง เพราะคนสำคัญของผมเขาก็อยู่ในงานนี้แหละครับ” เรียกเสียงฮือฮาได้อีกเป็นกอง ผู้คนเริ่มมองหา...บารีน่าก็เชิ่ด อย่างเต็มที่เพราะคิดว่ายังไงทุกคนก็ต้องมองมาที่คู่ควงของคนินแน่นอน
“คนสำคัญคือคนที่คุณควงมาในค่ำคืนนี้” พิธีกรเริ่มถามอย่างตื่นเต้น..อีกครั้ง
“คนสำคัญจะควงไม่ควงก็สำคัญครับ”
“แหมเข้าใจตอบนะครับ เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องเพชรกันต่อเลยนะครับ...” แล้วพิธีก็ถามเข้าเรื่องหลายอย่าง ซึ่งคนินก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ส่วนวรรณิสาเมื่อทราบว่าเป้าหมายของตัวเองคือใครก็เริ่มแผนการในใจทันที..บารีน่าเธออีกแล้ว เหรอ..ยังไงเราท์เตอร์ก็ต้องเห็นธาตุแท้เธอ!
การิตาหาทางเลี่ยงออกจากงานเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะถอนตัวจากผู้ชายที่ครอบครองเธอทั้งร่างกายและหัวใจได้หรือไม่...
